ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 8 ก่อนที่พายุฝนจะมาถึง
มังกรแปดกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มังกรหนึ่งกลับกระตุกเสื้อของเธอพลางส่ายหน้าเบาๆ
กลุ่มลับของสำนักมังกรลับอยู่ในการดูแลของมังกรหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ฉินปิงหลันเคยประสบมานอกจากเจ้ามังกรแล้ว มังกรหนึ่งถือเป็นคนที่เข้าใจดีที่สุด เขารู้ว่านั่นคือปมที่ใหญ่ที่สุดในใจของฉินปิงหลัน
ท่านวางใจเถอะครับ พวกเราจะไม่พูดอีก แต่ร่างกายของนายน้อยนั้นอ่อนแออย่างมาก ดังนั้นท่านและนายน้อยโปรดอยู่ที่นี่ต่อด้วย เพื่อเป็นการสะดวกให้มังกรแปดได้รักษาร่างกายของนายน้อย !อีกอย่าง ภัยอันตรายด้านนอกยังไม่คลี่คลาย เพื่อความปลอดภัยของ ผมอยากจะขอให้ท่านอยู่ที่นี่ต่อด้วยเถอะครับ มังกรหนึ่งรีบพูดขึ้นมา
นายหญิงและนายน้อยจะออกจากที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด นี่คือข้อกำหนด สำหรับเรื่องผิดใจกันของเธอและเจ้ามังกร ยังไงก็ต้องให้เจ้ามังกรมาเป็นคนจัดการเอง พวกเขาที่เป็นเพียงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่สามารถที่จะพูดอะไรมากมาย ไม่อย่างนั้นทุกอย่างอาจกลับตาลปัตรได้
หลังจากที่ฉินปิงหลันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาแล้ววางโตว๋โตว๋ลงไปบนเตียงเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนพวกนี้ต้องการทำอะไรกันแน่ แต่พอจะดูออกว่าถ้ามีพวกเขาอยู่ด้วยลูกๆ จะต้องปลอดภัยแน่นอน
และในตอนนั้นเองโตว๋โตว๋ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย แต่ราวกับเธอนึกอะไรบางอย่างได้จึงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที คุณพ่อ……
โต๋วโต๋วร้องลั่นพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ มองหาคุณพ่อของตัวเอง แต่เธอกลับมองไม่เห็นใบหน้าที่แสนอ่อนโยนนั้นเลย
และพอหันไปเห็นคุณแม่ที่ยืนอยู่ข้างเตียง โตว๋โตว๋ก็รีบจับมือของเธอทันที แม่คะ หนูเห็นคุณพ่อแล้ว คุณพ่อมาช่วยโตว๋โตว๋แล้ว
คุณพ่อล่ะคะ?ทำไมถึงไม่เห็นคุณพ่ออีกแล้ว?เพราะว่าโตว๋โตว๋นอนหลับไป คุณเลยโกรธและไม่ต้องการโตว๋โตว๋แล้วใช่หรือเปล่าคะ ?
โตว๋โตว๋ลุกขึ้นมาจากเตียง ด้วยความรู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วดวงตาใสๆที่เต็มไปด้วยความโหยหาก็มีน้ำตาหลั่งไหลลงมา
เธอกลัว กลัวว่าภาพที่ได้เจอกับคุณพ่อนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันของตัวเองเท่านั้น
ฉินปิงหลันกอดลูกสาวของตัวเองแน่น ในใจของเธอราวกับมีหินก้อนใหญ่หล่นทับลงมา อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่ก็ร้องไม่ออก โตว๋โตว๋……
เมื่อดูจากปฏิกิริยาของแม่แล้ว โตว๋โตว๋ก็เผลอคิดว่าคุณพ่อไปแล้ว ไม่ต้องการเธอแล้ว จึงร้องไห้โฮเสียงดังออกมาทันที คุณแม่คะ หนูอยากเจอคุณพ่อ หนูอยากเจอคุณพ่อ
เด็กน้อยร้องไห้ด้วยความวิตกกังวลทำเอาคนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะหลั่งตาไม่ได้
มังกรแปดปาดน้ำตาตรงปลายตาออกพลางเดินเข้าไปแล้วพูดกับโตว๋โตว๋ด้วยความอ่อนโยน : นายน้อย เจ้ามังกร……คุณพ่อของหนูไปต่อสู้กับคนชั่วอยู่ สู้กับคนชั่วเสร็จก็กลับมาแล้ว
ถ้าหนูไม่เชื่อ หนูถามคุณแม่ก็ได้ พอคุณพ่อช่วยคุณแม่ออกมาได้แล้วก็อยู่ที่นั่นต่อสู้กับคนชั่ว ช่วยแก้แค้นให้กับนายหญิง ……เอ่อ ให้กับคุณแม่และนายน้อย
หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นโตว๋โตว๋ถึงค่อยหยุดร้องไห้ ภายในแววตาฉายแววคาดหวังขึ้นมา คุณแม่คะ คุณพ่อสู้กับคนชั่วเสร็จแล้วก็จะกลับมาใช่ไหมคะ ?คุณไม่ได้ไม่ต้องการโตว๋โตว๋แล้วใช่หรือเปล่าคะ ?
ฉินปิงหลันกัดฟันแน่นพยายามสะกดน้ำตาของตัวเองเอาไว้ แล้วพยักหน้า ใช่จ้า โตว๋โตว๋ทำตัวดีๆ นะ คุณพ่อสู้กับคนชั่วเสร็จแล้วก็จะกลับมา
โตว๋โตว๋ได้ยินอย่างนั้นพลางกระโดดลงมาจากเตียงด้วยความดีใจ อ๋อ ดีแล้วค่ะ ……คุณพ่อไม่ได้ไม่ต้องการโตว๋โตว๋แล้ว ต่อไปโตว๋โตว๋จะมีคุณพ่อแล้ว โตว๋โตว๋มีพ่อแล้ว
น้องสาว ได้ยินหรือยัง ต่อไปพวกเราก็จะมีพ่อแล้ว โตว๋โตว๋กระโดดโลดเต้นพร้อมกับร้องตะโกนกับโนว่โนว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
คุณแม่เคยบอกแล้วว่าพวกเราไม่มีพ่อ โนว่โนว่พูดอย่างเย็นชา จนทำให้คนที่อยู่ภายในห้องเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกทั้งสอง น้ำตาของฉินปิงหลันถึงกับไม่สามารถอัดอั้นเอาไว้ได้อีกแล้ว เธอหันหน้าหนีวิ่งออกจากห้องไปแล้วมานั่งยังมุมหนึ่งของชั้นล่างพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยใจที่แตกสลาย
จะโทษลูกสาวหรอ?
ไม่ ลูกไม่ได้ผิดอะไร ?เธอเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น เด็กที่ไม่เคยได้เจอพ่อมาตั้งแต่เด็ก แล้วอยากเจอกับคุณพ่อเท่านั้น
แต่ว่าคุณพ่อคนนั้นกลับเป็นคนที่ทำลายทั้งชีวิตของฉินปิงหลัน
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าอยู่แล้ว
มังกรหนึ่งที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของนายหญิงรีบตามออกมา แต่พอได้เห็นฉินปิงหลันกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด เขาทำได้เพียงแอบถอนหายใจออกมาอย่างเงียบเท่านั้น
มังกรหนึ่งไม่สงสัยเลยสักนิดว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลูกสาวเป็นเชือกผูกมัดเอาไว้ ตอนนี้ฉินปิงหลันคงจะต้องตัดขาดกับเจ้ามังกรแน่ !
เธอถือเป็นผู้หญิงที่ดื้อรันและเย็นชาคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตอนนั้นก็คงจะไม่เพิกเฉยกับการต่อต้านของตระกูลฉิน แล้วยืนกรานที่จะคลอดเด็กสองคนนี้ออกมาพร้อมกับต้องเลี้ยงดูพวกเธอมาด้วยตัวคนเดียวอย่างลำบากแบบนี้
แต่ก็เป็นเพราะความดื้อรั้นของเธอ ห้าปีมานี้ ลูกสาวจึงเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้เธอมีชีวิตต่อมาได้
ทว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นทัศนคติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงของลูกทั้งสองที่มีต่อผู้ชายคนนี้แล้ว อารมณ์ของเธอก็ปะปนกันไปหมด
นี่มันโชคชะตากลั่นแกล้งชัดๆ มังกรหนึ่งที่ได้เห็นบรรยากาศที่มึดครื้มนี้พลางเช็ดน้ำตาตรงปลายตาออก
มวลเมฆบนท้องหนาแน่นขึ้นเรื่อย พร้อมสายลมที่พัดไหวราวกับพายุฝนกำลังจะมาอย่างนั้น
เหมือนกับเมืองเฉินในตอนนี้ที่มีพายุลมฝนพัดผ่านไปทั่วทุกมุมตึก
เรื่องการเคลื่อนสุดเอิกเกริกของตระกูลหลินทำให้คนทั้งเมืองฉือเกิดความหวาดหวั่น เพราะตระกูลหลินกำลังอาละวาดด้วยความโกรธอยู่
แต่อีกฝั่งหนึ่งกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ภายในคฤหาสน์ริมน้ำ เฉินอีกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ โดยองครักษ์มังกรและองครักษ์เสือยืนแยกกันเป็นสองแถว รอการมาถึงของคนตระกูลหลิน
และแน่นอนว่ายังมีหลินเทียนเชิงที่ใกล้จะตายแล้วนอนอยู่ในกรงสุนัข
มังกรสองที่เห็นโดรนขนาดเล็กกำลังบินวนไปทั่วทั้งคฤหาสน์ พลางยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย
นั่นคือโดรนที่หลินเจิ้นหลงส่งมา
ในคฤหาสน์เก่าของตระกูลหลิน หลินเจิ้นหลงกำลังนั่งดูภาพที่ถูกส่งมาจากโดรน เส้นเลือดบนขมับก็ชัดขึ้นมา พร้อมใช้มือทุบลงไปบนโต๊ะไท่ซือที่อยู่ข้างๆ จนแหลก ขณะที่หน้าอกเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง
เมื่อได้เห็นลูกชายที่เหลือขาข้างเดียวหายใจอย่างแผ่วเบาอยู่ในกรงสุนัข หลินเจิ้นหลงก็แทบอยากจะกระโจนเข้าไปตัดแขนตัดขาและเชือดคอพวกเฉินอีอย่างทนไม่ได้
พ่อ ลงคำสั่งเถอะ พวกเราต้องแก้แค้นให้กับเทียนเชิงและคุณอารอง ลูกชายคนเล็กของหลินเจิ้นหลงถือมีดอยู่ในมือร้องตะโกนเสียงดัง
คนแค่ยี่สิบกว่าคน กลับกล้าโอหังขนาดนี้ นายท่าน ถ่ายทอดคำสั่งเถอะครับ บุกเข้าไปฆ่าเพื่อช่วยแก้แค้นให้กับคุณชายและคุณชายรอง
ไอ้คนสารเลวกลุ่มนี้ กล้ามาสร้างความอัปยศให้กับตระกูลหลินของเราถึงขนาดนี้ พวกมันกล้าทำขนาดนี้แล้วยังจะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก รอให้ผมจับพวกมันได้ จะทำให้พวกมันได้ตายทั้งเป็นแน่ ให้พวกมันมองดูเนื้อของตัวเองค่อยๆ ถูกสุนัขกินเข้าไปทีละคำๆ
นายท่าน ให้ผมนำคนไปสับพวกเขาเถอะครับ!
…….
ทุกคนในตระกูลหลินต่างโมโหจัด พร้อมรอขอเปิดสงคราม
หลินเจิ้นหลงถอนหายใจออกมาพร้อมสะกดความเดือดดาลภายในใจ หุบปากให้หมด!
ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง ? หลินเจิ้นหลงหันไปมงยังชายห้าคนที่กำลังนั่งอยู่ด้านข้างของตัวเอง ซึ่งพวกเขาก็คือผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลิน
ปรมาจารย์ ไม่ควรที่จะประมาท แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้ หนึ่งในผู้อาวุโสมองดูพวกเฉินอีในจอภาพแล้วพูดขึ้นมา
ตระกูลหลินนิ่งสงบมานานเกินไปแล้ว จนเมืองฉือลืมไปแล้วว่าตระกูลหลินของเรามีจุดเริ่มต้นอย่างไร ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะให้พวกเขาได้ทำความรู้จักใหม่อีกครั้งแล้ว ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในนั้นหลับตาลงแล้วพูดด้วยเสียงเบา
หลินเจิ้นหลงพยักหน้าเพราะเขามีความคิดแบบเดียวกันกับผู้อาวุโส
หลินเทียนเชิงลูกชายคนโตเหลือเพียงขาข้างเดียวแล้ว ให้ช่วยออกมาคงจะไร้ประโยชน์แล้ว
แต่คราวนี้ที่ตระกูลหลินทำการเคลื่อนทัพอย่าพร้อมใจกันนั้น ไม่ใช่เพียงเพื่อแก้แค้นเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการแสดงศักยภาพของพวกเขาตระกูลหลินให้กับคนในเมืองฉือรวมทั้งทั่วเมืองชิงชวนได้เห็น
ตอนนี้เมืองฉือเล็กเกินไปแล้วที่จะรองรับตระกูลหลินของพวกเขา
หลินหย่ง ทางฝั่งรัฐมนตรีเมืองฉือกับเว่ยอานซือ พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง? หลินเจิ้นหลงมองไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านล่างพร้อมถาม
หลินหย่งตอบกลับอย่างอ่อนน้อม พวกเขาตกลงที่จะนำกองกำลังเข้าไปปิดล้อมพื้นที่นั้นแล้วครับ ทั้งยังบอกอีกว่าแมลงวันตัวเดียวก็จะไม่ให้เล็ดลอดออกไปได้
หลินเจิ้นหลงที่ได้ยินแบบนั้นพลางหรี่ตาลง เดิมทีคิดว่าแค่เว่ยอานซือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็เพียงพอแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้พวกเขาจะเข้ามาช่วยปิดล้อมพื้นนั้นให้
แปลกๆ หลินเจิ้นหลงรู้สึกเหมือนว่าจะมีส่วนไหนที่ผิดปกติ แต่กลับไม่ออกว่ามันมีปัญหาตรงส่วนไหน
บางทีคงเป็นเพราะว่าอำนาจของตระกูลหลินสยบพวกเขาได้แล้วล่ะมั้ง แบบนี้ก็ดี การที่มีฝ่ายรัฐบาลมาให้ความร่วมมือด้วยช่วยลดความยุ่งยากได้เยอะเลย
ในขณะที่หลินเจิ้นหลงกำลังครุ่นคิดเรื่องอยู่นั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็พูดขัดจังหวะขึ้นมา นายท่าน แล้วฝั่งคุณชายสามว่าอย่างไรบ้าง ?
ทุกคนหันมองไปยังหลินเจิ้นหลง คนควบคุมหน่วยทหารนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย มีคุณชายสามรองผู้บัญชาการหน่วยทหารเขตตะวันตกเฉียงใต้มาเป็นนายพลนำทัพ อย่างนั้นเรื่องทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นคนละเรื่องเลย
ฉันโทรศัพท์ไปหาเขาแล้ว ยี่สิบกว่าคนก็แค่ขี้ประจิ๋วเท่านั้น เขาจะว่าอะไรได้ ?กล้ามาหยามตระกูลหลินของเรา อย่าว่าแค่หน่วยทหารเลย ต่อให้จะเป็นเทพเจ้า ฉันก็จะให้มันตาย !
หลินเจิ้นหลงไม่ได้บอกความจริงให้กับทุกคนว่าแท้จริงน้องสามให้เขาอย่าเพิ่งทำการเคลื่อนไหวใดๆ แต่เขาได้รับความอัปยศขนาดนี้แล้ว ยังจะให้เขาอยู่นิ่งได้อย่างไร ?
เหอะ น้องสามอยู่ในหน่วยทหารจนโง่ไปแล้ว ต้องให้ตัวเขาบังคับถึงจะได้
หลินเจิ้นหลงพูดจบพลางลุกขึ้นอย่างช้าๆ กลิ่นอายแห่งความแค้นยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ เดินทางได้!
ฆ่าทุกคนให้หมด ฉันจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าตายทั้งเป็น ! หลินเจิ้นหลงกัดฟันแน่นแล้วพูดประโยคนี้เล็ดออกมาจากฟัน
หลินเจิ้นหลงเดินนำ โดยมีผู้อาวุโสทั้งหาเดินตามหลัง พร้อมนำกองกำลังทั้งหมดของตระกูลหลินที่ในมือถือมีดและปืนไฟเดินทางออกจากคฤหาสน์เก่า มุ่งหน้าบุกไปยังคฤหาสน์ริมน้ำ
ท้องฟ้าใกล้พลบค่ำเหลืองอร่าม ผู้คนบนถนนถูกไล่ออกจนหมด
ตามถนนของเมืองฉือตอนนี้มีเพียงกองกำลังของตระกูลหลินเท่านั้น ที่หลั่งไหลเข้ามาราวกับแม่น้ำ ยิ่งนานคนยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ริมน้ำด้วยอายสังหารที่คลุ้งคลั่ง
เสียงฟ้ารองดังขึ้น เม็ดฝนห่าใหญ่พลางตกลงมาจากฟ้า
ทำให้เมืองฉือที่มีความปั่นป่วนอยู่ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศที่มืดครึ้มมากไปอีก
เพียงไม่นาน คนนับพันจากตระกูลหลินก็มารวมตัวกันบริเวณรอบคฤหาสน์ริมน้ำ แล้วปิดล้อมคฤหาสน์เอาไว้อย่างแน่นหนา
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการเมืองฉือก็ถ่ายทอดคำสั่งให้กองกำลังทั้งหมดของเว่ยอานซือเมืองฉือไปปิดล้อมทุกด้านของคฤหาส์นในระยะหนึ่งกิโลเมตร ทั้งยังสั่งอีกว่าแม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็ห้ามปล่อยให้บินออกไปได้
ทุกคนในเว่ยอานซือต่างนึกสงสัยอย่างมาก เรื่องแบบนี้พวกเขาเว่ยอานซือไม่ใช่ว่าควรจะหลีกเลี่ยง รอให้ทุกอย่างจบลงแล้วค่อยมาจัดเก็บพื้นที่หรอกหรอ ?ทำไมครั้งนี้ถึงได้เป็นฝ่ายรุกเข้าไปให้ความร่วมมือด้วย?
ภายในร่ม รัฐมนตรีว่าการเมืองฉือ หันไปถามผู้ว่าการเมืองชิงชวนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความร้อนใจ ท่านผู้ว่าการ พวกเราจะไม่ห้ามจริงๆ หรอครับ ?ตระกูลหลินมีกองกำลังตั้งพันกว่าคนเลยนะครับ แล้วยังมีปืนไฟอีกด้วย
ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลินล้วนมีวรยุทธ์สูงส่งทั้งนั้น อีกอย่างวรยุทธ์ของหลินเจิ้นหลงก็ยิ่งลึกซึ้งยากที่จะคาดเดาได้อีก แบบนี้ท่านชายคนนั้นที่อยู่ด้านในจะรับมือไหวหรอครับ ?
เฉ่าเฉียงผู้ว่าการเมืองชิงชวนหัวเราะแห้งออกมา เรื่องของท่านชายคนนั้น ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของผมดีขึ้น แต่คนตัวเล็กๆ อย่างพวกเรา……
รัฐมนตรีว่าการเมืองฉือ เองก็ถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา ใช่สิ เรื่องของท่านชายคนนั้น แม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขายังไม่มีเลย
หลินเจิ้นหลงมองไปยังคฤหาสน์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ค่อยๆ ย่างก้าวเดินเข้าไป อายแค้นบนร่างกายยิ่งนานก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าได้ชะล้างเม็ดฝนที่อยู่บนร่างกายให้หายไปจนหมด
พลังของผู้อาวุโสทั้งห้าก็คือการประสานพลัง พวกเขารวมพลังอยู่ด้วยกัน และรวมพลังในการฆ่าคน
คนตระกูลหลินพากันเดินเข้าไปในประตูทางเข้าของคฤหาสน์ที่เปิดเอาไว้ พร้อมกับล้อมพวกของเฉินอีที่กำลังนั่งอยู่ใต้ร่มกลางลานเอาไว้อย่างหนาแน่น
โดยที่องครักษ์มังกรและองครักษ์เสือยังคงยืนอยู่ด้านหลังของเฉินอีอย่างแน่นิ่งท่ามกลางสายฝนที่เทลงมา
คนนับพันที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆ ไม่ได้ทำให้มังกรสองรู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย ราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตนอย่างนั้น
ครั้งก่อน เจ้ามังกรพาคนจำนวนเพียงสิบกว่าคน ฆ่าทุกคนในสำนักงานใหญ่องค์กรทหารรับจ้างของประเทศศัตรูจนหมด ตอนนี้กับแค่พวกคนกระจ้อยตรงหน้าพวกนี้……
ส่วนเฉินอีที่นั่งอยู่ภายใต้ร่มคันใหญ่ ยิ้มอ่อนๆ ออกมาดูวิดีโอที่มังกรแปดส่งมาให้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน โดยมีโตว๋โตว๋ที่กำลังร้องตะโกนว่าตัวเองมีคุณพ่อแล้ว น้ำเสียงจิ้มลิ้มนั้นทำเอาหัวใจของเฉินอีละลายไปหมด
ตอนนี้เฉินอีอยากจะรีบบินกลับไปแล้วโอบกอดลูกสาวเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองแน่นๆ
หลินเจิ้นหลงหรี่ตาลงจ้องเขม็นไปยังเฉินอี โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรใดๆ ทั้งสิ้นจนทั่วทั้งคฤหาสน์ตกอยู่ในความเงียบงัน
ส่วนหลินเทียนเชิงนั้นได้หมดลมหายใจไปนานแล้ว แต่ถึงจะตายแล้วดวงตาก็ยังไม่ยอมปิด หลังจากที่เข้ามาในคฤหาสน์ หลินเจิ้นหลงหันไปมองเพียงครั้งเดียว ก็ไม่หันไปมองเป็นครั้งที่สองอีก
ในที่สุด ยังคงเป็น หลินเจิ้นหลงที่เป็นฝ่ายยุติบรรยากาศอันเงียบงันนี้ลง แกอยากจะตายยังไง?
เฉินอีเงยหน้าขึ้นช้าๆ คุณรบกวนเวลาผมดูลูกสาวอยู่
เสียงของเจ้ามังกรยังไม่ทันออกมา จิตสังหารในตัวของมังกรสองก็พลุ่งพล่านออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาหลินเจิ้นหลงด้วยการเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว
หลินเจิ้นหลงยังไม่ทันที่จะได้รู้ตัว ร่างกายก็กลายเป็นกระสอบทรายกระเด็นออกไปกระแทกตัวลงท่ามกลางกลุ่มคนตรงนั้น
หลินเจิ้นหลงที่รู้สึกมั่นใจในทักษะฝีมือของตัวเองมาโดยตลอด กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวของอีกฝ่ายตัวเองก็ยังรับมือไม่ได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
แกคือใครกันแน่? หลินเจิ้นหลงกุมหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ พยายามลุกขึ้นยืน กลับไปมองเฉินอีอีกครั้งด้วยแววตาแอบซ่อนความกลัวเอาไว้ลึกๆ
ผู้ชายคนหนึ่งที่มาทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวและแม่ของลูก เฉินอีลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พร้อมอายสังหารในร่างกายที่กระจายออกมา!