สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1007 ทำให้สมหวัง
ตอนที่ 1007 ทำให้สมหวัง
เซียวหรงเหยี่ยนที่เสื้อผ้าเต็มไปด้วยเลือดกลัวว่าต่งซื่อจะเป็นกังวลมากกว่าเดิมหากไม่รู้เรื่องราวใดเลยจึงโค้งกายคำนับต่งซื่อพลางกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่กำลังสนทนาอยู่กับกระหม่อมและอ๋องหน้ากากผี ทว่า จู่ๆ กลับเป็นลมหมดสติไป ฮูหยิน…ไทเฮาอย่างเพิ่งกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอหงกำลังตรวจอาการของคุณหนูใหญ่อยู่พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหงมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง จากนั้นหันไปทำความเคารพต่งซื่อพลางกล่าวขึ้น “ฮูหยินใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ คุณหนูใหญ่ไม่ได้เป็นอันใดร้ายแรง เพียงแค่…”
“แค่!?” ฮูหยินสี่หวังซื่อชะงักมือที่คลำลูกประคำทันที นางกำลูกประคำในมือแน่น “แค่อันใด!”
หมอหงขบกรามมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง จากนั้นโค้งกายคำนับอีกครั้ง “ฮูหยินใหญ่ ขอสนทนาเป็นการส่วนตัวสักครู่ขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนกำหมัดแน่น เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ หมอหงจึงได้เกลียดชังเขาเช่นนี้
ใจของต่งซื่อกระตุกวูบ นางพยักหน้าแล้วเดินตามหมอหงไปยังมุมตำหนักที่มีโคมไฟสามสิบสองแฉกวางอยู่ หมอหงกล่าวขึ้น “ฮูหยินใหญ่ คุณหนูใหญ่…ตั้งครรภ์ขอรับ”
ต่งซื่อเบิกตาโพลงมองไปทางหมอหงอย่างตกตะลึง สมองของนางขาวโพลนไปหมด นางมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนทันที นางเห็นเซียวหรงเหยี่ยนที่แขนเสื้อชุ่มไปด้วยเลือดและพันผ้าพันแผลไว้ที่แขนกำลังโน้มตัวห่มผ้าให้ไป๋ชิงเหยียน ต่งซื่อหันไปถามหมอหงอย่างมีสติ “ทว่า ท่านหมอกล่าวว่าร่างกายของอาเป่ามีบุตรได้ยาก…”
“มีบุตรยากไม่ได้แปลว่ามีไม่ได้ขอรับ ที่สำคัญตอนนี้อาการทนหนาวไม่ได้ของคุณหนูใหญ่แทบหายเป็นปกติแล้ว” สีหน้าของหมอหงจริงจัง “ทว่า ร่างกายของคุณหนูใหญ่ไม่เหมาะที่จะตั้งครรภ์ในตอนนี้ ช่วงนี้คุณหนูใหญ่พักผ่อนไม่เพียงพอและหักโหมงานมาโดยตลอด คุณหนูใหญ่ถึงเป็นลมหมดสติไปเช่นนี้ขอรับ”
“จะเป็นอันตรายหรือไม่” ต่งซื่อเป็นกังวลมาก ต่งซื่อไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงของบุตรสาว บัดนี้อาเป่าเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวแล้ว คนมากมายตั้งตารอให้อาเป่าแต่งตั้งสามีเพื่อสืบทอดทายาท ทว่า นางจะไม่สนใจร่างกายของอาเป่าไม่ได้!
แต่ไรมาการตั้งครรภ์ของสตรีคือการก้าวเท้าข้างหนึ่งไปสู่ความตาย ยิ่งไปกว่านั้นอาเป่าเคยได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อน ท่านหมอหงกล่าวว่าอาเป่าไม่ควรตั้งครรภ์ตอนนี้ คนเป็นแม่อย่างนางจะไม่กังวลได้อย่างไรกัน
เซียวหรงเหยี่ยนผู้นั้นสมควรตาย! หากชายหนุ่มไม่เคยมีบุญคุณต่อตระกูลไป๋ ต่งซื่อคงสั่งให้ทหารรักษาพระองค์โยนเขาออกไปจากวังหลวงแล้ว!
ต่งซื่อกำหมัดแน่น เมื่อหันกลับไปเห็นแววตาเป็นกังวลที่บรรดาน้องสะใภ้มองมาทางนาง ต่งซื่อจึงพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นกล่าวกับหมอหง “อย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป”
“ข้าทราบดีขอรับ” หมอหงพยักหน้า
ต่งซื่อถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นเดินตรงไปหาบรรดาน้องสะใภ้ “ท่านหมอหงบอกว่าอาเป่าไม่ได้เป็นอันใดร้ายแรง แค่ช่วงนี้หักโหมร่างกายมากเกินไป ให้นางพักผ่อนสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด ไม่ต้องอยู่เฝ้าที่นี่ หากอาเป่าฟื้นแล้วข้าจะให้คนรายงานพวกเจ้า น้องสะใภ้ห้ารีบกลับไปดูแลเสี่ยวปาเถิด”
“ทว่า…” ฮูหยินสามอยากกล่าวสิ่งใดอีก ทว่า ถูกฮูหยินห้ารั้งไว้เสียก่อน
ฮูหยินห้าฉีซื่อเป็นคนฉลาด หากอาเป่าเพียงแค่หักโหมร่างกายเกินไป หมอหงไม่มีทางเชิญต่งซื่อไปคุยเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ พี่สะใภ้ใหญ่คงอยากให้พวกนางออกไปก่อนเพราะมีเรื่องสำคัญต้องกล่าว เดี๋ยวพี่สะใภ้ใหญ่คงบอกเรื่องทุกอย่างให้พวกนางทราบภายหลังเอง พวกนางไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไป
“พี่สะใภ้ใหญ่กล่าวถูกแล้วเจ้าค่ะ คนมากมายมาออกันอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลอาเป่าไปเถิดเจ้าคะ หากมีสิ่งใดต้องการให้ช่วยเหลือ…ส่งคนมาแจ้งพวกเราได้เลยเจ้าค่ะ” ฮูหยินห้าทำความเคารพต่งซื่อ
มองส่งฮูหยินทุกคนจากไป ต่งซื่อหันไปทางไป๋ชิงอวี๋บุตรชายของตน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอก ต่งซื่อจะแสดงออกชัดเจนไม่ได้ นางทำเพียงกล่าวกับไป๋ชิงอวี๋ “ท่านอ๋อง ฝ่าบาทมิเป็นอันใดแล้ว ท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนที่ที่พักก่อนเถิด วันนี้ทำให้ท่านอ๋องตกใจแล้ว”
ไป๋ชิงอวี๋กำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น จากนั้นทำความเคารพต่งซื่อ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”
ต่งซื่อพยักหน้าพลางมองส่งบุตรชายจากไปด้วยสายตาอาวรณ์ จากนั้นมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมลง
เซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นสายตาของต่งซื่อจึงรู้ทันทีว่านางมีเรื่องต้องการสนทนากับเขา
“เว่ยจง ข้ามีเรื่องจะสนทนากับเซียวเซียนเซิง เจ้าพาคนอื่นๆ ออกไปก่อน หมอหงอยู่ที่นี่คนเดียวก็พอ” ต่งซื่อกล่าวเสียงขรึม มองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนอย่างดุดัน
เซียวหรงเหยี่ยนกำมือแน่นพลางยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีประหนึ่งผู้น้อยรอฟังคำสั่งสอนจากผู้อาวุโสกว่า
ต่งซื่อเดินกัดฟันกรอดไปนั่งลงบนเตียงของไป๋ชิงเหยียน นางเอื้อมมือลูบศีรษะบุตรสาว ห่มผ้าให้บุตรสาว ดวงตาเริ่มพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา
เมื่อก่อนนางเคยแอบร้องไห้เพราะไป๋ชิงเหยียนมีบุตรยากอยู่หลายครั้ง บัดนี้บุตรสาวของนางตั้งครรภ์แล้ว ทว่า ต่งซื่อก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
หากการตั้งครรภ์ครั้งนี้ทำให้อาเป่าเป็นอันใดไป ต่งซื่อยอมให้บุตรสาวไม่มีบุตรไปตลอดชีวิตดีกว่า
น้ำตาของต่งซื่อไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นางใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง จากนั้นหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยนด้วยแววตาเกรี้ยวกราด “พวกเจ้ามีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันตั้งแต่เมื่อใด!”
ดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนไหววูบ สายตาของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ใบหน้าที่ซีดเผือดของไป๋ชิงเหยียน เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาเมื่อครู่ของหมอหงและมารดาของไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้ ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในใจของเซียวหรงเหยี่ยนทันที
เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเซียวหรงเหยี่ยน ต่งซื่อกัดฟันกรอด นางถลกชายกระโปรงเดินไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นเอื้อมมือฟาดลงไปบนใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างแรงอย่างทนไม่ไหวจนใบหน้าของชายหนุ่มชาไปครึ่งซีก
น้ำตาของต่งซื่อไหลพราก นางถามด้วยความโมโหอีกครั้ง “ตั้งแต่เมื่อใด!”
ลำคอของเซียวหรงเหยี่ยนร้อนผ่าว ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัวจนชายหนุ่มเข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที
เซียวหรงเหยี่ยนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าต่งซื่อ ก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “ความจริงวันนี้หรงเหยี่ยนตั้งใจจะมาสารภาพทุกอย่างกับไทเฮาในวัง นามจริงของหรงเหยี่ยนคือมู่หรงเหยี่ยน อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน น้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิองค์ก่อนมู่หรงอวี้แห่งต้าเยี่ยนขอรับ”
ต่งซื่อเบิกตาโพลง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าคือคนแปลกหน้าขึ้นมาทันที
“มู่หรงเหยี่ยนพบคุณหนูใหญ่ครั้งแรกที่วังหลวงของแคว้นสู่ ข้ารู้สึกชื่นชมนางตั้งแต่ตอนนั้น ต่อมาคุณหนูใหญ่พาตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงก้าวผ่านวิกฤตครั้งใหญ่หลวงมาได้โดยไม่ลืมปณิธานแรกเริ่มของบรรพบุรุษไป๋ ข้ารู้สึกนับถือนางมาก คุณหนูใหญ่รู้ฐานะของหรงเหยี่ยนตั้งแต่แรก ทว่า ไม่เคยคิดเปิดโปง นางกล่าวว่าวีรบุรุษผู้น้อยช่วยเหลือคนอ่อนแอ วีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ช่วยเหลือชาวบ้านทั้งแคว้น คุณหนูใหญ่คิดว่าหรงเหยี่ยนสามารถดูแลชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นได้!” ดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนแดงก่ำ ทุกถ้อยคำล้วนกล่าวออกมาจากใจ “นอกเหนือจากความชื่นชมและนับถือ หรงเหยี่ยนจึงเกิดหลงรักคุณหนูใหญ่ ชาตินี้จะไม่แต่งงานกับผู้อื่นนอกจากคุณหนูใหญ่ขอรับ!”
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้าขึ้น ดวงตามีน้ำตาคลอเล็กน้อย “หรงเหยียนและคุณหนูใหญ่มีใจให้กัน สำหรับมู่หรงเหยี่ยนแล้ว คุณหนูใหญ่คือภรรยาเพียงคนเดียวในชีวิตของหรงเหยี่ยน ฮูหยินได้โปรดให้พวกเราได้สมหวังด้วยเถิดขอรับ”
เมื่อต่งซื่อได้ยินคำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยน ร่างของนางเซล้มลงบนเตียงนุ่ม “เจ้าบอกว่าเจ้าคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน อาเป่ารู้เรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ”
เซียวหรงเหยียนมองต่งซื่อพลางพยักหน้า จากนั้นก้มศีรษะคำนับต่งซื่ออีกครั้ง “ฮูหยินได้โปรดให้พวกเราสมหวังด้วยเถิดขอรับ”
*********************************
ตอนที่ 1008 วาสนาน้อย
หมอหงตกใจเช่นเดียวกัน เขารู้ว่าฐานะของเซียวเซียนเซิงผู้นี้ไม่ธรรมดา รู้ว่าชายหนุ่มมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นต้าเยี่ยน กระทั่งคาดเดาว่าเซียวเซียนเซิงผู้นี้คือสายลับของแคว้นต้าเยี่ยน…
ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะคือน้องชายแท้ๆ ของมู่หรงอวี้ คืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนผู้โหดเหี้ยมอำมหิตย์ผู้นั้น
ต่งซื่อนั่งมองไปมู่หรงเหยี่ยนที่มีสีหน้าอ้อนวอนนางอยู่บนเตียงของไป๋ชิงเหยียนท่ามกลางแสงเทียนที่สะบัดไปมาในตำหนักรับรอง จากนั้นเอ่ยถามด้วยความโมโห
“เจ้าจะให้ข้าทำให้พวกเจ้าสมหวังเช่นไร! ให้อาเป่าแต่งงานกับเจ้าพร้อมแคว้นต้าโจว หรือเจ้าจะจากต้าเยี่ยนมาแต่งงานกับอาเป่า”
มู่หรงเหยี่ยนไม่เอ่ยตอบ ต่งซื่อกล่าวต่อ “เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่แต่งงานกับผู้อื่นนอกจากอาเป่า ทว่า จักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนเพิ่งได้ขึ้นครองบัลลังก์ เจ้าคือผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยน หากข้าให้เจ้าทิ้งต้าเยี่ยนมาอยู่กับอาเป่า เจ้าทำได้หรือไม่!”
“บัดนี้อาเป่าคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว นางต้องการทำให้ชาวบ้านและแคว้นต้าโจวมั่งคั่งและแข็งแกร่ง นางไม่มีทางทอดทิ้งต้าโจวไปแน่ เจ้าลองบอกข้าสิว่าฐานะของพวกเจ้าในตอนนี้ สถานการณ์ของต้าโจวและต้าเยี่ยนในตอนนี้ พวกเจ้าจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร” ต่งซื่อโมโหจนปวดใจ
หากเสด็จพี่ยังอยู่ มู่หรงเหยี่ยนจะเลือกอยู่กับไป๋ชิงเหยียนเพื่อหญิงสาวและเด็กในครรภ์
ทว่า อาลี่ยังเด็ก เขาต้องช่วยเหลืออาลี่จนกว่าต้าเยี่ยนจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ จนกว่าจะสานปณิธานของมารดาและพี่ชายได้สำเร็จ
ทว่า บัดนี้เขาทอดทิ้งไป๋ชิงเหยียนที่กำลังตั้งครรภ์ไปไม่ได้
“เหยี่ยน…” ลำคอของมู่หรงเหยี่ยนร้อนผ่าว เขารักไป๋ชิงเหยียนจริงๆ ไม่คิดแต่งงานกับหญิงอื่นนอกเหนือจากไป๋ชิงเหยียน อยากใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวไปจนแก่เฒ่าจริงๆ ทว่า ฐานะของเขาในตอนนี้ สถานการณ์ใต้หล้าในตอนนี้ เขาจะเลือกอย่างไรให้ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
ไป๋ชิงเหยียนที่เขาหลงรักไม่ใช่สตรีธรรมดา ปณิธานของหญิงสาวไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษอย่างเขา หญิงสาวมีความฝันและหน้าที่ของตัวเอง…
อาลี่ยังเล็ก ต้าเยี่ยนขาดเขาไม่ได้!
ทว่า อาเป่ากำลังตั้งครรภ์ ในฐานะสามีและบิดาเขาควรอยู่เคียงข้างอาเป่าและลูก ทว่า เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร!
ที่สำคัญร่างกายของอาเป่าอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…
“ร่างกายของอาเป่าอ่อนแอมาโดยตลอด ร่างกายของนางยังไม่หายดีเต็มร้อย อีกทั้งนางยังหักโหมร่างกายทำงานทุกวัน ร่างกายของนางยังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ในตอนนี้ ทว่า พวกเจ้า…” ต่งซื่อเม้มปากไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องที่แก้ไขอันใดไม่ได้อีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการแก้ไขปัญหาตรงหน้า “ภายนอกมีข่าวลือว่าเจ้ากับอาเป่าหมั้นหมายกันแล้ว อาเป่าไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ตอนอยู่ในงานเลี้ยง เจ้าจงแต่งงานกับอาเป่าในฐานะเซียวหรงเหยี่ยนเสีย จากนั้นเดินทางกลับแคว้นต้าเยี่ยนของเจ้าไป ไม่ว่าหลังจากนี้เด็กในครรภ์ของอาเป่าจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัยหรือไม่ก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับมู่หรงเหยี่ยนทั้งสิ้น นี่คือทายาทของพวกเราตระกูลไป๋!”
จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพิ่งขึ้นครองราชย์ ยังไม่ได้จัดการเรื่องวังหลังให้เรียบร้อย เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็คงต้องเลียนแบบระบบวังหลังของซีเหลียง สามีของจักรพรรดินีจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนนอกจากงานพิธีสำคัญเท่านั้น
“ทว่า ในเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนกลายเป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไปแล้ว เจ้าไม่สามารถเดินทางไปตามแคว้นต่างๆ ในฐานะเซียวหรงเหยี่ยนได้อีก บุรุษนามว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะหายไปจากใต้หล้าแห่งนี้ตลอดกาล” ต่งซื่อยังไม่หายโกรธจึงกล่าวถ้อยคำไม่น่าฟังออกมา “นี่คือทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย”
เมื่อกำหนดเรื่องสามีของอาเป่าเรียบร้อย เหล่าขุนนางในราชสำนักจะได้ไม่ต้องนำภาพวาดของบุรุษรูปงามในต้าโจวมาให้อาเป่าพิจารณาเพื่อบีบให้อาเป่าแต่งงานอีก เมื่อมีหนทางรับมือกับขุนนางที่กระตือรือร้นอย่างเช่นต่งชิงผิงพี่ชายของต่งซื่อ อาเป่าจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
มู่หรงเหยี่ยนไม่ได้สนใจฐานะของเซียวหรงเหยี่ยนหรือสกุลของเด็กที่กำลังจะเกิดขึ้น มู่หรงเหยี่ยนเป็นห่วงความปลอดภัยของไป๋ชิงเหยียนมากกว่า ชายหนุ่มเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาแต่งงานเพราะต้องการภรรยาไม่ใช่บุตร เขากลัวว่าร่างกายของไป๋ชิงเหยียนจะรับไม่ไหว
มู่หรงเหยี่ยนกำหมัดแน่น เมื่อนึกถึงจังหวะชีพจรของไป๋ชิงเหยียนก็ยิ่งรู้สึกกังวล หากหมอหงกล่าวว่าเด็กคนนี้มาในเวลาที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นก็ไม่ควรเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ หากครรภ์โตขึ้นเรื่อยๆ อาเป่าจะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นทุกวัน หากเป็นสตรีที่แข็งแรงทั่วไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดนัก ทว่า ร่างกายของไป๋ชิงเหยียน…
ต่งซื่อกัดฟันมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนทั้งน้ำตา เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นไป๋ชิงเหยียนเริ่มขยับตัวราวกับกำลังจะฟื้นขึ้นมา ต่งซื่อจึงรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา จากนั้นหันไปทางไป๋ชิงเหยียน นางขยับผ้าห่มให้บุตรสาวเล็กน้อย เมื่อเห็นแผงตาของบุตรสาวสั่นไหวราวกับกำลังจะตื่นขึ้น ต่งซื่อกลั้นน้ำตา ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ จากนั้นเอื้อมมือไปลูบใบหน้าและศีรษะของบุตรสาวอย่างรักใคร่
ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพพร่ามัวตรงหน้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวมองเห็นเปลวไฟในตะเกียงที่วางอยู่บนแท่นสูงเป็นสิ่งแรก นางได้ยินเสียงมารดาเอ่ยเรียกนามตน จากนั้นจึงมองเห็นมารดาที่กำลังลูบใบหน้าของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำชัดเจนขึ้น
เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนฟื้นแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนอยากเข้าไปหา ทว่า เมื่อเห็นท่าทีของต่งซื่อ ชายหนุ่มจึงได้แต่ถอนหายใจและคุกเข่าอยู่บนพื้นตามเดิม
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปกุมฝ่ามือของมารดา จากนั้นซบหน้าลงบนฝ่ามือของมารดาอย่างออดอ้อนราวกับเด็กพลางเอ่ยเรียกเสียงเบา “ท่านแม่…”
“แม่อยู่นี่…” ต่งซื่อรับคำเสียงเบา จากนั้นกล่าวเสียงกลั้นสะอื้น “เจ้าทำให้แม่และบรรดาอาสะใภ้ของเจ้าตกใจแทบแย่! แม่ให้เจ้าพักผ่อนให้เพียงพอเจ้าก็ไม่ฟัง! งานเมืองมีเป็นพันเรื่อง เจ้าทำคนเดียวไหวหรืออย่างไรกัน!”
ไป๋ชิงเหยียนกลัวมารดาจะเป็นห่วงจึงแสร้งกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้บอกให้มารดารับรู้ว่านางรู้สึกแน่นที่หน้าอกก่อนหมดสติไป
“ทำให้ท่านแม่เป็นห่วงแล้ว ข้าแค่หลับไปเท่านั้น ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ”
หมอหงก้าวไปด้านหน้า นั่งลงบนแท่นวางเท้าพลางตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งโดยขมวดคิ้วแน่นเหมือนเดิม
ไป๋ชิงเหยียนเหลือบเห็นเซียวหรงเหยี่ยนคุกเข่าอยู่บนพื้น หญิงสาวเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ขณะเดียวกันก็เดาได้ว่ามารดารู้ฐานะที่แท้จริงของเซียวหรงเหยี่ยนแล้ว
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนตั้งใจจะหาโอกาสบอกเรื่องนี้ให้มารดารับรู้ ทว่า ต้าโจวเพิ่งสถาปนาขึ้นจึงมีเรื่องต้องทำมากมาย ไป๋ชิงเหยียนยุ่งจนแทบไม่มีเวลาปลีกตัว นางจึงไม่มีโอกาสบอกเรื่องนี้ให้มารดารับรู้เสียที
“ชีพจรคงที่แล้วขอรับ…” หมอหงมองหน้าไป๋ชิงเหยียน เขากลืนคำกล่าวที่เหลืออยู่ลงท้องไป จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านข้างราวกับไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดมากไปกว่านี้
“ท่านหมอหงอย่าโมโหข้าเลย วันหน้าข้าจะระวังตัวให้มากกว่านี้เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนหยัดกายลุกขึ้น ต่งซื่อรีบนำหมอนอิงไปสอดไว้ใต้หลังของบุตรสาว
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง เมื่อคิดได้ว่าท่านแม่รู้เรื่องหมดแล้วจึงกุมมือนางพลางถามขึ้น “ท่านแม่ เหตุใดจึงให้อาเหยี่ยนคุกเข่าอยู่เช่นนั้นเจ้าคะ”
“อาเป่า เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่” เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงเบา เขาไม่กล้าเข้าไปหาหญิงสาวเพราะต่งซื่อยังนั่งอยู่จึงได้แต่คุกเข่าอยู่ที่เดิมนิ่ง
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนเรียกเซียวหรงเหยี่ยนว่า “อาเหยี่ยน” ต่งซื่อแทบควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ นางเอ่ยถามอย่างเหลืออด “เจ้ารู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่!”
ไป๋ชิงเหยียนตกตะลึง
หมอหงกระแอมออกมาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ตั้งครรภ์จริงๆ ขอรับ แม้อายุครรภ์ยังน้อย ทว่า ข้าตรวจพบว่าเป็นชีพจรตั้งครรภ์ ไม่มีทางผิดแน่นอนขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยคิดมาก่อนว่าชาตินี้นางจะมีลูก ตอนนั้นนางได้รับบาดเจ็บ หมอหงกล่าวว่านางรอดมาได้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว วาสนาที่จะมีบุตรน้อยเต็มที
*********************************