สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1019 ลงโทษตามกฎตระกูล
ตอนที่ 1019 ลงโทษตามกฎตระกูล
“จิ่นถงมาแล้วหรือ…” ไป๋ชิงเหยียนวางพู่กันในมือลง จากนั้นหยิบผ้าขนหนูบนถาดสี่เหลี่ยมสีดำมาเช็ดมือ “นั่งลงเถิด!”
“บ่าวและชุนจือจะไปชงชาและนำของว่างมาให้คุณหนูสามนะเจ้าคะ” ชุนเถาลุกขึ้นยิ้มๆ จากนั้นพาชุนจือออกไปจากตำหนัก
ไป๋จิ่นถงนั่งลงฝั่งตรงข้ามไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาเป็นกังวล “พี่หญิงใหญ่ตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นยื่นรายงานที่ม้าเร็วส่งกลับมาจากเมืองหานให้ไป๋จิ่นถง “นี่คือข่าวที่เสี่ยวซื่อและไช่เซียนเซิงให้คนส่งมาจากเมืองหาน”
ไป๋จิ่นถงรับมาอ่านอย่างละเอียด “แคว้นเล็กที่อยู่บนเกาะใกล้กับแคว้นต้าเหลียงส่งคนนำของบรรณาการมาให้ต้าเหลียง เสี่ยวซื่อให้องค์ชายสามแห่งต้าเหลียงไปต้อนรับคนเหล่านั้นแล้ว ข้าเคยไปเกาะนั่นมาก่อน แคว้นบนเกาะนั่นเล็กยิ่งกว่าแคว้นสู่ตอนนั้นเสียอีกเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นวางผ้าขนหนูเปียกไว้ทางด้านข้าง “แคว้นเล็กบนเกาะนั่นไม่เป็นอันตรายต่อเรา ไช่เซียนเซิงคิดว่าพวกเขานำบรรณการมามอบให้ต้าโจว ยอมสวามิภักดิ์ต่อเราเพราะเห็นว่าแคว้นต้าเหลียงล่มสลายแล้ว ไช่เซียนเซิงคิดว่าควรถือโอกาสนี้ให้อ๋องแห่งเมืองหานพาทูตของแคว้นนั้นเดินทางนำบรรณาการมามอบให้ที่เมืองหลวงต้าโจว จากนั้นให้อ๋องแห่งเมืองหานอยู่ที่เมืองหลวงต่อ คนต้าเหลียงที่อยากกอบกู้แคว้นคืนจะได้ล้มเลิกความคิด”
เมื่อฟังคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจบ ไป๋จิ่นถงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย นางอ่านรายงานลับในมืออย่างละเอียดจนจบ จากนั้นได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ “จิ่นถง พี่อยากให้เจ้าไปแคว้นต้าเยี่ยน…”
ไป๋จิ่นถงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่สั่งมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“เซียวหรงเหยี่ยนพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในใต้หล้า…คือมู่หรงเหยี่ยน อ๋องเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยน”
ไป๋จิ่นถงหน้าเปลี่ยนสี นางมองไปที่ท้องของพี่หญิงใหญ่ทันที
“การปกครองของต้าโจวและต้าเยี่ยนไม่เหมือนกัน พวกพี่ทำสัญญากันไว้แล้วว่าจะไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องแคว้น พี่อยากให้เจ้าจำไว้ว่ามู่หรงเหยี่ยนแห่งต้าเยี่ยนคือคู่แข่งที่น่ายกย่อง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเตือนไป๋จิ่นถงอย่างจริงจัง “การปกครองที่ไม่เหมือนกันของต้าโจวและต้าเยี่ยนจะเป็นอุปสรรคยิ่งใหญ่ในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งในวันข้างหน้า เจ้าจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด”
ไป๋จิ่นถงได้ยินคำกล่าวที่จริงจังของไป๋ชิงเหยียนจึงยืดกายตรงทันที “จิ่นถงเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินพี่หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ไป๋จิ่นถงจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางเข้าใจแล้วว่าการตายของเซียวหรงเหยี่ยนเป็นเพียงการจัดฉากขึ้นเท่านั้น เช่นนี้นางก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าพี่หญิงใหญ่จะเก็บความเสียใจเอาไว้ผู้เดียวอีกต่อไป
อย่างน้อยคนที่พี่หญิงใหญ่รักก็ยังไม่ตาย
ทว่า ไป๋จิ่นถงเข้าใจเช่นเดียวกันว่าในเมื่อพี่หญิงใหญ่กล่าวออกมาเช่นนี้แสดงว่าพี่หญิงใจตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับเรื่องส่วนรวม ไป๋จิ่นถงจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน
“บัดนี้ข้อได้เปรียบของเจ้าคือการที่ต้าเยี่ยนและมู่หรงเหยี่ยนยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเจ้า เจ้าสามารถทำการค้าที่ต้าเยี่ยนในนามของชุยเฟิ่งเหนียนต่อไปได้ ก่อนหน้านี้เรามีกิจการลับในต้าเยี่ยนอยู่บ้าง เดี๋ยวพี่จะให้คนนำรายชื่อไปมอบให้เจ้า ทว่า ไม่จำเป็นต้องนำกิจการเหล่านั้นใส่ในนามตระกูลชุยทั้งหมด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงขรึม “มู่หรงเหยี่ยนเคยปลอมตัวเป็นพ่อค้าทำการค้าตามแคว้นต่างๆ เพื่อสืบหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนต้องเข้มงวดกับพ่อค้ามาก เจ้าจงระวังตัวให้ดี”
ไป๋จิ่นถงพยักหน้า
“คนของเราส่งข่าวมาบอกว่าแม้ต้าเยี่ยนจะไม่ได้ขาดแคลนเสบียงขั้นรุนแรง ทว่า ชาวบ้านได้เสบียงอาหารจากหนานเยี่ยนและแคว้นเว่ยแค่พอประทังชีวิตเท่านั้น” ไป๋ชิงเหยียนมองไป๋จิ่นถงนิ่ง “แม้ตอนนี้ซีเหลียงจะไปขอความช่วยเหลือแคว้นเทียนเฟิ่งแล้ว ทว่า บ่อน้ำไกลช่วยแก้ปัญหาความกระหายไม่ได้ พวกเขาต้องแก้ปัญหาเรื่องเสบียงอาหารแน่นอน”
ไป๋จิ่นถงพยักหน้าอีกครั้ง
“ดังนั้นเจ้าสามารถนำเสบียงอาหารไปขายในต้าเยี่ยนได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับไป๋จิ่นถงเสียงเบา
“ต้องขายในราคาที่สูง ทำตัวเป็นพ่อค้าที่เห็นแก่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว”
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง จิ่นถงเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นถงพยักหน้า
“เจ้าเพิ่งกลับมา ความจริงพี่ไม่ควรให้เจ้าลำบากออกเดินไปทางไปอีก…”
“บัดนี้ต้าโจวกำลังต้องการคนมีความสามารถ โชคดีที่ฐานะชุยเฟิ่งเหนียนของข้ายังพอมีประโยชน์ช่วยปูทางให้แคว้นต้าโจวได้อยู่ จิ่นถงดีใจมากเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นถงยกยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงทายาทตระกูลไป๋ที่อยู่ที่หนานเจียง ขอบตาของไป๋จิ่นถงแดงก่ำขึ้นทันที “ได้เห็นพวกพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ ได้ร่วมสานต่อปณิธานของตระกูลไป๋ไปพร้อมกัน จิ่นถงก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ!”
“วันนี้เจ้าใช้เวลาอยู่กับท่านอาสะใภ้สามให้มาก พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง พี่จะให้คนเตรียมเสบียงให้เจ้าให้พร้อม รวมถึงชาอวิ๋นอู้ของต้าเหลียงและของหายากที่ต้าเยี่ยนไม่มีด้วย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับน้องสาวคนที่สามเสียงอ่อนโยน
“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นถงรับคำ
วันที่แปด เดือนเก้า รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง ไป๋จิ่นถงที่เพิ่งเดินทางกลับถึงเมืองหลวงของต้าโจวออกเดินทางไปยังต้าเยี่ยนในฐานะชุยเฟิ่งเหนียน
วันที่ยี่สิบ เดือนเก้า รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง เกาอี้จวิ้นจู่ไป๋จิ่นจื้อขี่ม้ากลับมาเมืองหลวงต้าโจวตามลำพัง กองทัพของแม่ทัพจ้าวเซิ่งยังมาไม่ถึงเมืองหลวง
ตอนอยู่ที่เมืองหาน เมื่อไป๋จิ่นจื้อได้ยินข่าวการกลับมาของพี่ชายสามไป๋ชิงฉี พี่ชายเจ็ดไป๋ชิงเจวี๋ยและพี่ชายเก้าไป๋ชิงอวิ๋นในวันพิธีบรมราชาภิเษกของพี่หญิงใหญ่ สาวน้อยขังตัวเองร้องไห้อยู่ในตำหนักตามลำพัง
ต่อมาเมื่อไป๋จิ่นซิ่วมาถึง ไป๋จิ่นจื้อจึงขี่ม้าเดินทางกลับเมืองหลวงทันทีด้วยความร้อนใจโดยไม่รอจ้าวเซิ่งแม้แต่น้อย สาวน้อยสั่งให้ไช่เซียนเซิงเดินทางไปพร้อมกับกองทัพของจ้าวเซิ่ง
ไป๋จิ่นจื้อกลับมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไปในเมืองหลวงไป๋จิ่นจื้อนึกถึงหลานสาวหรือหลานชายในท้องของไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาได้ ในฐานะที่นางเป็นน้าสี่นางควรหาซื้อของขวัญไปรับขวัญหลานของนาง
เมื่อเข้ามาในเมืองหลวงไป๋จิ่นจื้อจึงไปหาซื้อของขวัญให้เด็กในท้องของพี่หญิงใหญ่ ทว่า สาวน้อยบังเอิญได้ยินบัณฑิตกลุ่มหนึ่งกำลังบ่นเรื่องที่สตรีสามารถเข้าร่ำเรียนในสำนักศึกษาได้ ไป๋จิ่นจื้อถลาเข้าไปหาบุรุษกลุ่มนั้นด้วยด้วยความโมโห ดูเหมือนบัณฑิตกลุ่มนั้นจะร่ำเรียนวิชามาไม่น้อย ล้วนเป็นบัณฑิตคร่ำวิชาทั้งสิ้น ไป๋จิ่นจื้อชักแส้ออกมาจากนั้นฟาดใส่คนเหล่านั้น หน่วยตรวจเมืองรีบมาห้ามปรามทันที
หัวหน้าหน่วยตรวจเมืองในตอนนี้ไม่ใช่คนอื่นไกล เขาคือหลูผิง…
ตอนที่หลูผิงพาทหารหน่วยตรวจเมืองมาถึง ชาวบ้านห้อมล้อมดูเรื่องสนุกกันจำนวนมาก องครักษ์ที่คุณหนูสี่พามาด้วยยืนขวางทางเข้าร้านค้าอยู่ คุณหนูสี่ของเขายืนขวางทางเข้าประตูอยู่ภายในร้าน สาวน้อยตวัดแส้ไปมาอย่างองอาจ ขวางไม่ให้บัณฑิตอ่อนแอเหล่านั้นวิ่งหนีออกไปจากร้าน ปลายแส้อ้อมผ่านเสาเคลือบน้ำมันกระทบลงบนใบหน้าของบัณฑิตเหล่านั้นด้วยความแม่นยำ
หลูผิงรีบถลาเข้าไปห้ามคุณหนูสี่ในขณะเดียวันก็รู้สึกชื่นชมกับฝีมือฟาดแส้ที่แม่นยำของคุณหนูสี่ด้วย
ในที่สุดก็ห้ามคุณหนูสี่ได้ ไป๋จิ่นจื้อชี้แส้ไปที่เหล่าบัณฑิตซึ่งยกมือกุมบาดแผลด้วยความเจ็บปวดอย่างโมโห “ทำสิ่งใดไม่สำเร็จสักอย่าง ยังมีหน้ามากล่าววาจาไร้สาระเช่นนี้อีก! เหตุใดพวกเจ้าจึงคิดว่ามีแต่บุรุษอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่เป็นขุนนางได้ เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่กล่าวว่าควรมีแต่บุรุษเท่านั้นที่ไปออกรบกัน ตอนมีสงครามดีแต่หลบอยู่เบื้องหลัง ตอนควรต้องสู้จนตัวตายเอาแต่หลบอยู่ด้านหลัง พี่หญิงใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ สตรีเป็นจักรพรรดิได้ เหตุใดจะเป็นขุนนางไม่ได้! แน่จริงก็ไปสอบให้ดีจนเบียดสตรีให้ตกลำดับไปสิ อย่าให้สตรีได้มีโอกาสเป็นขุนนางแล้วกัน!”
“พอเถิดขอรับคุณหนูสี่ พวกเราไปพบคุณหนูใหญ่เถิดขอรับ!” หลูผิงกล่าวโน้มน้าวเสียงเบา
“คุณหนูสี่ฟาดแส้ใส่ชาวบ้าน ระวังคุณหนูใหญ่ลงโทษด้วยกฎตระกูลนะขอรับ!”
ไป๋จิ่นจื้อ “…”
หลูผิงกล่าวได้ตรงประเด็นจริงๆ
ทว่า ในเมื่อเริ่มต้นแล้ว ไป๋จิ่นจื้อต้องกล่าวสิ่งที่ควรกล่าวให้จบ
**************************