สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1033 ความงดงามของฤดูใบไม้ร่วง
ตอนที่ 1033 ความงดงามของฤดูใบไม้ร่วง
กระโจมที่พักหันหน้าไปทางภูเขาจินฮุย เมื่อนั่งลงสามารถมองเห็นภูเขาจินฮุยได้อย่างชัดเจน เป็นตำแหน่งที่ดีมาก
ท้องฟ้าสีครามสดใส บนนภาไร้ซึ่งเมฆหมอก เหนือยอดเขาอร่ามสีทองคือสีครามของท้องฟ้า เป็นภาพความงดงามของฤดูใบไม้ร่วงที่น่าชมยิ่งนัก
บนโต๊ะภายในกระโจมแต่ละกระโจมมีของว่างและผลไม้ประจำฤดูใบไม้ผลิวางอยู่ ทุกคนสนทนากันอย่างสนุกสนาน ต่างถกเถียงกันว่าตระกูลใดจะเป็นฝ่ายชนะการแข่งขันว่าวที่กำลังจะเกิดขึ้น บรรยากาศดูครึกครื้นยิ่งนัก
บุรุษตระกูลสูงศักดิ์ส่วนใหญ่คิดว่าการเล่นว่าวคือกิจกรรมยามว่างของเหล่าสตรี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ต่อมาเมื่อคนที่อยากแสดงความสามารถต่อหน้าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวรู้ข่าวว่าบุรุษจากตระกูลสูงศักดิ์ไม่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขาจึงล้มเลิกความคิดเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เมื่อมองไปที่สนามจึงมีแต่สตรีตระกูลสูงศักดิ์ ไม่มีบุรุษสักคน
บรรดาบุรุษตระกูลสูงศักดิ์ต่างนั่งคุยกับบิดาหรือพี่ชายของตัวเองอยู่ในกระโจมรับลม
สตรีที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน สตรีที่เข้าเรียนในสำนักศึกษาต่างสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องความรู้ที่ได้รับจากสำนักศึกษา สตรีที่อายุมากแล้วจับกลุ่มคุยกันว่าสตรีหรือบุรุษตระกูลใดโดดเด่น
คุณหนูทั้งสองของตระกูลฉินคือน้องสาวแท้ๆ ของฉินหล่าง น้องสะใภ้ของไป๋จิ่นซิ่ว ดังนั้นพวกนางจึงมาร่วมงานเช่นเดียวกัน
คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินแต่งกายอย่างงดงามชดช้อย มองปราดเดียวก็รู้ว่าตั้งใจแต่งกายมาหาบุรุษแต่งงานด้วย
เกาอี้จวิ้นจู่คือเจ้าภาพของงานแข่งขันว่าวในวันนี้ สาวน้อยสวมชุดนักรบขี่ม้าเข้ามาพลางประกาศว่าการแข่งขันใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้ว่าวของผู้ใดลอยสูงที่สุด ผู้นั้นคือผู้ชนะ
สิ้นเสียงประกาศของไป๋จิ่นจื้อ สตรีตระกูลสูงศักดิ์ต่างวิ่งดึงว่าวของตัวไปด้านหน้าอย่างสนุกสนาน หวังให้ว่าวของตนลอยขึ้นสูงที่สุด
สตรีสูงศักดิ์ที่สหายของตัวเองเข้าร่วมการแข่งขันต่างตะโกนส่งกำลังใจสหายของตนอยู่ในกระโจมรับลม
สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ต่างพยายามอย่างสุดความสามารถ ของรางวัลสำหรับผู้ชนะมีมากมาย พวกนางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร
ต่งซื่อมองดูเหล่าสตรีที่วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางภูเขาสีทองอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน โลกนี้เข้มงวดกับสตรี ผูกมัดพวกนางไว้ด้วยธรรมเนียมประเพณี น้อยครั้งนักที่สตรีจะได้หัวเราะอย่างสนุกสนานและไม่ต้องคิดสิ่งใดมากเช่นนี้
ทว่า นี่คือสิ่งที่ดีมาก ต่งซื่ออยากเห็นสตรีทั่วใต้หล้าได้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานเหมือนดั่งเช่นบุรุษเช่นนี้ตลอดไป
“ไทเฮา ฝ่าบาท ฮูหยินของประมุขไป๋นำน้ำทับทิมมาถวายเพคะ นางกล่าวว่าทับทิมที่ซั่วหยางสุกงอมแล้ว ทางซั่วหยางส่งมาให้เมื่อวาน นางรู้ว่าวันนี้จะมีงานแข่งขันว่าวจึงตั้งใจทำน้ำดอกกุ้ยฮวาทับทิมมาถวายให้ไทเฮา ฝ่าบาทและบรรดาฮูหยินทุกท่านได้ลองชิมเพคะ” ฉินหมัวมัวก้าวไปรายงานด้านหน้ายิ้มๆ “บ่าวเห็นว่าฮูหยินของประมุขไป๋เตรียมมาไม่น้อยเลยเพคะ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น บ่าวรับใช้ตระกูลไป๋จะเรียกไป๋ชิงเหยียนว่าฝ่าบาท เรียกต่งซื่อว่าไทเฮา
ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นฟางซื่อยืนนอบน้อมอยู่ด้านนอกกระโจม ด้านหลังมีบ่าวรับใช้แบกถังน้ำแข็งตามมาด้วย หญิงสาวหันไปส่งสัญญาณให้เว่ยจงเชิญฟางซื่อเข้ามา
ฟางซื่อเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นคุกเข่าทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะไทเฮาและฝ่าบาทเพคะ แม้ตอนนี้จะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว ทว่า อากาศยังร้อนอบอ้าวอยู่ เมื่อวานซั่วหยางส่งทับทิมมายังเมืองหลวงพอดี หม่อมฉันจึงเตรียมน้ำกุ้ยฮวาทับทิมมาถวายให้ไทเฮา ฝ่าบาทและฮูหยินทุกท่านได้ลองชิมเพคะ”
“ฮูหยินประมุขไป๋มีน้ำใจแล้ว!” ต่งซื่อพยักหน้ายิ้มๆ “เช่นนั้นก็ลองชิมดูหน่อยเถิด จะได้ไม่เสียน้ำใจของฮูหยินประมุขไป๋”
“ขอบพระทัยไทเฮาและฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันจะรินให้ไทเฮาและฝ่าบาทเพคะ” ฟางซื่อหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ถือถังน้ำแข็งเข้ามา
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางฟางซื่อนิ่ง หญิงสาวมองออกว่าฟางซื่อมีท่าทีนอบน้อมเช่นนี้เพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
ฟางซื่อทำความสะอาดมือ จากนั้นใช้กระบวยหยกขาวตักน้ำกุ้ยฮวาทับทิมขึ้นมา เมื่อใช้เข็มทดสอบยาพิษในถ้วยเสร็จจึงยกถ้วยไปวางตรงหน้าต่งซื่อ จากนั้นตักอีกถ้วยไปวางตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนด้วยขั้นตอนแบบเดียวกัน “ของฝ่าบาท หม่อมฉันพักไว้สักครู่แล้วจึงไม่เย็นมาก อีกทั้งเพิ่มบ๊วยลงไปด้วย ฝ่าบาทน่าจะทรงโปรดเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนก้มมองดูดอกกุ้ยฮวาที่ลอยอยู่เหนือถ้วยและดอกเหมยที่อยู่ก้นถ้วย จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินประมุขไป๋มีน้ำใจแล้ว”
ฟางซื่อทำความเคารพ จากนั้นตักน้ำทับทิมต่อให้ฮูหยินสองหลิวซื่อและฮูหยินสามหลี่ซื่อตามลำดับ
ฟางซื่อตักขึ้นมาอีกถ้วยหนึ่ง ขณะจะนำไปมอบให้ฮูหยินสี่หวังซื่อ นางสะดุดชายกระโปรงของตัวเองจนน้ำทับทิมในถ้วยสาดไปทางหวังซื่อ หวังซื่อตกใจจึงหลบไม่ทัน นางทำได้เพียงยกแขนบังใบหน้าของตัวเอง น้ำทับทิมสาดโดนเครื่องแต่งกายของนางจนเปื้อนไปทั้งร่าง ถ้วยกระเบื้องตกแตกกระจายลงบนพื้น
ฟางซื่อมีสีหน้าตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา นางรีบคลานเข้าไปใช้ผ้าเช็ดหน้าช่วยเช็ดคราบที่เปื้อนบนเครื่องแต่งกายของหวังซื่อโดยไม่สนสภาพที่ดูไม่ได้ของตัวเอง “ฮูหยินสี่! ฮูหยินสี่เป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ! โดนเศษกระเบื้องบาดหรือไม่เจ้าคะ”
ฮูหยินห้าฉีซื่อรีบออกคำสั่ง “รีบไปหยิบเสื้อคลุมมาเร็ว”
หลี่ซื่อรีบวางถ้วยกระเบื้องในมือลง จากนั้นส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้ “ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ แค่เปื้อนชุดเท่านั้น…” หวังซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดลูกประคำในมือเป็นอันดับแรกเพราะกลัวว่าน้ำทับทิมจะเปื้อนโดนลูกประคำ จากนั้นจึงปัดเศษดอกกุ้ยฮวาที่เปื้อนอยู่ตามชุดออก
กวนหมัวมัวซึ่งเป็นหมัวมัวข้างกายของหวังซื่อรับเสื้อคลุมมากจากคนที่ฮูหยินห้าสั่งให้ไปหยิบพลางกล่าวขอบคุณ จากนั้นคลุมเสื้อคลุมลงบนร่างของหวังซื่อ
“ฮูหยิน พวกเราไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อนเถิดเจ้าค่ะ” กวนหมัวมัวกล่าว
ฟางซื่อรีบช่วยประคองหวังซื่อลุกขึ้น จากนั้นกล่าวทั้งน้ำตา “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ฮูหยินสี่ ข้าไปเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ! มิเช่นนั้นข้าคงไม่สบายใจเจ้าค่ะ”
หวังซื่อเป็นคนใจอ่อน เมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของฟางซื่อจึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ลำบากฮูหยินประมุขไป๋แล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับอาสะใภ้สี่จึงเหลือบมองไปทางฟางซื่อ เมื่อเห็นฟางซื่อมองไปทางหมัวมัวคนหนึ่งที่ยืนอยู่นอกกระโจม หมัวมัวคนนั้นพยักหน้าให้ฟางซื่อ ไป๋ชิงเหยียนจึงหันไปสั่งเว่ยจง “ลอบตามไปปกป้องท่านอาสะใภ้สี่ห่างๆ…”
เว่ยจงพยักหน้า “ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางซื่อและกวนหมัวมัวประคองหวังซื่อจากไป เว่ยจงลอบไปตามห่างๆ
“ฮูหยินประมุขไป๋ผู้นี้ละเอียดดีจริง เมื่อใส่น้ำกุ้ยฮวาทับทิมลงในถ้วยกระเบื้องสีขาวช่างดูน่ามองยิ่งนัก” ฮูหยินสองหลิวซื่อมองอย่างชื่นชม “รสชาติไม่หวานจนเกินไป อีกทั้งมีกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวา ไม่เลวทีเดียว…”
“หากท่านอาสะใภ้สองชอบ ไว้ให้หลัวหมัวมัวไปเรียนจากฮูหยินของประมุขไป๋ได้เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เหล่าขันทีเก็บกวาดทุกอย่างจนสะอาดเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
ไป๋ชิงเหยียนจิบน้ำดอกกุ้ยฮวาทับทิมไปเพียงอึกเดียว ต่งซื่อเห็นจึงถามขึ้น “เจ้าไม่ชอบรสเปรี้ยว รสเปรี้ยวอมหวานก็ไม่ชอบอย่างนั้นหรือ”
******************************