สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1039 ลอบสังหาร
ตอนที่ 1039 ลอบสังหาร
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางคุณหนูสองตระกูลฉินที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดพลางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวรอบกายตลอดเวลานิ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “เจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินกล่าวว่ามีคนยุยงคุณหนูสองตระกูลฉิน ข้ามอบให้เจ้ารับผิดชอบเรื่องคุณหนูสองตระกูลฉิน จงสืบให้ได้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังคุณหนูสองตระกูลฉิน คอยชักใยให้นางขัดขวางการปกครองระบอบใหม่ หากจับได้จงลงโทษตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด!”
หลู่จิ้นคือเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ ตอนอยู่ที่ศาลต้าหลี่เขามีวิธีทรมานนักโทษให้รู้สึกราวกับตายทั้งเป็นมากมาย คุณหนูสองตระกูลฉินจะทนการทรมานเหล่านั้นได้อย่างไรกัน ไม่สู้ฆ่านางให้ตายเลยดีกว่า
คุณหนูสองตระกูลฉินสะดุ้งตกใจ น้ำตาคลออยู่ที่ดวงตา นางกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้ออกมาอีก ขณะลังเลว่าจะอ้อนวอนขอชีวิตหรือไม่ นางกวาดสายตามองหาคนบางคนในกลุ่มคน นางส่งสายตาอ้อนวอนไปยังคนผู้นั้นนิ่ง
ไป๋จิ่นจื้อจับแส้ที่อยู่บริเวณเอวด้านหลังแน่น เมื่อเห็นคุณหนูสองตระกูลฉินมองไปทางบ่าวรับใช้ชายคนหนึ่ง สาวน้อยจึงดึงแส้ออกมาฟาดไปยังบ่าวรับใช้ชายผู้นั้นทันที
บุรุษผู้นั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว เขาหลบแส้ที่ฟาดตรงไปยังเขาได้อย่างหวุดหวิด เขาชักอาวุธลับออกมา จากนั้นพุ่งเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน
“คุ้มกันฝ่าบาท!” ขณะที่หลูผิงถลาเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน เยว่สือชักดาบพุ่งตรงเข้าไปปกป้องไป๋ชิงเหยียนก่อนแล้ว
หลูผิงชักดาบออกมาขวางอาวุธลับ เข็มอาบยาพิษปักลงบนดาบของหลูผิง ห่างจากดวงตาของหลูผิงเพียงแค่คืบเดียว
ฝูรั่วซี เซี่ยอวี่จั่งและหยางอู่เช่อถลาเข้าไปปกป้องกระโจมของไป๋ชิงเหยียนเป็นกลุ่มแรก
“อาเป่า!” ต่งซื่อผุดลงขึ้นยืนด้วยความตกใจ สีหน้าของนางซีดเผือด นางรีบเข้าไปโอบกอดบุตรสาวที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ไว้แน่น จากนั้นมองไปทางกระโจมของตระกูลต่ง เมื่อเห็นพี่สะใภ้ น้องสะใภ้และพี่ชายประคองต่งเหล่าไท่จวิน ต่งฉางเซิง ต่งฉางหยวนและต่งฉางชิ่งยืนปกป้องบรรดาน้องสาวของตัวเองอยู่จึงวางใจลง
เหล่าทหารรักษาพระองค์ชักดาบออกมาคุ้มกันบรรดาฮูหยินตระกูลไป๋ที่อยู่ในกระโจมและกระโจมของขุนนางสำคัญในราชสำนักไว้ด้วยความไม่ประมาท
“ข้ามิเป็นอันใดเจ้าค่ะท่านแม่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา หญิงสาวเอื้อมมือไปกุมมือต่งซื่อ รั้งตัวมารดาไปหลบอยู่ด้านหลังตน จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “จับตัวให้ได้!”
สิ้นเสียงคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนทหารรักษาพระองค์และองครักษ์ไป๋ล้อมคนผู้นั้นไว้อย่างง่ายดาย
ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ไว้แล้วว่าคนผู้นี้ต้องลงมือในงานวันนี้ หญิงสาวสั่งให้ไป๋จิ่นจื้อและบรรดาแม่ทัพเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว ทุกคนรอการปรากฏตัวขององครักษ์ลับของราชวงศ์ต้าจิ้นที่หลบหนีไปได้อยู่นานแล้ว
คนผู้นี้คงเป็นคนยุแยงให้คุณหนูสองตระกูลฉินมาก่อเรื่องที่หน้ากระโจมของไป๋ชิงเหยียน เขาจะได้ถือโอกาสนี้ลงมือสังหารไป๋ชิงเหยียน ทว่า เขานึกไม่ถึงว่าฮูหยินห้าฉีซื่อจะลุกขึ้นมาเดินโบกพัดไปมาอยู่หน้าโต๊ะของไป๋ชิงเหยียน เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ เขาตัวคนเดียวหากลงมือไปแล้วพลาดขึ้นมา เขาคงไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีก
ไป๋จิ่นจื้อ ฝูรั่วซี เซี่ยอวี่จั่ง หยางอู่เช่อและหลูผิงเตรียมป้องกันตั้งแต่ที่คุณหนูสองฉินปรากฏตัวขึ้นแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าองครักษ์ลับของราชวงศ์เก่าผู้นี้จะไม่กลัวตาย กล้าลงมือทั้งๆ ที่มีทหารคุ้มกันอยู่แน่นหนาเช่นนี้
แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็น นางมองไปทางองครักษ์ลับของราชวงศ์เก่าที่พยายามต่อสู้อย่างสุดชีวิตราวกับสัตว์ติดกับดักทั้งๆ ที่ถูกทหารล้อมไว้หมดแล้วนิ่ง ทว่า เขาดิ้นรนได้ไม่นานสุดท้ายก็ถูกจับกุมได้ หยางอู่เช่อเพิ่งจับตัวองครักษ์ลับผู้นั้นได้ก็เห็นองครักษ์ลับผู้นั้นกระอักเลือดออกมา จากนั้นล้มลงบนพื้น
“ฝ่าบาท เขาคงซ่อนยาพิษชนิดร้ายแรงไว้ในปากพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยอวี่จั่งหันไปตะโกนบอกไป๋ชิงเหยียน
เว่ยจงเคยบอกกับไป๋ชิงเหยียนว่าซุนเหวินเหยาซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตลอดเวลา ทว่า เขาไม่เคยได้รับภารกิจสำคัญจากราชวงศ์ดังนั้นเขาจึงไม่มียาพิษชนิดร้ายแรงซ่อนอยู่ในปาก
เมื่อซุนเหวินเหยาเห็นว่าราชวงศ์ต้าจิ้นล่มสลายไปแล้ว เขาอยากหาทางรอดให้ตัวเองและสหายคนอื่น ดังนั้นวันที่ถูกจับได้ว่าเขาคือองครักษ์ลับของราชวงศ์เก่า เขาจึงไม่คิดฆ่าตัวตาย ทว่า อยากหาวิธีเกลี้ยกล่อมสหายคนอื่นแทน
เมื่อคุณหนูสองตระกูลฉินเห็นว่าผู้ที่วางแผนอยู่เบื้องหลังตนเสียชีวิตลงแล้ว ร่างของนางเซล้มลงบนพื้นทันทีด้วยสีหน้าซีดเผือด
“คุณหนูสองฉินพาคนผู้นี้เข้ามาใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองคุณหนูสองตระกูลฉินอีกครั้ง
“คุณหนูสองฉินช่างใจกล้าเสียจริง ไม่เพียงคัดค้านระบอบการปกครองใหม่ของต้าโจว ยังคิดลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทอีก!” ไป๋จิ่นจื้อกำแส้ในมือแน่น ไม่อยากแม้กระทั่งใช้แส้ของตัวเองฟาดใส่คุณหนูสองตระกูลฉิน ไป๋จิ่นจื้อพันแส้ของตัวเองเก็บไว้ที่เอวด้านหลังตามเดิม จากนั้นตะโกนเสียงดัง “จับคุณหนูสองตระกูลฉินไปสอบสวนอย่างละเอียดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทใช่หรือไม่”
สมองของคุณหนูใหญ่ตระกูลฉินขาวโพลน ลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท…นั่นคือโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรเชียวนะ หญิงสาวคลานไปด้านหน้าพลางก้มศีรษะร้องไห้อ้อนวอน “ฝ่าบาท! หม่อมฉันไม่รู้เรื่องอันใดด้วยจริงๆ เพคะ! ทั้งหมดเป็นความผิดของน้องสาวหม่อมฉัน ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับหม่อมฉันทั้งสิ้น ฝ่าบาทได้โปรดเห็นแก่ฝู่กั๋วจวินปล่อยหม่อมฉันไปเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ เพคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางหลู่จิ้น “รบกวนใต้เท้าหลู่ด้วย กุมตัวคนไป อย่ารบกวนงานแข่งขันว่าวในวันนี้”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ พระองค์ทรงพระครรภ์อยู่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังหลวงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” หลู่จิ้นกล่าวโน้มน้าว
“มิเป็นอันใด ใต้เท้าหลู่ไม่ต้องระแวงถึงเพียงนั้น ในเมื่อบอกไว้แล้วว่าจะร่วมสนุกกับชาวบ้านก็ไม่ควรปล่อยให้คนเพียงสองสามคนทำลายบรรยายกาศดีๆ เช่นนี้ ที่สำคัญข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด มีพวกท่านคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังมองอยู่ หากนางกลับวังไปก่อนเพราะเรื่องเช่นนี้อาจทำให้ชาวบ้านเดาไปต่างต่างนานา คนที่หลูผิงไปจับตัวในวันนั้นหนีไปได้เพียงคนเดียว บัดนี้คนผู้นั้นตายไปแล้ว ทหารรักษาพระองค์ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันให้แน่นหนากว่าเดิมแน่นอน ต่อให้มีคนอยากก่อเรื่องขึ้นอีก เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว พวกเขาคงไม่กล้าลงมืออีกแน่
เวลานี้น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว ไป๋ชิงเหยียนรู้ขอบเขตดี
“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ” หลู่จิ้นโบกมือให้คนพาตัวคุณหนูทั้งสองของตระกูลฉินจากไป
ไม่นานคุณหนูใหญ่ตระกูลฉินที่ร้องไห้อ้อนวอนอยู่บนพื้นและคุณหนูสองตระกูลฉินที่มีสีหน้าพร้อมตายจึงถูกลากตัวออกไป หลิ่วหรูซื่อประกาศรายชื่อผู้ชนะสามลำดับแรกของการแข่งขันว่าวในครั้งนี้
ผู้ชนะสามอันดับแรกล้วนเป็นสตรีหม้ายที่แต่งงานใหม่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายอันใด สตรีหม้ายเหล่านี้ทำงานหนักทุกวัน พวกนางย่อมมีแรงและความอดทนมากกว่าสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์อยู่แล้ว พวกนางย่อมได้เปรียบเรื่องพละกำลัง
ทว่า เป้าหมายของสตรีตระกูลสูงศักดิ์ไม่ใช่การชนะเลิศในการแข่งขันอยู่แล้ว ของรางวัลสำหรับพวกนางไม่ได้จำเป็นสักเท่าใดนัก พวกนางไม่ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ ทว่า สำหรับชาวบ้านธรรมดาแล้ว ของรางวัลคือสิ่งล้ำค่าสำหรับพวกเขา
ไป๋ชิงเหยียนมอบของรางวัลสำหรับผู้ชนะสามลำดับแรกให้พวกนาง กำชับให้พวกนางใช้ชีวิตให้ดี จากนั้นมอบของรางวัลเล็กน้อยให้แก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน ของรางวัลล้วนเป็นเครื่องประดับที่ทำขึ้นอย่างประณีตที่สตรีสาวและฮูหยินชื่นชอบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป