สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1057 ที่พึ่ง
ตอนที่ 1057 ที่พึ่ง
ทูตแคว้นเทียนเฟิ่งถูกคนซีเหลียงเยินยอจนเคยชิน เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเคืองของเหล่าขุนนางแคว้นต้าโจว โดยเฉพาะดวงตาแข็งกร้าวและคมกริบของเหล่าแม่ทัพที่จ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อีกทั้งกล่าวหาว่าแคว้นเทียนเฟิ่งเป็นเพียงแคว้นเล็ก ทูตเทียนเฟิ่งจึงเดือดดาลขึ้นมาทันที เขากล่าวขึ้นเสียงกร้าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “แคว้นเทียนเฟิ่งไม่กลัวผู้ใดเพราะพวกเรามีความสามารถ พวกเราคุยกันด้วยความสามารถ แคว้นเทียนเฟิ่งของเรามีกองทัพช้างที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน!”
ไป๋ชิงเหยียนอมยิ้มเล็กน้อย ก้มหน้ามองม้วนไม้ไผ่ที่กางอยู่ตรงหน้า จากนั้นกระแทกม้วนไม้ไผ่ลงบนโต๊ะอย่างแรง กล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “แคว้นของเจ้าอาศัยกองทัพช้าง ต้าโจวของข้ามีทหารกล้าและดุดันที่พร้อมทำสงครามกับศัตรูทุกครั้ง หากทูตของเทียนเฟิ่งอยากพิสูจน์ฝีมือ ต้าโจวยินดีสนองให้ตามนั้น”
ทูตแคว้นเทียนเฟิ่งรู้ดีว่าคำกล่าวของตัวเองเหิมเกริมเกินไปจนทำให้ไป๋ชิงเหยียนไม่พอใจจึงรีบโค้งกายคำนับ “แม้กองทัพช้างจะเป็นที่พึ่งของแคว้นเทียนเฟิ่ง ทว่า เทียนเฟิ่งไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับต้าโจว พวกเรามาเชื่อมไมตรี ขุนนางของต้าโจวได้โปรดระวังวาจาของตัวเองด้วย แคว้นเทียนเฟิ่งของพวกเราแค่อยากเห็นซีเหลียง ต้าเยี่ยนและต้าโจวอยู่กันอย่างสงบสุขและสามัคคี พวกเราทำเพราะคำขอร้องของซีเหลียงเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ทูตซีเหลียงเหงื่อซึมไปทั้งร่าง เขาได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่ทางด้านหลัง ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
“กองทัพช้างของเทียนเฟิ่งอยู่ประชิดชายแดนของต้าโจว ตอนนี้ยังส่งทูตมาแสดงท่าทีวางมาดเช่นนี้ในต้าโจวอีก พวกเจ้ากำลังข่มขู่ต้าโจวอย่างนั้นหรือ” ต่งชิงผิงเหล่มองทูตเทียนเฟิ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ “ปกติแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นผู้จัดการเจรจาเชื่อมไมตรีกับแคว้นที่อ่อนแอกว่า แคว้นเทียนเฟิ่งถือว่าตัวเองมีกองทัพช้างเป็นที่พึ่ง วางมาดต่อหน้าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวของข้า อีกทั้งใช้คำว่าต้องไปถึงภายในกี่วันเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าต้าโจวของเรากลัวกองทัพช้างของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ต่งชิงผิงไม่พอใจตั้งแต่ได้ยินคำกล่าวที่ทูตของเทียนเฟิ่งกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเมื่อครู่แล้ว ทว่า ในฐานะที่เคยเป็นหงหลู่ซื่อชิงมาก่อน ต่งชิงผิงเคยรับมือกับทูตของแคว้นต่างๆ เหล่านี้มาก่อน ตอนนี้เขาเป็นซือถู ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกไปโดยไม่คิดก่อนได้ ทว่า ตอนนี้เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ หมาแมวที่ใดก็กล้ามาอาละวาดในดินแดนต้าโจวของพวกเขาอย่างนั้นหรือ ยังมีหน้ามาบังคับให้จักรพรรดินีของพวกเขาเสด็จไปที่นั่นในระยะเวลาที่กำหนดอีก…ถุย!
เสิ่นซือคงแห่งต้าโจวหันไปมองต่งชิงผิงที่นั่งอยู่ด้านข้างตัวเอง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ใต้เท้าต่งอาจยังฟังไม่เข้าใจ ทว่า ข้าเข้าใจความหมายของทูตแคว้นเทียนเฟิ่งดี พวกเขาต้องการสื่อว่าเทียนเฟิ่งมีกองทัพช้างจึงอยากกลายเป็นหัวหน้าของพวกเรา ให้พวกเราเชื่อฟังคำของพวกเขาแต่โดยดี ครั้งนี้ทูตเทียนเฟิ่งเอ่ยถึงกองทัพช้างขึ้นมาเพื่อข่มขู่ต้าโจวของพวกเรา หากต้าโจวและต้าเยี่ยนเดินทางไปร่วมงานเท่ากับยอมรับแคว้นเทียนเฟิ่งเป็นผู้นำ”
“เสิ่นซือคง ต่งซือถูอย่าเพิ่งโมโหไป” ทูตของเทียนเฟิ่งยังคงกล่าวด้วยท่าทียิ้มแย้มเช่นเดิม ทว่า ยังไม่ทันกล่าวจบก็ได้ยินเสียงแม่ทัพอารมณ์ร้อนของต้าโจวถลาเข้าไปตรงหน้าทูตเทียนเฟิ่งจนเขาถอยหลังหนีด้วยความตกใจ
เมื่อเห็นร่างกายบึกบึนของแม่ทัพต้าโจว ทูตเทียนเฟิ่งถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ
แม่ทัพผู้นั้นจ้องทูตเทียนเฟิ่งจนตาแทบถลนออกมา “เสิ่นซือคงและต่งซือถูกล่าวไว้หน้าเกินไปแล้ว เมื่อพบคนไร้ยางอาย หน้าหนาเช่นนี้ ให้คนจับโยนออกไปก็สิ้นเรื่อง!”
“นั่นสิ! ไม่ต้องมัวสนทนากับมัน แค่แคว้นเล็กๆ ที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดยังกล้าทำตัวเหิมเกริมในแคว้นต้าโจวของพวกเราเช่นนี้ จับโยนออกไปก็สิ้นเรื่อง!”
ไป๋ชิงเหยียนนั่งมองทูตของเทียนเฟิ่งถูกขุนนางของต้าโจวล้อมอยู่บนบัลลังก์ยิ้มๆ หญิงสาวขยับท่านั่งให้สบายขึ้นพลางยกมือลูบหน้าท้องของตัวเองเล็กน้อย ความวุ่นวายทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้แต่เสิ่นซือคงและท่านลุงของนางก็มีส่วนร่วมในความวุ่นวายครั้งนี้ด้วย
ทูตเทียนเฟิ่งส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไป๋ชิงเหยียนที่นั่งยิ้มอยู่บนบัลลังก์นิ่ง “ฝ่าบาท นี่คือการต้อนรับทูตจากต่างแดนของต้าโจวหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้ม “มาเป็นแขกของแคว้นอื่นก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นแขก แขกทำตัวเหิมเกริมเกินไป ขุนนางของเราใจอ่อนและมีเมตตามากแล้วที่ไม่ลงมือทำร้ายเจ้า”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ทูตเทียนเฟิ่งจำได้ว่าก่อนออกเดินทางมาที่นี่ อาเค่อเซี่ยกำชับให้เขาและทูตอีกคนที่เดินทางไปยังต้าเยี่ยนทำทุกวิถีทางให้จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและต้าโจวเดินทางไปร่วมเจรจาเชื่อมไมตรีในครั้งนี้ให้ได้
“ฝ่าบาท เทียนเฟิ่งไม่ได้จงใจทำตัวเหิมเกริม กระหม่อมไม่ได้ต้องการข่มขู่ต้าโจว แคว้นเทียนเฟิ่งอยู่ห่างจากต้าโจว ซีเหลียงและต้าเยี่ยนโดยมีภูเขาหิมะศักดิ์สิทธิ์คั่นกลาง พวกเราแค่อยากเห็นเพื่อนบ้านอยู่กันอย่างสามัคคีเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ! ที่สำคัญจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งของกระหม่อมเสด็จมาด้วยองค์เอง พระองค์อยากพบจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและจักรพรรดินีแห่งต้าโจวสักครั้ง พระองค์คิดว่างานเจรจาครั้งนี้คือโอกาสอันดีเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุดทูตเทียนเฟิ่งก็ยอมนอบน้อมลง “นี่เป็นครั้งแรกที่กระหม่อมเดินทางมายังเมืองหลวงของต้าโจว กระหม่อมเรียนรู้ภาษาของที่นี่ได้ไม่คล่องนัก หากกล่าววาจาล่วงเกินไปบ้าง หวังว่าทุกท่านจะไม่ถือสา อีกอย่างแคว้นเทียนเฟิ่งของเราอยากแลกเปลี่ยนทางการค้ากับต้าโจว จักรพรรดิของกระหม่อมอยากเจรจารายละเอียดกับจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและต้าโจวด้วยองค์เองพ่ะย่ะค่ะ”
“หากทูตเทียนเฟิ่งกล่าวเช่นนี้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เกิดเรื่องอย่างเช่นเมื่อครู่ขึ้น” ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อของตัวเองเล็กน้อย หญิงสาวมองไปทางทูตเทียนเฟิ่งด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม จากนั้นถามหยั่งเชิง “ทูตเทียนเฟิ่งใช้ภาษาของเราได้ดีมาก…”
เมื่อทูตของเทียนเฟิ่งได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้จึงกล่าวยิ้มๆ “ตอนยังไม่เดินทางมาที่นี่ จักรพรรดิของกระหม่อมรับรู้ถึงการมีอยู่ของต้าโจว ซีเหลียงและต้าเยี่ยนจึงเชิญคนซีเหลียงไปสอนภาษาให้คนเทียนเฟิ่งเพื่อที่วันหน้าจะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการสื่อสารกันพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่นขึ้นเล็กน้อย วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วจริงๆ…
“แคว้นเทียนเฟิ่งเพิ่งเรียนรู้ภาษาของเราได้ไม่นาน เรียนมากี่เดือนแล้วถึงได้กล่าวได้คล่องถึงเพียงนี้ คนเทียนเฟิ่งช่างมีพรสวรรค์จริงๆ” ไป๋ชิงเหยียนหยั่งเชิงต่อ จากนั้นโบกมือให้เหล่าขุนนางที่ล้อมทูตเทียนเฟิ่งไว้ถอยห่างจากเขา
“กระหม่อมไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ฝ่าบาทตรัสหรอกพ่ะย่ะค่ะ ทว่า จักรพรรดิของกระหม่อมต่างหากที่ทรงปรีชาชาญ บัดนี้ไม่เพียงรู้ภาษากลาง ยังรู้ตัวอักษรอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ศึกษาแม้กระทั่งตำราโบราณของราชวงศ์ของแต่ละแคว้นพ่ะย่ะค่ะ” ทูตเทียนเฟิ่งกล่าวถึงเจ้านายของตัวเองด้วยความเคารพและนับถือ “จักรพรรดิของกระหม่อมทรงปรีชาชาญตั้งแต่เล็ก ทรงเก่งทั้งการรบและการวางแผน เป็นผู้นำเหนือผู้นำ…”
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนยิ้มโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ทูตเทียนเฟิ่งจึงกระแอมออกมาเล็กน้อย หยุดการกล่าวชมจักรพรรดิของตัวเอง จากนั้นโค้งคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “ครั้งนี้ลำบากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเสด็จเดินทางไปไกล จักรพรรดิของกระหม่อมรู้สึกไม่สบายพระทัยเช่นกัน พระองค์ให้กระหม่อมนำของกำนัลมามอบให้เป็นการชดเชย ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรดูพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าจึงเดินลงบันไดไปรับใบรายการของกำนัลมาจากทูตเทียนเฟิ่ง
ทูตเทียนเฟิ่งซ่อนใบรายการของกำนัลไว้สองแผ่น หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวว่าง่าย เขาจะมอบใบรายการที่มีของกำนัลน้อยชิ้นให้ ทว่า หากเป็นคนที่ไม่สามารถต่อกรได้ง่ายๆ เขาค่อยมอบของกำนัลที่มากกว่าให้
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองใบรายการ จากนั้นวางลงบนโต๊ะยิ้มๆ ที่แท้ของขวัญนี้ถึงจะเป็นไม้ตายที่ทำให้ทูตของเทียนเฟิ่งกล้าล่วงเกินต้าโจวก่อนอย่างนั้นสินะ…