สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1062 ค่อยๆ กลืนกิน
ตอนที่ 1062 ค่อยๆ กลืนกิน
มีคนเห็นฉินซ่างจื้อและสตรีสาวสูงศักดิ์ซึ่งมีองครักษ์ติดตามผู้นั้นรับประทานอาหารเช่นเดียวกับพวกเขาในกระโจม พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก คนตระกูลสูงศักดิ์ทั่วไปหรือแม้แต่บุรุษจากตระกูลสูงศักดิ์ล้วนไม่คุ้นชินกับอาหารธรรมดาที่พวกเขากิน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ ทว่า นางกลับไม่รังเกียจอาหารของพวกเขาราวกับเคยลำบากมาก่อน
บางคนเริ่มสงสัยว่าสตรีผู้นั้นคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ทว่า ครู่เดียวก็คิดได้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่น่าเสด็จมายังสถานที่เช่นนี้ในตอนนี้
จักรพรรดิควรอยู่อย่างสุขสบาย รับการเคารพจากบรรดาขุนนางในวังหลวง ต่อให้ออกเดินทางก็ควรมีขุนนางมากมายติดตามเหมือนในละคร
เมื่อรับประทานอาหารพร้อมกับชาวบ้านและเหล่าทหารเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก จากนั้นมองไปทางชาวบ้านและเหล่าทหารที่นั่งทานอาหารอยู่อีกกระโจมหนึ่ง หญิงสาวกล่าวกับฉินซ่างจื้อ
“เพิ่มเนื้อในอาหารให้พวกเขาอีกสักหน่อย ทำงานหนักเช่นนี้ต้องทานเนื้อ หากเงินไม่พอจงขอจากกรมการคลัง”
ฉินซ่างจื้อพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ!”
สิ้นเสียงของฉินซ่างจื้อ เซี่ยอวี่จั่งถือรายงานด่วนเดินเข้ามาด้านในด้วยความรีบร้อน จากนั้นยื่นกระบอกไม้ไผ่ให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างเหนื่อยหอบ “ฝ่าบาท รายงานด่วนจากเติงโจวพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนรับกระบอกไม้ไผ่มา คลี่จดหมายออกอ่าน…
เซี่ยอวี่จั่งยืนปรับลมหายใจอยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง จากนั้นรายงานตามคำของคนที่นำข่าวมาส่งให้ “กองทัพเติงโจวปะทะกับกองทัพช้างที่ชายแดนซีเหลียงและหรงตี๋ คนของเราได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนสามสิบหกคน ฝ่ายเทียนเฟิ่งได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตสิบสามคนพ่ะย่ะค่ะ ช้างของเทียนเฟิ่งถูกพลทหารม้าของเติงโจวยิงตาบอดไปหนึ่งตัวพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินซ่างจื้อกำหมัดแน่น เขาหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่กำลังอ่านเนื้อหาในจดหมายอย่างละเอียดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฝ่าบาท…”
ท่านน้าชายกล่าวในจดหมายว่าคนของเทียนเฟิ่งจงใจหาเรื่องต้าโจว ทว่า รองแม่ทัพของแม่ทัพอาเค่อเซี่ยของเทียนเฟิ่งเดินทางมาขอขมาที่ค่ายทหารเติงโจวด้วยตัวเองหลังจากเกิดเรื่องขึ้นไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เขาไม่เพียงแบกศีรษะของช้างที่ตาบอดมาให้ ยังนำศีรษะของทหารเทียนเฟิ่งที่จงใจก่อเรื่องที่ชายแดนซีเหลียงและหรงตี๋อีกยี่สิบกว่าคน รวมถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตสิบสามคนนั้นมาให้ต้าโจวด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ พวกเขายังนำของกำนัลมากมายและม้าศึกอีกยี่สิบตัวมาให้ต้าโจวเป็นการไถ่โทษ กล่าวว่าเทียนเฟิ่งยินดีชดใช้ค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้แก่ทหารต้าโจวที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนสิบเท่าของต้าโจว
ท่าทีของแคว้นเทียนเฟิ่งทำให้ต้าโจวไม่สามารถยึดเรื่องนี้ไม่ปล่อยได้ นี่คือครั้งแรกที่ต้าโจวปะทะกับกองทัพช้างของเทียนเฟิ่ง แม้แต่พลทหารม้ายังไม่มีผลเมื่ออยู่ต่อหน้ากองทัพช้าง เมื่อเหล่าทหารเผชิญหน้ากับสัตว์ใหญ่อย่างช้าง ต่อให้พวกเขาจะดุดันมากเพียงใดก็ไม่เป็นผล ที่สำคัญหากอยู่ในสนามรบจริงแล้วช้างเกิดอาละวาดขึ้นมา พวกเขาคงไม่สามารถยิงถูกตาของมันได้ง่ายๆ
ไป๋ชิงเหยียนกำจดหมายในมือแน่น จู่ๆ นางก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที
ไป๋ชิงเหยียนขยำจดหมายที่ท่านน้าชายส่งมา จากนั้นใช้เทียนที่วางอยู่ในถาดสี่เหลี่ยมสีดำเผาจดหมายทิ้ง
ฉินซ่างจื้อจ้องไปที่เปลวไฟที่สว่างจ้า แสงไฟสะท้อนแววตาเยือกเย็นของไป๋ชิงเหยียนให้เห็นอย่างริบหรี่ ฉินซ่างจื้อก้มหน้ากำหมัดแน่นอย่างใช้ความคิด การส่งจดหมายมาที่นี่ต้องใช้เวลาสักพัก เทียนเฟิ่งและซีเหลียงเป็นคนเสนอเรื่องการจัดการเจรจาเชื่อมไมตรีขึ้นมาเอง แม่ทัพของเทียนเฟิ่งไม่รู้เรื่องนี้อย่างนั้นหรือ เหตุใดจึงจงใจก่อเรื่องในเวลาเช่นนี้ด้วย
ไป๋ชิงเหยียนมองดูจดหมายที่ถูกไฟเผาจนมอดไหม้ แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น จัดการเรื่องทุกอย่างได้ในเวลาครึ่งชั่วยาม ตัดศีรษะช้างซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของแคว้นตัวเอง ตัดศีรษะของทหารแคว้นตัวเองส่งมาให้โดยไม่ลังเล อีกทั้งส่งม้าศึกม้าให้อีกยี่สิบตัว แคว้นเทียนเฟิ่งจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์ หากกล่าวว่าไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางเชื่อ
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเทียนเฟิ่งกำลังลงมือหยั่งเชิงต้าโจว
เทียนเฟิ่งเป็นคนเสนอเรื่องการเจรจาเชื่อมไมตรี ดังนั้นหากพวกเขาลงมือในเวลานี้อาจอ้างได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ประกอบกับพวกเขายอมรับผิดอย่างจริงใจ ส่งศีรษะของช้างและทหารที่ทำผิดมาไถ่โทษ อีกทั้งยินดีรับผิดชอบเรื่องความสูญเสียทั้งหมด ต่อให้ต้าโจวจะโกรธแค้นมากเพียงใดก็ไม่สามารถเปิดศึกได้ในเวลานี้ ถือเป็นการแสดงความจริงใจของเทียนเฟิ่งให้ทุกแคว้นเห็นขณะกำลังจะเจรจาเชื่อมไมตรีกัน
แคว้นเทียนเฟิ่งจัดการได้เรียบร้อยเช่นนี้แสดงว่าพวกเขาเคยใช้วิธีเดียวกันนี้หยั่งเชิงแคว้นอื่นมาก่อน คงคิดว่าวิธีนี้ได้ผลแน่นอนกระมัง
ท่านน้าชายยังกล่าวในจดหมายอีกว่าช่วงนี้แคว้นเทียนเฟิ่งรับซื้อเสบียงอาหารจากชาวบ้านแถบชายแดนต้าโจวในราคาที่สูง พ่อค้าเสบียงอาหารหลายรายเดินทางอ้อมไปทำการค้ากับหรงตี๋และเทียนเฟิ่งเพราะไป๋ชิงฉีสั่งปิดด่านชิวซาน สั่งห้ามไม่ให้ส่งเสบียงออกจากด่านชิวซาน ในขณะที่เทียนเฟิ่งยอมจ่ายค่าเสบียงให้ในราคาที่สูงกว่าโดยไม่เกี่ยงงอน
เป็นเรื่องปกติที่พ่อค้ามักเห็นผลประโยชน์สำคัญที่สุด
พ่อค้าบางรายคงส่งเสบียงไปยังต้าเยี่ยน จากนั้นส่งต่อไปขายยังซีเหลียงในราคาที่สูงกว่าผ่านทางด่านที่ต้าเยี่ยนยังไม่ได้ปิด
“คนที่นำจดหมายของท่านน้าชายมาส่งอยู่ที่ใด” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม
“รายงานเสร็จก็สลบไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอหงไปตรวจอาการให้เขาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เซี่ยอวี่จั่งกล่าว
“ชิงจู๋ เจ้าคัดเลือกคนสองสามคนเดินทางไปบอกท่านน้าชายที่เติงโจวว่าไม่ต้องขัดขวางพ่อค้าขายเสบียงอาหาร ให้ท่านน้าชายเรียกรวมตัวพ่อค้าเสบียง บอกพวกเขาว่าหากต้องการหากำไรจงจำกัดปริมาณเสบียงที่ขายให้เทียนเฟิ่งในแต่ละวัน เพิ่มราคาเสบียงอาหารที่ขายให้เทียนเฟิ่งสูงกว่าราคาที่เทียนเฟิ่งรับซื้อในตอนนี้ยี่สิบเท่าทุกๆ วัน”
“เจ้าค่ะ!” เสิ่นชิงจู๋รับคำ จากนั้นเตรียมจากไปคัดเลือกองครักษ์ไป๋ที่จะเดินทางไปเติงโจว
“ช้าก่อนแม่นางชิงจู๋!” เซี่ยอวี่จั่งมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างตกตะลึง “ฝ่าบาททรงหมายความว่าให้ขึ้นราคายี่สิบเท่าในทุกๆ วันหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ บอกให้ท่านน้าชายบอกพ่อค้าเหล่านั้นเช่นนี้ ขอเพียงพวกเขาจำกัดปริมาณเสบียงอาหารที่ขายให้เทียนเฟิ่งในแต่ละวัน ยิ่งเทียนเฟิ่งซื้อเสบียงอาหารได้น้อยเท่าใด พวกเขาก็จะยิ่งขึ้นราคาได้มากเท่านั้น! พ่อค้าเห็นแก่กำไร พวกเขาต้องเข้าใจความหมายของข้าแน่”
เทียนเฟิ่งมาจากภูเขาหิมะอีกด้าน ปัญหาทะเลทรายในดินแดนของพวกเขาค่อนข้างร้ายแรง แม้ปริมาณการผลิตเสบียงอาหารภายในแคว้นของเทียนเฟิ่งจะเพียงพอที่ส่งออกมานอกแคว้นได้หรือพวกเขาอาจมีกักตุนไว้บ้าง ทว่า ค่าใช้จ่ายในการส่งมายังซีเหลียงค่อนข้างสูงเกินไป เทียนเฟิ่งทำได้เพียงเอาจากซีเหลียงหรือแคว้นใกล้เคียงอย่างต้าเยี่ยนและต้าโจวเท่านั้น
ทว่า พ่อค้าเหล่านี้รู้ดีว่าซีเหลียงมีเสบียงอาหารหรือไม่ มิเช่นนั้นพวกเขาคงไม่พยายามเดินทางอ้อมด่านชิวซานไปส่งเสบียงให้ซีเหลียง ของมีน้อยเท่าใด ราคาของมันจึงจะสามารถสูงขึ้นได้มากเท่านั้น! พ่อค้าเหล่านั้นล้วนเป็นคนฉลาด
“แม่นางชิงจู๋อยู่กับฝ่าบาทเถิด ข้าจะไปคัดเลือกคนเอง” เซี่ยอวี่จั่งทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นจากไปทันที
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน หญิงสาวเดินไปตามริมแม่น้ำที่ทอดยาวกับฉินซ่างจื้อ เมื่อสนทนาเรื่องการสร้างเขื่อนกว่างเหอเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงขึ้นไปบนรถม้าโดยการประคองของเสิ่นชิงจู๋และชุนเถา
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่ตั้งครรภ์รูปร่างผอมเพรียวกว่าตอนไม่ตั้งครรภ์ ฉินซ่างจื้อกำหมัดแน่น เขาเดินเข้าไปด้านหน้าพลางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวลกับการเดินทางไปผิงหยางครั้งนี้มากไปนักพ่ะย่ะค่ะ แคว้นเทียนเฟิ่งยอมขอขมาและชดใช้ความเสียหายให้ต้าโจวหลังจากหยั่งเชิงพวกเราที่ชายแดนแสดงว่าตอนนี้เทียนเฟิ่งอยากควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคง ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับต้าโจวและต้าเยี่ยน จากนั้นค่อยๆ กลืนกินทีละนิด ตอนนี้พวกเขายังไม่กล้าก่อเรื่องแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
กล่าวจบฉินซ่างจื้อจึงคิดได้ว่าด้วยสติปัญญาของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวคงคิดได้เช่นเดียวกัน เขาเม้มปากโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทรักษาพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”