สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1067 ไม่มีจริง
ตอนที่ 1067 ไม่มีจริง
จุมพิต…เป็นไปอย่างผิวเผิน
เซียวหรงเหยี่ยนพยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเอง ดวงตาเร่าร้อนคู่นั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่หายใจไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มก้มหน้าจุมพิตลงบนริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นเอ่ยเสียงเบา “ในใจของอาเป่ามีแต่บันทึกที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ เจ้ามีเวลาคิดถึงข้าด้วยอย่างนั้นหรือ”
“กล่าวถึงเรื่องนี้…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนพลางเอ่ยถาม “ท่านเข้าใจความหมายที่จีโฮ่วบันทึกไว้ในบันทึกเหล่านี้หรือไม่”
เซียวหรงเหยี่ยนเหลือบมองม้วนไม้ไผ่ของมารดาแวบหนึ่ง จากนั้นหยิบม้วนไม้ไผ่มาไว้ในมือพลางเอ่ยขึ้น “ข้าเคยอ่านบันทึกเหล่านี้ เคยถามท่านแม่ ท่านแม่กล่าวว่าระบอบการปกครองในบันทึกยังไม่เหมาะสมกับยุคสมัยนี้ ท่านบันทึกเอาไว้เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อยุคสมัยที่เหมาะสมมาถึง สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้นำแคว้น ไม่ทำให้ต้าเยี่ยนต้องดับสลายลง”
ไป๋ชิงเหยียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย ดังนั้นที่เซียวหรงเหยี่ยนไม่ตอบรับการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองเป็นเพราะจีโฮ่วอย่างนั้นหรือ
ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากเอ่ยถึงบาดแผลในใจของเซียวหรงเหยี่ยนอีก หญิงสาวลุกขึ้นยืนหยิบม้วนไม้ไผ่ไปจากมือของเซียวหรงเหยี่ยน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันภายหลังเถิด มาคุยเรื่องการเชื่อมไมตรีระหว่างสี่แคว้นกันก่อนดีกว่า”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า รับม้วนไม้ไผ่จากไป๋ชิงเหยียนมาวางลงบนโต๊ะด้านข้าง “มานี่…”
เซียวหรงเหยี่ยนจูงไป๋ชิงเหยียนเดินไปยังเก้าอี้ ชายหนุ่มนั่งลงจากนั้นรวบตัวหญิงสาวมานั่งบนตักของเขา
สองสายตาประสานกัน เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “เทียนเฟิ่งจัดการเจรจาเชื่อมไมตรีระหว่างสี่แคว้นในครั้งนี้เพราะจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งได้รับคำเตือนจากสวรรค์ กล่าวว่าเทพเจ้าเลือกเจ้าของดินแดนแห่งนี้ไว้แล้ว หากเทียนเฟิ่งรุกรานดินแดนแห่งนี้ พวกเขาจะถูกลงโทษจากเทพเจ้า!”
“เทพเจ้าลงโทษอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า “เทียนเฟิ่งมีทะเลทรายขนาดใหญ่ กล่าวกันว่าเป็นบทลงโทษจากเทพเจ้าที่ทำให้ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ของเทียนเฟิ่งกลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง ได้ยินว่าตอนนี้ทะเลทรายขยายอาณาเขตกลืนกินแคว้นเทียนเฟิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่เทียนเฟิ่งเดินทางไปยังซีเหลียง ไม่ใช่เพราะพวกเขามีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าที่เหมือนกัน!”
“ท่านรู้ได้เช่นไร” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“ซีเหลียงไม่ได้ป้องกันต้าเยี่ยนมากถึงเพียงนั้น พ่อค้าเสบียงของต้าเยี่ยนจึงสามารถเข้าไปสืบเรื่องราวในซีเหลียงได้อย่างสบาย”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นก้มหน้าครุ่นคิด “การลงโทษจากเทพเจ้า…”
ได้ยินเสียงพึมพำของไป๋ชิงเหยียน เซียวหรงเหยี่ยนลูบไล้ข้อมือเรียวของหญิงสาวเล่น จากนั้นเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าเชื่อเรื่องเทพเจ้าหรือไม่”
ไป๋ชิงเหยียนมองจ้องดวงตาที่ไม่ศรัทธาเรื่องนี้ของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นกล่าวเสียงจริงจัง “ข้าไม่รู้ว่าเทพเจ้าที่ซีเหลียงและเทียนเฟิ่งศรัทธามีอยู่จริงหรือไม่ ทว่า ข้านับถือในศรัทธาของพวกเขา ไม่คิดว่าพวกเขาศรัทธาในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ข้าเชื่อว่าสวรรค์มีตา…”
มิเช่นนั้นสวรรค์คงไม่ให้โอกาสนางกลับมาเกิดใหม่ก่อนวันแต่งงานของไป๋จิ่นซิ่วในตอนที่นางสิ้นหวังและตายตาไม่หลับเช่นนั้น
ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนเชื่อมาโดยตลอดว่าสวรรค์มีตา! สวรรค์ทนเห็นตระกูลไป๋ที่จงรักภักดีมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้ไม่ได้จึงให้นางกลับมา ให้น้องชายของนางกลับมา!
เซียวหรงเหยี่ยนไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะตอบอย่างจริงจังเช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจมาก “ความเชื่อเรื่องเทพเจ้ามีขึ้นเพื่อปลอบโยนจิตใจของชาวบ้าน ให้ชาวบ้านกระทำแต่สิ่งดีๆ”
คำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยนแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าใดนัก
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ราชครูสั่งสอนจักรพรรดิหลังขึ้นครองราชย์ สามารถกล่าวได้ว่าสิ่งนี้สืบต่อกันมายาวนาน ราชวงศ์ใช้เทพเจ้าเป็นเครื่องมือควบคุมชาวบ้านให้กระทำในสิ่งที่พวกเขาอยากให้ทำ นานวันเข้าเมื่อราชวงศ์มีอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือ พวกเขาจึงนับถือเทพเจ้าน้อยลงทุกที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่จีโฮ่วสั่งสอนทายาทของนางทุกคนทำให้พวกเขาไม่หวาดกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือไม่เคยเห็นมาก่อน จีโฮ่วสอนพวกเขาไม่ให้เชื่อเรื่องผีสางในใต้หล้าแห่งนี้
เมื่อไม่หวาดกลัวผีสางและวิญญาณ พวกเขาย่อมนับถือเทพเจ้าน้อยลงทุกที
ไป๋ชิงเหยียนยังคิดไม่ออกว่าจะอธิบายเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ของนางให้เซียวหรงเหยี่ยนฟังเช่นไรดี สถานการณ์ของใต้หล้าในตอนนี้เปลี่ยนไปจากที่นางเคยเผชิญในชาติที่แล้ว หากนางเล่าออกไปก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้อยู่ดีว่าสิ่งที่นางกล่าวคือความจริงหรือนางฝันไปเองกันแน่
ไป๋ชิงเหยียนที่กำลังใช้ความคิดอยู่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ท้องของตัวเอง หญิงสาวรีบจับแขนเซียวหรงเหยี่ยนแน่น
“เป็นอันใดไป…” เซียวหรงเหยี่ยนมีสีหน้าตื่นตระหนก
“ลูกดิ้นแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนวางมือลงบนหน้าท้องของตัวเอง สีหน้าส่อแววดีใจระคนตื่นเต้น
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนได้ยินว่าลูกดิ้นแล้ว ลำคอของชายหนุ่มร้อนผ่าวขึ้นทันที “ข้าขอลองจับบ้าง…”
เซียวหรงเหยี่ยนวางมือลงบนหน้าท้องของไป๋ชิงเหยียนอย่างระมัดระวัง รออยู่ครู่ใหญ่ลูกก็ยังไม่ดิ้นเสียที ชายหนุ่มมีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาลุกขึ้นยืนประคองไป๋ชิงเหยียนให้นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน แนบใบหูลงที่หน้าท้องของหญิงสาวเพื่อฟังความเคลื่อนไหว เขาสัมผัสได้ว่ามีแรงถีบบริเวณหน้าท้องของหญิงสาว
“ดิ้นแล้ว!” เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน ดวงตาล้ำลึกของชายหนุ่มส่อแววยินดีอย่างคุมไม่อยู่
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นางเห็นเซียวหรงเหยี่ยนใช้สองมือประคองหน้าท้องที่นูนขึ้นของตน จากนั้นก้มหน้ากล่าวกับเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องเสียงแผ่วเบา “พ่อได้ยินแม่ของเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นเด็กดีมาก ไม่ทรมานแม่ของเจ้าแม้แต่น้อย พ่อดีใจมาก แม้พ่อจะไม่ได้อยู่ข้างกายแม่และเจ้า ทว่า พ่อคิดถึงพวกเจ้าตลอดเวลา เจ้าต้องรักแม่ของเจ้าให้มาก เมื่อเจ้าลืมตามาดูโลก พ่อจะดูแลเจ้าอย่างดี!”
กล่าวจบเซียวหรงเหยี่ยนแนบหูลงบนท้องของไป๋ชิงเหยียนเพื่อฟังความเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เซียวหรงเหยี่ยนยังไม่ได้รู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้สักเท่าใด เขารู้เพียงว่าเขาต้องปกป้องลูกของเขาและอาเป่าให้ดี จะไม่มีทางกลายเป็นคนแบบบิดาของตัวเอง ทว่า เมื่อเขาสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวของเด็กที่อยู่ในท้องของไป๋ชิงเหยียน จู่ๆ ใจที่สงบนิ่งของเขาก็เกิดความรักของบิดาขึ้นมาทันทีอย่างน่าอัศจรรย์
ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีมีความสุขของเซียวหรงเหยี่ยนจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของชายหนุ่มเบาๆ “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ลูกของเราเป็นเด็กดีมาก ข้าไม่ได้กล่าวเพียงเพื่อปลอบใจท่าน”
ไป๋ชิงเหยียนจับแขนของเซียวหรงเหยี่ยน “ท่านลุกขึ้นเถิด พวกเรามาปรึกษาเรื่องการเจรจาเชื่อมไมตรีในครั้งนี้ต่อเถิด”
การทำสัญญาเป็นพันธมิตรระหว่างต้าโจวและต้าเยี่ยนไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แค่ลงนามในสัญญาก็สิ้นเรื่อง ไม่ว่าแคว้นอื่นจะบุกรุกรานต้าโจวหรือต้าเยี่ยน อีกแคว้นจะส่งกำลังทหารไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ถือเป็นการข่มขู่แคว้นเทียนเฟิ่งที่จ้องจะรุกรานพวกเขา
“คืนนี้อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเดินทางมาปรึกษาเรื่องการทำสัญญาพันธมิตรกับจักรพรรดินีแห่งต้าโจว หลังจากนี้ต้องให้อาเป่าและอาลี่แสดงให้คนภายนอกเห็นอย่างเป็นทางการ” เซียวหรงเหยี่ยนนั่งลงบนที่นั่งถัดจากไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ในเมื่อตอนนี้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวและจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนต่างเดินทางมาถึงแล้ว เทียนเฟิ่งต้องส่งคนมาถามเรื่องเวลาและสถานที่ในการเจรจาเชื่อมไมตรีแน่นอน ขอเพียงพวกเราตอบตรงกัน พวกเขาคงเข้าใจเรื่องทุกอย่าง”