สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1080 ของแทนตัว
ตอนที่ 1080 ของแทนตัว
“ข้าคิดว่าในตัวหยกจักจั่นอาจมีข้อความหรือแผนที่อันใดซ่อนไว้ ระหว่างทางกลับมาข้าจึงนำมันไปส่องใกล้แสงไฟ ทว่า ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่น้อย” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางมู่หรงเหยี่ยน
“ตอนที่เสี่ยวซื่อเข้าใจผิดคิดว่าหยกจักจั่นนี่คือหยกของท่าน ดูจากสีหน้าของจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งเหมือนว่าหยกจักจั่นจะมีความสำคัญต่อแคว้นเทียนเฟิ่งมาก บางทีหากนำหยกจักจั่นของชิ้นมารวมกันพวกเราอาจรู้ว่าหยกจักจั่นมีความสำคัญเช่นไรกันแน่”
“หยกจักจั่นชิ้นนี้เหมือนกับหยกจักจั่นของจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งไม่มีผิดเพี้ยนเลยเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน สาวน้อยมองหยกจักจั่นอย่างสนใจ “ลองเผาไฟดูดีหรือไม่เจ้าคะ”
“อย่าวุ่นวาย!” ไป๋ชิงอวี๋กล่าว
“ข้าแค่ล้อเล่นเองเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นถามมู่หรงเหยี่ยน “พี่เขย แคว้นต้าเยี่ยนของพวกท่านรู้เรื่องแคว้นเทียนเฟิ่งมาก่อนแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
มู่หรงเหยี่ยนส่ายหน้า “หากไม่ใช่เพราะพ่อค้านามชุยเฟิ่งเหนียนค้นพบแคว้นเทียนเฟิ่ง อีกทำนำวิธีการผลิตกระดาษและทำหนังสัตว์มาเผยแพร่ที่ซีเหลียง ต้าเยี่ยนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังภูเขาหิมะลูกนั้นจะมีแคว้นเทียนเฟิ่งอาศัยอยู่”
“มีภูเขาหิมะขวางกั้น ทว่า หยกจักจั่นของจีโฮ่วและจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งกลับเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน หยกจักจั่นนี่คือสมบัติล้ำค่าของเทียนเฟิ่งด้วย…” ไป๋ชิงอวี๋ขมวดคิ้วแน่น “คนเก่าแก่ที่เคยรับใช้จีโฮ่วยังมีชีวิตอยู่บ้างหรือไม่”
มู่หรงเหยี่ยนนึกถึงเฝิงเย่าขึ้นมาได้ ชายหนุ่มพยักหน้า “ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่เคยรับใช้ท่านแม่และดูแลข้าและท่านพี่มาตั้งแต่เล็กยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เขาคอยรับใช้ข้างกายอาลี่ เขาเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย”
มู่หรงเหยี่ยนวางหยกจักจั่นลงบนฝ่ามือของไป๋ชิงเหยียน “เจ้าเก็บหยกจักจั่นไว้ก่อน ข้าจะกลับถามลุงเฝิงว่ารู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับหยกจักจั่นนี้บ้างหรือไม่”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ มู่หรงเหยี่ยนยังคงข้องใจเรื่องหยกจักจั่นจึงขอตัวกลับก่อน
ไป๋จิ่นจื้ออาสาไปส่งมู่หรงเหยี่ยนที่นอกเมือง ไป๋ชิงอวี๋ช่วยไป๋ชิงเหยียนจัดการฎีกาที่ถูกส่งมาจากเมืองหลวงอยู่ในห้องหนังสือ ไป๋ชิงเหยียนยื่นบันทึกของจีโฮ่วให้ไป๋ชิงอวี๋อ่าน
เมื่อไป๋ชิงอวี๋เริ่มอ่านจึงแทบวางไม่ลง
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ชิงอวี๋ได้อ่านบันทึกของจีโฮ่ว นอกจากตกตะลึงแล้วยังมีอีกหลายจุดที่เขาอ่านไม่เข้าใจ ชายหนุ่มหันไปปรึกษาไป๋ชิงเหยียน
“อาเหยี่ยนกล่าวว่าจีโฮ่วเก็บบันทึกเหล่านี้เอาไว้ในที่ลับเพราะคิดแนวคิดเหล่านี้ยังไม่เหมาะสมกับยุคสมัยนี้ มันล้ำหน้าเกินไป” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน จากนั้นชี้ไปยังข้อความเล็กๆ ที่อยู่บนตำราไม้ไผ่ “เจ้าดูตรงนี้ แม้ลายมือจะเหมือนกัน ทว่า จีโฮ่วเขียนไว้ตรงนี้ว่าการปฏิรูปต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเร่งรัดปฏิรูปจนส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลาย ราชวงศ์อาจถูกโค้นล้มได้”
“ตระกูลสูงศักดิ์ของต้าเยี่ยนค้ำจุนผลประโยชน์กันมายาวนาน พวกเขาต้องค่อยๆ ปฏิรูปอย่างค่อยไปค่อยไป ทว่า ต้าโจวของพวกเราเพิ่งสถาปนาขึ้น การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งคือจุดมุ่งหมายของคนทั้งแคว้น หากพี่หญิงใหญ่อยากปฏิรูปการปกครอง ข้าคิดว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับต้าโจวขอรับ!” ไป๋ชิงอวี๋ม้วนไม้ไผ่เก็บ จากนั้นถือไว้ในมือ “ตระกูลไป๋คือตระกูลสูงศักดิ์ พี่หญิงใหญ่สถาปนาแคว้นต้าโจวขึ้นได้เพราะการร่วมแรงร่วมใจของทหารและชาวบ้าน บัดนี้กองทัพเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กล่าวได้ว่าขอเพียงคือคำสั่งของพี่หญิง ทหารในกองทัพไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน ดังนั้นพี่หญิงใหญ่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องบันทึกของจีโฮ่วหรอกขอรับ สถานการณ์ทางการเมืองของสองแคว้นไม่เหมือนกัน…”
แต่ไรมาผู้ที่กุมอำนาจทางทหารคือผู้มีสิทธิ์ขาด บัดนี้อำนาจทางทหารทั้งหมดของต้าจิ้นอยู่ในมือของไป๋ชิงเหยียน ไม่ว่าจะเป็นกองทัพต้าเหลียงที่ยอมจำนนกับไป๋ชิงเหยียน แม่ทัพของราชวงศ์เก่าอย่างหลินคังเล่อ หวังสี่ผิงและเซี่ยอวี่จั่งล้วนสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อพี่หญิงของเขาไปจนวันตาย
บัลลังก์ของจักรพรรดินีได้มาจากอำนาจทางทหาร ตอนนี้ทุกคนในแคว้นล้วนมีเป้าหมายเดียวกันว่าต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง การปฏิรูปการปกครองคือเรื่องเล็กสำหรับไป๋ชิงเหยียน ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแน่นอน
“พี่หญิง หากพวกเราแข่งขันกันด้วยระบอบการปกครองจริง ต้าโจวต้องเอาชนะต้าเยี่ยนที่ปกครองด้วยระบอบปกครองเก่าคร่ำครึได้แน่นอนขอรับ” ไป๋ชิงอวี๋กล่าวอย่างมั่นใจ
โคมไฟดอกบัวสามสิบหกแฉกในห้องหนังสือสว่างไสว ชุนจือเดินถือตะเกียงดวงใหม่เข้ามาด้านใน หญิงสาวเปลี่ยนน้ำชาให้เจ้านายทั้งสอง วางของว่างลงบนโต๊ะ จากนั้นเดินอ้อมฉากกั้นออกไปด้านนอก
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชุนจือเดินแหวกม่านออกมาด้านนอกห้อง ลมหิมะทางตะวันออกเฉียงใต้พัดโชยมาโดนร่างของนาง ชุนจือและนางกำนัลที่เฝ้าอยู่ด้านนอกยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ขณะที่หญิงสาวยกแขนขึ้นกอดอกนางเหลือบเห็นแสงไฟสีส้มกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก นางรีบหันไปเรียกเว่ยจง “เว่ยกงกง…”
เว่ยจงซึ่งถือแส้อยู่ในมือรับคำ จากนั้นมองไปทางด้านนอก
ไม่นานองครักษ์ตระกูลไป๋เดินถือโคมไฟหนังแกะตรงมาหาเว่ยจงอย่างรีบร้อน เขาทำความเคารพ จากนั้นกล่าวขึ้น “เว่ยกงกง ด้านนอกมีบุรุษที่อ้างว่าคือเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยต้องการพบคุณหนูใหญ่ขอรับ นี่คือของแทนกายของคนผู้นั้นขอรับ”
เว่ยจงส่งแส้ในมือให้ขันทีเล็ก จากนั้นเดินฝ่าหิมะออกไปรับตราประทับที่แกะสลักอย่างประณีตมาจากมือขององครักษ์ไป๋ เขายกขึ้นสำรวจอย่างละเอียดใต้แสงไฟ จากนั้นกล่าวขึ้น “รอก่อน ข้าจะไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ”
เว่ยจงถือตราประทับเดินขึ้นไปบนบันไดระเบียงทางเดิน ชุนจือช่วยแหวกม่านให้เว่ยจงดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เว่ยจงผลักประตูที่กั้นอยู่เข้าไปด้านใน เขายืนรายงานอยู่นอกจากกั้น “ฝ่าบาท องครักษ์ไป๋กล่าวว่ามีบุรุษนามเหยี่ยนอ๋องหลี่จือเจี๋ยต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เขานำตราประทับของเหยียนอ๋องมาด้วย บ่าวตรวจสอบดูแล้วว่าเป็นของจริงพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงอวี๋เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวสิ่งที่เขาคาดเดาได้จากที่เห็นเหตุการณ์ในการเจรจาเชื่อมไมตรีในวันนี้ “พี่หญิง ซีเหลียงคงเกิดความวุ่นวายภายในแคว้น หลี่เทียนฟู่แย่งชิงบัลลังก์ หลี่จือเจี๋ยอาจมาขอให้พี่หญิงช่วยเหลือ เขาคงอยากขึ้นครองบัลลังก์เองไม่ก็ขอให้พี่หญิงช่วยให้หลี่เทียนเจียวได้ขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้ง พี่หญิงจะพบเขาหรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนลูบนิ้วลงบนโต๊ะ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ในเมื่อมาแล้วก็พบหน้าเขาสักหน่อยก็แล้วกัน ดูสิว่าหลี่จือเจี๋ยต้องการทำสิ่งใดกันแน่”
“เว่ยจง เจ้าจงออกไปเชิญเหยียนอ๋องไปที่โถงรับรองด้านหน้าด้วยตัวเอง เดี๋ยวข้ากับอาอวี๋จะตามไป” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงรับคำแล้วเดินจากไปทันที
หลี่จือเจี๋ยซึ่งสวมเสื้อคลุมกันลมสีดำตัวหนายืนอยู่หน้าจวนเจ้าเมืองที่ประดับด้วยความไฟสว่างไสว ใบหน้าของเขาโดนลมหนาวจนแดงก่ำ แสงไฟส่องเห็นใบหน้าซีดเซียวของเขาอย่างริบหรี่ ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยจ้องไปที่ประตูจวนสีแดงนิ่ง ทว่า กิริยาท่าทางของเขายังคงดูสุขุมและสง่างามเช่นเดิม
เมื่อได้ยินเสียงประตูของจวนเจ้าเมืองเปิดออก หลี่จือเจี๋ยกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น เมื่อเห็นเว่ยจงออกมาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เหยียนอ๋อง” เว่ยจงโค้งกายทำความเคารพเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ย
หลี่จือเจี๋ยก้มศีรษะให้เล็กน้อย จากนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม “เว่ยกงกง…”
“ฝ่าบาททรงเชิญเหยียนอ๋องเข้าไปรอที่โถงรับรองก่อนพ่ะย่ะค่ะ อีกสักครู่ฝ่าบาทจะมาพบ…” เว่ยจงหลีกทางให้หลี่จือเจี๋ยเดินเข้าไปในจวน