สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1082 ไม่ทันตั้งตัว
ตอนที่ 1082 ไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนเปล่งประกายท่ามกลางแสงไฟ ครู่ใหญ่หญิงสาวจึงกล่าวขึ้น “เช่นนั้นซีเหลียงก็แสดงความจริงใจให้ต้าโจวเห็นก็ก่อนแล้วกัน”
“ฝ่าบาทได้โปรดร่างสัญญาว่าซีเหลียงจะยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวหลังจากต้าโจวช่วยขับไล่เทียนเฟิ่งออกจากซีเหลียงขึ้นมาและลงนามในสัญญาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เหยียนอ๋องจะเป็นคนลงนามอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก
หลี่จือเจี๋ยเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทของกระหม่อมตรัสไว้แล้วว่าขอเพียงต้าโจวยินดีช่วยเหลือซีเหลียง ให้กระหม่อมมีหน้าที่ตัดสินใจได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม ฝ่าบาทเคยทำสงครามจนซีเหลียงพ่ายแพ้ย่อยยับ ซีเหลียงทุกคนรับรู้ความกล้าหาญและแข็งแกร่งของฝ่าบาทดี หากตกเป็นรัฐบรรณาการของฝ่าบาท ทุกคนในซีเหลียงคงไม่คัดค้านแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยังคงยิ้มเช่นเดิมพลางมองไปทางหลี่จือเจี๋ยนิ่ง หญิงสาวเดินอ้อมร่างของชายหนุ่มไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นหยุดอยู่หน้าเตาผิงทองแดงทรงสัตว์มงคลที่กำลังลุกโชน หญิงสาวยื่นมือเรียวเล็กออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นไปหน้าเตาผิงเพื่ออังไฟ หญิงสาวเหมือนจะมองเห็นโคมไฟที่แขวนอยู่ตรงระเบียงทางเดินผ่านแกว่งไปมาทางหน้าต่าง จากนั้นเอ่ยขึ้น “ซีเหลียงมีสายลับอยู่ในต้าโจวบ้างหรือไม่”
หลี่จือเจี๋ยกำหมัดแน่น ยังคงคุกเข่าสองข้าอยู่บนพื้น ศีรษะแนบจรดพื้นจากนั้นตอบเสียงอู้อี้
“ฝ่าบาท ซีเหลียงไม่มีสายลับหรือหน่วยสอดแนมใดอยู่ในต้าโจวพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่จือเจี๋ยไม่ตอบตามความจริงแสดงว่าสายลับอย่างกวนจางหนิงมีประโยชน์มาก ซีเหลียงไม่มีทางยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวจริงๆ แน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง กวนจางหนิงแฝงตัวเข้ามาอยู่ในกองทัพไป๋นานแล้ว หลี่จือเจี๋ยคือคนสนิทของหลี่เทียนเจียว หากกล่าวว่าหลี่จือเจี๋ยไม่รู้เรื่องอันใดเลย ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางเชื่อ
ดูเหมือนว่าซีเหลียงมีแผนการในใจแล้วเช่นเดียวกัน
บางทีจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอาจหลอกต้าโจวว่าจะยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวก่อนเพื่อหลอกใช้ให้ต้าโจวช่วยขับไล่เทียนเฟิ่งออกไปจากซีเหลียง เมื่อบัลลังก์ของหลี่เทียนเจียวมั่นคง พวกเขาจะยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวตามที่ทำสัญญากันไว้หรือไม่คงต้องดูว่าสายลับอย่างกวนจางหนิงซึ่งแฝงตัวอยู่ในกองทัพไป๋เป็นเวลานานจะมีบทบาทเช่นไร
จางอี้อัครมหาเสนาบดีแคว้นฉินเคยหลอกลวงฉู่ไหวอ๋องว่าจะมอบดินแดนหกลี้คืนให้แคว้นฉู่มาก่อน หลี่จือเจี๋ยคือคนของราชวงศ์ซีเหลียง เขาคงยอมเสื่อมเสียชื่อเสียงเพื่อซีเหลียงอย่างแน่นอน
ฉู่ไหวอ๋องถูกจางอี้หลอกลวงเพราะคิดว่าแคว้นฉู่เป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งจนคนแคว้นฉินไม่กล้าหลอกลวงพวกเขา เขาโลภมากอยากดินแดนหกลี้ของแคว้นฉินโดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าประมาทจนคิดว่าซีเหลียงจะยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวจริงๆ หลังจากผ่านพ่ายแพ้ย่อยยับจากสงครามที่หนานเจียงมาแล้ว
ทว่า…การทำสงครามกับกองทัพช้างในฤดูหนาวคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดจริงๆ
ซีเหลียงอยากหลอกใช้ต้าโจว ต้าโจวจะหลอกใช้ซีเหลียงบ้างไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ไม่ว่าอย่างไรกองทัพอวิ๋นหั่วก็ลอกเลียนแบบมาจากทหารค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋ ให้กองทัพหัวอวิ๋นทำงานเพื่อต้าโจวก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงดังฟังชัด “ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ข้าจะให้เว่ยจงพาท่านไปปรึกษาเรื่องสัญญากับใต้เท้าหลิ่ว”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เอ่ยถึงกวนจางหนิง หญิงสาวต้องการให้ซีเหลียงคิดว่าพวกนางยังไม่รู้เรื่องของกวนจางหนิง เช่นนี้กวนจางหนิงจะได้มีประโยชน์ต่อต้าโจวมากที่สุด
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่จือเจี๋ยจึงหลับตาที่บวมช้ำลง เขารู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายที่เดินทางมายังเมืองผิงหยางแล้ว
หลี่จือเจี๋ยก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นมองไปทางสตรีที่สีหน้ายังคงราบเรียบเช่นเดิมนิ่ง ตอนพบกันครั้งแรกหลี่จือเจี๋ยไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้ ใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอนจริงๆ
“เว่ยจง!” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียก
เว่ยจงเข้ามาด้านในทันทีที่ได้ยินเสียงไป๋ชิงเหยียนเรียก ไป๋ชิงเหยียนบอกให้เว่ยจงพาหลี่จือเจี๋ยไปพบหลิ่วหรูซื่อ
เมื่อเว่ยจงพาหลี่จือเจี๋ยจากไปแล้ว ไป๋ชิงอวี๋จึงเดินไปหยุดอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเอ่ยเสียงเบา “หากพี่หญิงต้องการร่วมมือกับซีเหลียง พวกเราต้องหาทางควบคุมพวกเขาให้อยู่หมัดนะขอรับ”
“ซีเหลียงคงคิดว่าพวกเขามีคนคอยควบคุมกองทัพไป๋ของพวกเราอยู่กระมัง” ไป๋ชิงเหยียนจับชายกระโปรงเดินข้ามธรณีประตูเรือนไปพร้อมกับไป๋ชิงอวี๋
ชุนจือเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวี๋โดยเว้นระยะห่างสิบเก้าเพื่อไม่รบกวนการสนทนาของเจ้านายทั้งสอง
“พี่ยังไม่ได้บอกเจ้า พวกเราพบตัวกวนจางหนิงแม่ทัพในสังกัดของท่านอาห้าแล้ว ทว่า กวนจางหนิงคือคนของตระกูลอวิ๋นแห่งซีเหลียงที่ถูกส่งมาแฝงตัวอยู่ในกองทัพไป๋เมื่อนานมาแล้ว นามเดิมของเขาคืออวิ๋นหลาน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับไป๋ชิงอวี๋เสียงเบา “ชิงจู๋ไปสืบเรื่องนี้มาแล้ว แม้ไม่มั่นใจเต็มร้อย ทว่า เก้าในสิบน่าจะเป็นเรื่องจริง…”
ไป๋ชิงอวี๋ชะงักฝีเท้า เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน จากนั้นเอ่ยถาม “แม่ทัพกวนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามที่หนานเจียงหรือไม่ขอรับ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อเห็นไป๋ชิงอวี๋กำหมัดแน่น ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยไอสังหาร ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที นางเดินเข้าไปใกล้น้องชาย จากนั้นกุมมือเขาไว้แน่น
“ไม่ว่าอวิ๋นหลานแห่งตระกูลอวิ๋นจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ พวกเราล้วนมีความแค้นกับตระกูลอวิ๋น พวกเราต้องแก้แค้นคนพวกนั้นแน่นอน! อาอวี๋ สงครามที่หนานเจียงจบสิ้นไปแล้ว ที่ตระกูลไป๋มีจุดจบเช่นนั้นไม่ได้เป็นเพราะกองทัพไป๋มีคนทรยศเพียงอย่างเดียว ยังเป็นเพราะจักรพรรดิแห่งต้าจิ้นด้วย ความเห็นแก่ตัวของราชสำนัก ความจงรักภักดีต่อต้าจิ้น การวางแผนทำทุกอย่างเพื่อต้าจิ้นโดยไม่คิดหวาดระแวงของท่านปู่ ความหวาดกลัวในกองทัพไป๋ของแคว้นศัตรูล้วนเป็นสาเหตุทั้งสิ้น!”
“บัดนี้การปล่อยให้กวนจางหนิงมีชีวิตอยู่ต่อไปมีประโยชน์ต่อต้าโจวมากกว่าการสังหารเขา สายลับจะมีประโยชน์มากที่สุดเมื่อแคว้นศัตรูไม่รู้ว่าพวกเรารู้ถึงการมีอยู่ของสายลับผู้นี้แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนคลายมือที่กุมไป๋ชิงอวี๋อยู่ออก จากนั้นก้มหน้ากล่าวต่อ “ที่สำคัญกองทัพไป๋ของพวกเราไม่เคยสงสัยสหายร่วมกองทัพ พวกเรากล้าฝากชีวิตไว้กับสหายร่วมกองทัพเดียวกัน เช่นนี้กวนจางหนิงจะได้ไม่ทันตั้งตัว ทำประโยชน์ให้วพวกเราได้สูงสุด”
“ตอนนี้พวกเราสถาปนาแคว้นต้าโจวขึ้นใหม่ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือไม่ให้ราชสำนักของต้าโจวมีตระกูลที่มีจุดจบอย่างตระกูลไป๋เกิดขึ้นอีก!”
ราชสำนักของต้าโจวจะไม่ปล่อยให้ตระกูลของขุนนางที่จงรักภักดีเผชิญกับความทุกข์ยากแบบที่ตระกูลไป๋เคยได้รับมาก่อน
ต้าโจวจะไม่ปล่อยให้เหล่าทหารเลือดร้อนที่ยินดีสละชีพเพื่อบ้านเมืองของต้าโจวเผชิญกับอันตรายอย่างที่ตระกูลไป๋เคยเผชิญมาก่อน
ขอบตาของไป๋ชิงอวี๋ร้อนผ่าว หากเป็นพี่หญิง เขาเชื่อว่าพี่หญิงไม่มีทางปล่อยให้ขุนนางในราชสำนักมีจุดจบแบบที่ตระกูลไป๋เคยเผชิญมาแน่นอน เขาเชื่อว่าพี่หญิงใหญ่สามารถเชื่อใจขุนนางของตัวเองโดยไม่มีความหวาดระแวง ดังนั้นพี่หญิงใหญ่จึงกล้าลดทอนอำนาจของจักรพรรดิ กระจายอำนาจไปยังเหล่าขุนนางเหมือนในบันทึกของจีโฮ่วเช่นนี้
ใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีจักรพรรดิองค์ใดที่มีความกล้าหาญและจิตวิญญาณอย่างพี่หญิงของเขาอีกแล้ว แม้แต่ทายาทของจีโฮ่วก็ไม่มี
ไป๋จิ่นจื้อที่ผ้าพันคอเต็มไปด้วยเลือดและได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าวิ่งกุมแขนเข้าไปในจวนด้วยความรวดเร็ว เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวี๋ยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน สาวน้อยรีบกระโดดออกไปจากระเบียงทางเดิน จากนั้นวิ่งฝ่าหิมะเข้าไปหาคนทั้งคู่ทันที