สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1085 ไม่มีผู้ใดร้องขอชีวิต
ตอนที่ 1085 ไม่มีผู้ใดร้องขอชีวิต
เสิ่นคุนหยางที่เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าทันที เขากำดาบที่เอวของตัวเองแน่น เดินตรงไปยังขอบกำแพงเมือง จากนั้นเอ่ยถามอย่างไม่หวาดกลัว “เทียนเฟิ่งจะเปิดศึกกับต้าโจวอย่างนั้นหรือ”
“หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำไม” หลี่เทียนฟู่หัวเราะเสียงเย็น นางต้องการเปิดศึกกับต้าโจวจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนหยุดยืนอยู่ตรงกับตำแหน่งของหลี่เทียนฟู่บนกำแพงสูง หญิงสาวก้มหน้ามองดูกองทัพช้างที่อยู่ด้านล่างด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นกล่าวเสียงเย็น “เทียนเฟิ่งนำช้างมาสามสิบตัวเพื่อทำศึกกับต้าโจวอย่างนั้นหรือ ช่างไม่ประมาณตนเลยจริงๆ…”
พลธนูได้รับคำสั่งจากไป๋ชิงเหยียนจึงเตรียมเล็งธนูไปยังกองทัพช้างอย่างพร้อมเพรียง
“ช้างสามสิบตัวและทหารซีเหลียงอีกหนึ่งหมื่นนายเพียงพอสำหรับโจมตีเมืองผิงหยางของพวกเจ้าแล้ว! หากไม่อยากตายก็ส่งตัวหลี่จือเจี๋ยคืนมา!” หลี่เทียนฟู่ตะโกนใส่ไป๋ชิงเหยียน
เทียนเฟิ่งนำช้างมาสามสิบตัวจริง ทว่า หลี่เทียนฟู่นำทหารซีเหลียงมาเพียงหกพันนายเท่านั้น มิเช่นนั้นเทียนเฟิ่งคงไม่ส่งกองทัพช้างติดตามนางมาด้วยเช่นนี้
แม่ทัพแห่งเทียนเฟิ่งหันไปมองหลี่เทียนฟู่ สตรีผู้นี้เสียสติไปแล้ว…นางจงใจประกาศศึกกับต้าโจวชัดๆ
หลี่เทียนฟู่ไม่สนใจสายตาตักเตือนของแม่ทัพเทียนเฟิ่ง นางหัวเราะเสียงเย็น “เทียนเฟิ่งกลัวต้าโจวถึงเพียงนี้เลยหรือ”
แม่ทัพเทียนเฟิ่งมองหลี่เทียนฟู่ด้วยสายตาเย็นชา คนเทียนเฟิ่งไม่เคยรู้จักคำว่ากลัวอยู่แล้ว!
ทว่า ไม่เพียงกองทัพช้างของพวกเขาแสดงศักยภาพได้ไม่เต็มที่ในช่วงฤดูหนาว จักรพรรดิเทียนเฟิ่งยังมีแผนอื่นอยู่ในใจแล้ว เขาจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเทียนเฟิ่งดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดหลอกใช้ประโยชน์จากกองทัพช้างจนทำลายแผนของจักรพรรดิของเขาแน่
แม่ทัพเทียนเฟิ่งจับขอบเสลี่ยงด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นขยับเข้าไปใกล้หลี่เทียนฟู่ “เทียนเฟิ่งของพวกเราคือแคว้นที่แข็งแกร่ง ไม่เคยรู้จักคำว่ากลัว ทว่า ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำลายแผนการของฝ่าบาทของข้าเด็ดขาด มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
“แผนการของฝ่าบาทของพวกเจ้าคือต้องการซื้อดินแดนเหล่านี้ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไป พวกเจ้าจึงจะแสดงศักยภาพที่แท้จริงของกองทัพช้างให้ต้าโจวได้เห็นไม่ใช่หรือ”
หลี่เทียนฟู่กล่าวอย่างไม่ปิดบังราวกับจงใจให้คนบนกำแพงได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ แม่ทัพเทียนเฟิ่งกำขอบเสลี่ยงแน่น มองไปทางหลี่เทียนฟู่ด้วยสายตาเย็นชายิ่งกว่าเดิม
ดวงตาคู่งามมีเสน่ห์ของหลี่เทียนฟู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางกล่าวกับแม่ทัพเทียนเฟิ่ง “เจ้าคิดว่าพวกเรานำกองทัพช้างบุกมาที่นี่ในวันนี้ทำให้ไป๋ชิงเหยียนหวาดกลัวได้หรือไม่ หากนางไม่กลัวเหตุใดจึงยืนหน้าเครียดอยู่บนกำแพงโดยไม่ทำสิ่งใดเช่นนี้ หากวันนี้เจ้ายึดเมืองผิงหยางได้ เจ้าจะมีความดีความชอบยิ่งใหญ่ในสายตาของฝ่าบาทของเจ้า”
“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวอยู่ที่นี่แล้ว!” หลี่เทียนฟู่ส่งสัญญาณให้แม่ทัพเทียนเฟิ่งมองไปบนกำแพงเมืองผิงหยาง “หากจับเป็นไป๋ชิงเหยียนได้ ต้าโจวจะไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพวกเราอย่างนั้นหรือ”
“หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวถูกจับตัวได้ หากเราจับนางเป็นตัวประกัน ต้าโจวต้องยอมแพ้อย่างแน่นอน ต้าเยี่ยนทำสัญญาพันธมิตรกับต้าโจวเพราะหวาดกลัวกองทัพช้างไม่ใช่หรือ หากซีเหลียงและเทียนเฟิ่งหยิบยื่นไมตรีให้ต้าเยี่ยนอีกครั้ง ต้าเยี่ยนอาจยอมร่วมมือกับพวกเราแบ่งดินแดนของต้าโจวออกเป็นส่วนๆ” เมื่อเห็นแม่ทัพเทียนเฟิ่งเริ่มลังเล รอยยิ้มของหลี่เทียนฟู่ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม “เจ้าจงคิดให้ดี หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว เทียนเฟิ่งของพวกเจ้าคงไม่มีโอกาสจับเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเช่นนี้อีก”
ขณะที่หลี่เทียนฟู่กำลังกล่าวโน้มน้าวแม่ทัพเทียนเฟิ่ง พลธนูของต้าโจวจัดแถวเตรียมพร้อมเรียบร้อย ทุกคนเล็งลูกธนูไฟไปยังกองทัพช้างอย่างแม่นยำ
หลี่เทียนฟู่จ้องไปที่แม่ทัพเทียนเฟิ่งนิ่ง เมื่อเห็นแม่ทัพผู้นั้นเริ่มคล้อยตามคำกล่าวของนางแล้ว ทว่า ไม่ยอมรับออกมา หญิงสาวจึงขยับกายนั่งหลังตรง จากนั้นหันไปสั่งทหารซีเหลียง “พากลุ่มคนที่จับได้เมื่อครู่ออกมา”
กลุ่มคนที่หลี่เทียนฟู่เอ่ยถึงคือ…องครักษ์ไป๋
องครักษ์ไป๋คุ้มกันไป๋จิ่นจื้อและเสิ่นชิงจู๋หนีไปด้วยชีวิต นอกจากพวกที่เสียชีวิตไปแล้ว คนที่เหลือล้วนถูกจับได้ทั้งหมด
ช้างเหล่านั้นตัวใหญ่มโหฬาร แค่พวกมันตวัดงวงมารัดตัวพวกเขาไว้ต่อให้พวกเขามีแรงมากเพียงใดก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้ แม้แต่องครักษ์ไป๋ที่เคยออกรบในสนามรบจริงยังถูกงวงของพวกมันรัดแน่นจนขยับตัวไม่ได้ บางคนถูกรัดแน่นจนกระอักเลือดออกมา
องครักษ์ไป๋ที่ได้รับบาดเจ็บหนักและถูกเชือกมัดทั้งร่างถูกทหารซีเหลียงโยนลงบนพื้น
องครักษ์ไป๋ล้วนเป็นบุรุษเข้มแข็ง บางคนเป็นลมหมดสติล้มไปบนกองเลือด ทว่า คนที่ทนไหวกลับฝืนหยัดกายตรง ไม่ยอมคุกเข่าแม้แต่น้อย
ดาบแหลมคมจ่ออยู่ที่คอขององครักษ์ไป๋เหล่านั้น ทว่า ไม่มีผู้ใดร้องขอชีวิตแม้แต่คนเดียว
ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว เมื่อเห็นร่างที่เต็มไปด้วยเลือด ดวงตาบวมช้ำ กระทั่งขาของบางคนถูกทรมานจนบิดเบี้ยวไม่รูปร่างของเหล่าองครักษ์ไป๋จึงเดือดดาลขึ้นทันที แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยไอสังหาร
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันกรอด หญิงสาวปลดถุงทรายที่พันอยู่ตามร่างกายออกนิ่งๆ ถุงทรายหนักอึ้งหล่นลงบนพื้น หญิงสาวมองตรงไปยังเบื้องหน้า ได้แต่หวังว่าอาอวี๋ เฉิงหย่วนจื้อและหวังชิวลู่จะพาทหารไปให้ถึงโดยเร็วที่สุด
เสิ่นคุนหยางรู้ถึงความหนักของถุงทรายเมื่อกระทบลงบนพื้น เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่อยากเชื่อ เขานึกไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่จะพันถุงทรายที่หนักเช่นนี้ไว้ตามตัวทั้งๆ ที่ตั้งครรภ์อยู่
นี่คือวิธีหักดิบที่ไป๋ชิงเหยียนใช้ตอนที่ต้องการกลับมายกธนูขึ้นได้อีกครั้งโดยเร็วที่สุดในตอนนั้น
องครักษ์ไป๋มองเห็นไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่บนกำแพงสูง พวกเขาอาศัยแสงจากโคมไฟที่แกว่งไปมาตามแรงลมมองเห็นหน้าคุณหนูใหญ่ได้อย่างริบหรี่
“ไป๋ชิงเหยียนตอนนี้ต้องมาดูกันแล้วว่าในสายตาของเจ้าคนทรยศซีเหลียงอย่างหลี่จือเจี๋ยหรือองครักษ์ไป๋ที่จงรักภักดีต่อเจ้ากันแน่ที่สำคัญกว่ากัน ทว่า สำหรับเจ้าแล้วการเก็บหลี่จือเจี๋ยไว้อาจมีประโยชน์กับเจ้ามากกว่า สุนัขรับใช้เหล่านี้จะฝึกใหม่อีกกี่คนก็ได้ ทว่า หากสูญเสียคนทรยศของซีเหลียงไป เจ้าคงเสียผลประโยชน์ใช่หรือไม่!”
ไป๋ชิงเหยียนขยับข้อมือของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นรับคันธนูมาจากมือของทหารคนหนึ่ง หญิงสาวลองง้างสายธนูเล็กน้อย…เบาเกินไป สู้ธนูเซ่อรื้อไม่ได้
หัวหน้าขององครักษ์ไป๋กระอักเลือดออกมา เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่รองแม่ทัพใหญ่ไป๋ฉีซานยิงธนูใส่นายท่านห้าของตระกูลไป๋ขึ้นมาได้ พวกเขากองทัพไป๋จะไม่ยอมเป็นตัวถ่วงของไป๋ชิงเหยียนเด็ดขาด
หัวหน้าองครักษ์ไป๋ตะโกนบอกไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่! ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราขอรับ ต่อให้พวกเราตายพวกเราก็จะไม่ยอมตกเป็นตัวประกันให้สุนัขชั่วช้าเหล่านี้นำมาข่มขู่คุณหนูใหญ่เด็ดขาด คุณหนูใหญ่…ชาติหน้าข้าจะเกิดเป็นคนของกองทัพไป๋อีกขอรับ!”
หัวหน้าองครักษ์ไป๋กล่าวจบจึงเอาคอเข้าไปใกล้ดาบที่จ่ออยู่ทันที…
“ฟิ้ว!…”
ลูกธนูแหลมคมลอยผ่านอากาศ เจาะทะลุลำคอของทหารซีเหลียงที่ใช้ดาบจ่อคอของหัวหน้าองครักษ์ไป๋อยู่ทันที ทหารซีเหลียงล้มลงบนพื้น
หัวหน้าองครักษ์ไป๋ที่พุ่งคอเข้าใส่ดาบไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นและแหลมคมบริเวณลำคอ ทว่า กลับมีเลือดสดสาดกระจายเปื้อนเต็มใบหน้าของเขาแทน