สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1087 ชดใช้
ตอนที่ 1087 ชดใช้
เสิ่นคุนหยางยกมือขึ้น ทหารสองคนรีบเข้าไปกุมตัวหลี่จือเจี๋ยทันที
แม้รู้ว่าตัวเองอาจไม่มีโอกาสรอด แต่หลี่จือเจี๋ยกลับไม่ได้กลัวตาย ทว่า หากเขาทำให้ต้าโจวและเทียนเฟิ่งทำสงครามกันไม่ได้เขาคงทำผิดต่อซีเหลียงมาก!
ดวงตาของหลี่จือเจี๋ยแดงฉาน เขาอยากสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของทหารต้าโจว จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ฝ่าบาททรงหวาดกลัวเทียนเฟิ่งถึงเพียงนี้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไป๋ชิงเหยียน ขอเพียงเจ้ามอบตัวหลี่จือเจี๋ยคืนมาให้ข้าแต่โดยดี ข้าจะคืนองครักษ์ไป๋ไร้น้ำยาเหล่านี้ให้แก่เจ้า!” หลี่เทียนฟู่กล่าวเสียงเย็น “มิเช่นนั้นกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งจะบุกโจมตีเมืองผิงหยางของเจ้า!”
“หลี่จือเจี๋ย คำยั่วยุของท่านสู้หลี่เทียนฟู่ไม่ได้สักนิด” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็น
แม่ทัพเทียนเฟิ่งได้ยินหลี่เทียนฟู่ลากกองทัพช้างเข้าไปเกี่ยวข้องจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เขาเม้มปากแน่น เขารู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่อยากปล่อยให้หลี่เทียนฟู่ใช้กองทัพช้างข่มขู่ไป๋ชิงเหยียนอีกต่อไปจึงตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาท เทียนเฟิ่งไม่ได้อยากทำสงครามกับต้าโจว ขอเพียงต้าโจวยอมมอบคนทรยศของซีเหลียงออกมา เทียนเฟิ่งของพวกเราจะไม่สร้างปัญหาให้ต้าโจวแน่นอน ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวลพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินสำเนียงแปล่งๆ ที่กล่าวภาษากลางของแม่ทัพเทียนเฟิ่ง หลิ่วหรู่ซื่อขบกรามแน่น เขารับรู้ถึงความทะเยอทะยานของแคว้นเทียนเฟิ่งชัดขึ้นทุกที หลิ่วหรูซื่อแปลกใจตั้งแต่ตอนได้ยินจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งกล่าวภาษากลางได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจนตอนเจรจากันที่กระโจมใหญ่แล้ว เขาสืบรู้มาก่อนหน้านี้ว่าเทียนเฟิ่งใช้คนละภาษากับพวกเขา
ทว่า ตอนนี้แม้แต่แม่ทัพของเทียนเฟิ่งยังกล่าวภาษากลางได้ แม้จะไม่ได้ออกเสียงชัดเจนมากนัก ทว่า เห็นได้ชัดว่าเทียนเฟิ่งอยากครอบครองแผ่นดินตรงนี้มากเพียงใด มิเช่นนั้นเหตุใดแม้แต่แม่ทัพของแคว้นยังกล่าวภาษากลางได้เช่นนี้
ไม่นานเสิ่นคุนหยางคุมตัวหลี่จือเจี๋ยเดินลงมาจากกำแพง
ประตูเมืองผิงหยางค่อยๆ เปิดออก แววตาของหลี่เทียนฟู่ขรึมลงอย่างไม่พอใจ นางไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้เพียงเพื่อจับตัวหลี่จือเจี๋ยเท่านั้น จุดประสงค์หลักคือนางต้องการให้ต้าโจวทำศึกกับเทียนเฟิ่ง
เสิ่นคุนหยางกล่าวกับทหารด้านหลัง “ไปพาคนของเรากลับมา”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อเห็นทหารต้าโจวเดินไปประคององครักษ์ไป๋กลับมา เสิ่นคุนหยางจึงผลักหลี่จือเจี๋ยไปด้านหน้า ให้เขาเดินไปยังกองทัพซีเหลียงและเทียนเฟิ่ง
ทหารซีเหลียงจับหลี่จือเจี๋ยมัดและคุมตัวจากไป
หลี่เทียนฟู่อยากกล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า แม่ทัพเทียนเฟิ่งกล่าวขึ้นเสียก่อน “วันนี้ไม่ใช่วันที่เหมาะจะทำสงคราม ข้าได้รับสัญญาณเตือนจากเทพเจ้า จักรพรรรดินีแห่งซีเหลียงได้โปรดอยู่อย่างสงบด้วย…”
“ต้าโจวไม่กล้าทำสงครามกับเทียนเฟิ่งแสดงว่าต้าโจวหวาดกลัวเทียนเฟิ่งไม่ใช่หรืออย่างไร! แค่ช้างสามสิบตัวก็หวาดกลัวถึงเพียงนี้แล้ว เทียนเฟิ่งยังลังเลอันใดอยู่อีก!”
หลี่เทียนฟู่มองไปทางแม่ทัพซีเหลียงแวบหนึ่ง จากนั้นเอนกายพิงเสลี่ยง ใช้ผ้าห่มคลุมท่อนขาของตัวเอง
หลี่เทียนฟู่แสร้งทำเป็นกล่าวเย้นหยันไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “นึกไม่ถึงเลยว่าคนตระกูลไป๋ที่เคยหยิ่งในศักดิ์ศรีมาโดยตลอด รองแม่ทัพใหญ่ไป๋ฉีซานเคยยิงธนูปลิดชีพท่านชายห้าเพื่อรักษากำลังใจของทหารในกองทัพ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของต้าจิ้น ทว่า ศักดิ์ศรีของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวกลับสำคัญน้อยกว่าชีวิตขององครักษ์ไป๋เพียงไม่กี่คนเช่นนี้ ตระกูลไป๋ไม่มีทายาทที่สืบทอดความหยิ่งทะนงเช่นนั้นแล้วสินะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองตรงไปทางหลี่เทียนฟู่ จากนั้นกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว สำหรับข้า สำหรับคนต้าโจว ศักดิ์ศรีไม่มีทางสำคัญไปกว่าทหารกล้าที่สละชีพเพื่อบ้านเมืองของต้าโจว!”
เมื่อเหล่าทหารต้าโจวได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงพากันกำคันธนูและหน้าไม้ในมือแน่น พวกเขารู้สึกเลือดในกายพลุ่งพล่านแม้จะอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ พวกเขารู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างกาย
องครักษ์ไป๋ที่ถูกทหารประคองหรือแบกตามหลังเสิ่นคุนหยางกลับเข้าไปในเมืองผิงหยางน้ำตาอาบหน้า กองทัพไป๋ไม่เคยทอดทิ้งสหายร่วมรบของตัวเองแม้แต่คนเดียว!
รอยยิ้มของหลี่เทียนฟู่ค้างอยู่บนใบหน้า นางนึกไม่ถึงเลยว่าถ้อยคำเย้ยหยันไป๋ชิงเหยียนของนางจะทำให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวปลุกใจทหารให้ฮึกเหิมขึ้นเพียงนี้
แม่ทัพใหญ่ที่ได้รับคำสั่งให้ติดตามหลี่เทียนฟู่มาในครั้งนี้รู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นทุกที เขากล่าวขึ้น “ในเมื่อจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมอบตัวคนทรยศคืนให้พวกเราแล้ว เช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน!”
ประตูเมืองผิงหยางถูกปิดสนิทแล้ว
“ช้าก่อน!” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยขึ้นช้าๆ ทว่า กลับเยือกเย็นยิ่งกว่าอากาศที่หนาวเหน็บในตอนนี้ “เขตแดนของต้าโจวเป็นที่ที่พวกเจ้าอยากมาเมื่อใด อยากกลับไปเมื่อใดก็ได้อย่างนั้นหรือ”
หลี่เทียนฟู่ได้ยินประโยคนี้จึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที “จักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะเปิดสงครามกับเทียนเฟิ่งอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่กลัวว่ากองทัพช้างของเทียนเฟิ่งจะเหยียบทหารและชาวบ้านของพวกเจ้าจนเละคาเท้าอย่างนั้นหรือ!”
ทหารเทียนเฟิ่งและซีเหลียงหวาดระแวงขึ้นมาทันที
“การที่เทียนเฟิ่งและซีเหลียงมาจับตัวคนทรยศของซีเหลียงกลับไปคือเรื่องการเมืองภายในซีเหลียง ต้าโจวไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย…” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปทางทูตของเทียนเฟิ่ง จากนั้นหยิบลูกธนูออกมาจากกระบอกไม้ไผ่สองดอก “ทว่า เทียนเฟิ่งและซีเหลียงกลับไล่จับน้องสาวคนที่สี่ของข้า ไล่สังหารองครักษ์ไป๋ ระหว่างที่พวกเขาเดินทางกลับมายังเมืองผิงหยาง พวกเจ้าทรมานพวกเขาจนเสียชีวิตไปหลายคน ความแค้นระหว่างเทียนเฟิ่งคือความแค้นใหม่ ทว่า กับซีเหลียงคือแค้นครั้งเก่า แค้นนี้ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้! ในเมื่อวันนี้พวกเจ้ามาที่นี่แล้ว…พวกเจ้าต้องชดใช้แค้นครั้งนี้ด้วยชีวิตของพวกเจ้า!”
กล่าวจบสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลงทันที หญิงสาวง้างสายธนูเต็มเหนี่ยว “ยิงได้!”
สิ้นคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน ลูกธนูสองดอกพุ่งทะยานไปกลางอากาศ ตรงไปยังดวงตาดำขลับของช้างศึกอย่างแม่นยำและรวดเร็ว…
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม่ทัพเทียนเฟิ่งได้ยินเพียงเสียงดังของบางสิ่งบางอย่าง ยังไม่ทันได้สติว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ช้างศึกที่เขาและหลี่เทียนฟู่นั่งอยู่ส่งเสียงร้องแหลมออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง มันสะบัดงวงไปมา ลำตัวเซถลาไปชนด้านข้าง
แม่ทัพเทียนเฟิ่งและหลี่จือเจี๋ยที่นั่งอยู่บนหลังช้างเกือบพลัดตกลงมาด้านล่าง
“ถอย รีบถอย!” แม่ทัพเทียนเฟิ่งตะโกนเสียงดัง พลทหารโล่รีบชูโล่เหล็กขึ้นบังลูกธนูพลางถอยหลังไปยังด้านหลังอย่างรวดเร็ว
กองทัพช้างเกิดความอลหม่านขึ้นทันทีที่ลูกธนูไฟยิงออกมา ช้างสามสิบตัววิ่งชนกันเอง เสียงร้องแหลมดังขึ้นไม่หยุด พวกมันเหยียบทหารเทียนเฟิ่งที่เข้าใกล้ร่างของพวกมันโดยไม่สนว่าคือมิตรหรือศัตรู พลทหารโล่ถูกเหยียบตายไปจำนวนไม่น้อย
หลี่เทียนฟู่จับเสลี่ยงช้างแน่น สีหน้าของนางซีดเผือด ยังไม่ทันส่งเสียงกรีดร้องออกมาก็เห็นลูกธนูไฟอีกหลายดอกพุ่งจากกำแพงเมืองผิงหยางตรงมายังกองทัพเทียนเฟิ่งและซีเหลียง
นางนึกไม่ถึงว่าต้าโจวจะกล้าเปิดศึกกับเทียนเฟิ่งจริงๆ นางจับขอบเสลี่ยงแน่นพลางตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยเร็วเข้า! ถอย!”
ทว่า บัดนี้ช้างศึกไม่ฟังคำสั่งของควานช้างอีกต่อไป พวกมันวิ่งชนกันไปมาจนวุ่นวายไปหมด เมื่อเห็นลูกธนูไฟที่ลอยตกลงบนพื้นไม่หยุดหย่อน พวกมันชูงวงขึ้นสูงพลางถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ
ช้างสองตัวที่ถูกไป๋ชิงเหยียนยิงธนูใส่จนตาบอดข้างหนึ่งหลับตาแน่น เห็นเพียงปลายดอกธนูเปื้อนเลือดเท่านั้น ช้างศึกตวัดงวงหวังจะดึงลูกธนูที่ปักอยู่ในดวงตาของตัวเองออก