สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1135 ดูถูกตัวเอง
ตอนที่ 1135 ดูถูกตัวเอง
เสิ่นคุนหยางเตรียมให้คนนำอั่งเปาไปมอบให้ไป๋ชิงอวี๋ ทว่า ไป๋ชิงอวี๋รีบลุกขึ้นทำความเคารพเสิ่นคุนหยางและยื่นสองมือไปรับอั่งเปามาเองอย่างนอบน้อม “ขอบคุณลุงเสิ่นมากขอรับ”
เสิ่นคุนหยางพยักหน้ายิ้มๆ เขายังไม่ทันกล่าวสิ่งใดต่อ ไป๋จิ่นจื้อก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพเสิ่นคุนหยางพลางกล่าวขึ้นยิ้มๆ เสียก่อน “สุขสันต์วันปีใหม่เจ้าค่ะลุงเสิ่น ขอให้ลุงเสิ่นสุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนเป็นร้อยปีเจ้าค่ะ!”
ทุกคนหัวเราะกับท่าทีทะเล้นของไป๋จิ่นจื้อ เสิ่นคุนหยางรีบยื่นอั่งเปาให้นาง “สุขสันต์วันปีใหม่ขอรับคุณหนูสี่ ขอให้ปีนี้คุณหนูสี่มีแต่ความราบรื่นและสงบสุข แน่นอนว่าหากพบบุรุษที่ถูกใจและปกป้องคุณหนูสี่ได้จะยิ่งดีขึ้นไปใหญ่ขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อรับอั่งเปามา จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ข้าไม่จำเป็นต้องให้บุรุษมาปกป้องเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งแล้ว หากลุงเสิ่นไม่เชื่อเรามาลองประลองฝีมือกันก็ได้นะเจ้าคะ”
“ยิ่งกล่าวยิ่งเลอะเทอะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ็ดไป๋จิ่นจื้อเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
“เซียวรั่วไห่ นี่คืออั่งเปาที่ลุงเสิ่นมอบให้เจ้า อั่งเปาของข้าไม่ได้หนาเท่าของท่านหมอหง เจ้าอย่ารังเกียจไปล่ะ” เสิ่นคุนหยางมองไปทางเซียวรั่วไห่ยิ้มๆ เขารู้สึกดีใจมากที่เซียวรั่วไห่ยอมตามไป๋ชิงเหยียนกลับมาในสนามรบอีกครั้ง
เซียวรั่วไห่รีบลุกขึ้นรับอั่งเปามาจากเสิ่นคุนหยางพลางกล่าวอวยพรให้เขา
“หากท่านรองแม่ทัพใหญ่เห็นว่าเจ้าเติบใหญ่กลายคนมีความสามารถและโดดเด่นเพียงนี้ต้องภูมิใจในตัวเจ้ามากแน่นอน!” เสิ่นคุนหยางชื่นชมในตัวเซียวรั่วไห่มาก เขามองไปทางเสิ่นชิงจู๋แวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับเซียวรั่วไห่ต่อ “เมื่อก่อนท่านรองแม่ทัพใหญ่อยากเห็นเจ้าแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝามาโดยตลอด เจ้าต้องรีบแต่งงานโดยเร็วนะ”
เซียวรั่วไห่ก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางเหลือบมองไปทางเสิ่นชิงจู๋ที่กำลังทานเกี๊ยวอยู่ เขารับคำอย่างอ้ำอึ้ง จากนั้นนั่งลงตามเดิม
เสิ่นคุนหยางมองไปทางเสิ่นชิงจู๋ซึ่งนั่งอยู่ข้างกายตนยิ้มๆ “ชิงจู๋ นี่คืออั่งเปาที่พ่อมอบให้เจ้า พ่ออยากเห็นเจ้าแต่งงานออกเรือนโดยเร็วเช่นกัน”
เสิ่นชิงจู๋รับอั่งเปามาด้วยมือทั้งสองข้าง นางไม่อยากทำให้บิดาบุญธรรมของตัวเองเสียใจในวันดีๆ เช่นนี้โดยการบอกว่านางไม่อยากแต่งงาน อยากอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่เท่านั้น เสิ่นชิงจู๋จึงกล่าวเพียง “เมื่อคุณหนูใหญ่รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งสำเร็จ ชิงจู๋จะพิจารณาเรื่องแต่งงานเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวไป๋ไซว่ ท่านรับอั่งเปาของท่านหมอหงและแม่ทัพเสิ่นไปแล้ว เสี่ยวไป๋ไซว่ต้องรับอั่งเปาของข้าเฉิงหย่วนจื้อด้วยนะขอรับ!” เฉิงหย่วนจื้อหยิบอั่งเปาที่เตรียมไว้ให้เด็กๆ ออกมาเช่นเดียวกัน
“พวกท่านเตรียมอั่งเปาไว้แล้วเหตุใดจึงไม่บอกให้ข้ารู้บ้าง” หยางอู่เช่อแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
“ข้าไม่ได้เตรียมไว้สักนิด”
“พวกข้าถือว่าตัวเองแก่มากแล้วจึงทำเช่นนี้ได้ เด็กหนุ่มอย่างเจ้าจะมาร่วมด้วยได้อย่างไร” เสิ่นคุนหยางกล่าวกับหยางอู่เช่อยิ้มๆ
หลู่หยวนเผิงเห็นหมอหง เสิ่นคุนหยางและเฉิงหย่วนจื้อมอบอั่งเปาให้พี่สาวไป๋ คุณชายห้า ไป๋จิ่นจื้อ…แม้แต่เสิ่นชิงจู๋ยังได้ เขารู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันทีจึงยุให้ซือหม่าผิงไปขออั่งเปาจากคนเหล่านั้นกับเขา
“หลู่หยวนเผิงเจ้าไม่อายบ้างหรืออย่างไร ท่านหมอหงรู้จักเจ้าอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าผิงถลึงตาใส่หลู่หยวนเผิง “หากท่านปู่ของเจ้ารู้ว่าเจ้ากล้าแม้แต่ขออั่งเปาจากคนที่ไม่รู้จักอย่างท่านหมอหง ปู่ของเจ้าคงโบยทำโทษเจ้าอีกแน่!”
“ข้าไม่รู้จักท่านหมอหง ทว่า ข้ารู้จักแม่ทัพเสิ่นนี่นา! พวกเราไปขอจากแม่ทัพเสิ่นกัน” หลู่หยวนเผิงไม่ได้อยากได้อั่งเปาเหล่านั้น เขาแค่คิดถึงท่านปู่ บรรดาพี่ชายและพี่สาวของตัวเองเท่านั้น
ปีที่แล้วเขาฉลองปีใหม่ที่หนานเจียง เขาไม่ได้เห็นบรรยากาศการแจกอั่งเปาที่ครึกครื้นเช่นนี้ ทำเพียงฉลองปีใหม่กับทหารในกองทัพพอเป็นพิธีเท่านั้นจึงไม่ได้คิดถึงบ้านมากเช่นนี้
วันนี้เห็นพวกพี่สาวไป๋ได้รับอั่งเปาจากญาติผู้ใหญ่เขาจึงอดคิดถึงครอบครัวของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ หากตอนนี้เขาอยู่ในจวนหลู่ที่เมืองหลวง ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุง ท่านป้าและบรรดาพี่ๆ ของเขาต้องมอบอั่งเปาให้เขาแน่นอน! ผู้ใดให้เขาเป็นน้องเล็กสุดของบ้านกัน!
“หลู่หยวนเผิง ซือหม่าผิง…” เสิ่นคุนหยางเอ่ยเรียก
หลู่หยวนเผิงที่เพิ่งยัดเกี๊ยวร้อนเข้าไปในปากถูกซือหม่าผิงกระชากให้ลุกขึ้น หลู่หยวนเผิงรีบกลืนเกี๊ยวร้อนลงไปในท้องจนแทบสำลักออกมา
“ข้าอยู่นี่ขอรับ” ซือหม่าผิงก้าวไปด้านหน้าแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
หลู่หยวนเผิงทำตามเช่นเดียวกัน
“มานี่…” เสิ่นคุนหยางกวักมือเรียกคนทั้งสอง
ชายหนุ่มทั้งสองรีบเดินไปด้านหน้า เมื่อทำความเคารพเสร็จหลู่หยวนผิงจึงยกมือเกาศีรษะของตัวเองพลางกล่าวขึ้น “แม่ทัพเสิ่นเลิกเรียกข้าว่าหลู่ซานเถิดขอรับ ข้าหงุดหงิดแทบบ้าอยู่แล้ว ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดรู้ฐานะที่แท้จริงของข้าเสียอีก ทว่า ที่แท้ทุกคนในกองทัพต่างรู้ว่าข้าคือหลู่หยวนเผิงมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้ ข้าคิดว่าคนอื่นนับถือที่ข้ารบเก่ง ที่ไหนได้ทุกคนแค่แสดงละครเล่นไปกับข้าเท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนขำกับท่าทีของหลู่หยวนเผิง “นั่นคือเรื่องภายหลังแล้ว เจ้าทนลำบากในกองทัพได้จริงๆ แม่ทัพเสิ่นและแม่ทัพเฉิงเห็นความอดทนของเจ้า พวกเขาต่างเอ่ยชมเจ้าทั้งนั้น”
“นี่คืออั่งเปาของพวกเจ้าสองคน วันหน้าจงกำจัดศัตรูที่มารุกรานพวกเราให้มากกว่าเดิม!” เสิ่นคุนหยางโยนอั่งเปาให้หลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิง เมื่อเห็นทั้งสองคนรับได้จึงกล่าวต่อ “กองทัพไม่ใช่ที่ที่จะคล้อยตามอำนาจเหมือนในเมืองหลวงที่พวกเจ้าเคยเห็น หากพวกเจ้าไม่มีความสามารถจริง พวกนั้นไม่มีทางยอมรับพวกเจ้า พวกนั้นยอมรับเพราะความสามารถของพวกเจ้า อย่าดูถูกตัวเองเช่นนี้อีก!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ
หลู่หยวนเผิงเห็นดั่งนั้นจึงคลี่ยิ้มออกมาทันที “ข้าเชื่อแม่ทัพเสิ่นขอรับ”
“วันนี้พวกเจ้าไม่ได้อยู่ฉลองคืนวันสิ้นปีกับคนในครอบครัว ทว่า สหายที่ร่วมรบเสี่ยงตายมากับพวกเจ้าล้วนคือครอบครัวของพวกเจ้าเช่นเดียวกัน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางยื่นอั่งเปาให้คนทั้งสอง “พวกเจ้าสองคนเด็กกว่าข้า อีกทั้งเคยเรียกข้าว่าพี่สาวไป๋ อาอวี๋กับเสี่ยวซื่อต่างได้รับอั่งเปาจากข้า พวกเจ้าก็ควรได้รับเช่นเดียวกัน…”
ซือหม่าผิงเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน เขาเห็นใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน แสงไฟจากเปลวเทียนส่องกระทบใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียนจนดูอ่อนละมุนและอ่อนโยนกว่าปกติ ซือหม่าผิงไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการซื้อใจตระกูลหม่าและตระกูลหลู่ผ่านพวกเขาทั้งสองคนหรือเห็นพวกเขาสองคนเป็นดั่งน้องชายจริงๆ กันแน่
หลู่หยวนเผิงเห็นซือหม่าผิงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างเหม่อลอยจึงกดศีรษะของซือหม่าผิงให้คำนับขอบคุณพี่สาวไป๋
“ไปทานเกี๊ยวต่อเถิด” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางซือหม่าผิงแวบหนึ่ง เด็กคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ทว่า เป็นคนขี้ระแวงและคิดมากไปสักนิด การมีสหายที่ไม่คิดสิ่งใดเลยอย่างหลู่หยวนเผิงอยู่คงช่วยเติมช่องว่างให้กันและกันได้
จู่ๆ ทหารคนหนึ่งเริ่มร้องเพลงประจำกองทัพไป๋ขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้น
“สวมเกราะไว้บนร่าง สู้รบกับศัตรูร่วมกับลูกชาย”
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวี๋เงยหน้ามองไปทางทหารที่เริ่มร้องเพลงนี้ขึ้นมา
ทหารคนอื่นๆ เริ่มเปล่งเสียงร้องขึ้นตาม…
“กำดาบยาวสังหารศัตรูแน่น ร่วมเป็นร่วมตายกับสหาย”
เมื่อเสิ่นคุนหยางและเฉิงหย่วนจื้อได้ยินบทเพลงประจำกองทัพไป๋สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที จากนั้นต่างวางตะเกียบลงแล้วร้องตาม “ปกป้องแผ่นดิน ปกป้องชาวบ้าน ทหารกล้าผู้ไม่เคยหวาดหวั่น”