สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1137 ข้อห้าม
ตอนที่ 1137 ข้อห้าม
เสิ่นชิงจู๋ในชุดนักรบยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวมองไปทางศิษย์ของจอมเวทย์แห่งแคว้นเทียนเฟิ่งด้วยสายตาเย็นชา
หยางอู่เช่อยืนอยู่ด้านข้างเช่นเดียวกัน เขาสั่งให้ผู้คุมคุกย้ายเตาผิงไปวางไว้ใกล้ๆ ไป๋ชิงเหยียน
ทหารที่เป็นคนสอบสวนศิษย์ของจอมเวทย์ก่อนหน้านี้คือทหารของหยางอู่เช่อ เขาคืออดีตทหารของกองทัพจ้าว เคยเรียนรู้วิธีการทรมานคนจากกองทัพจ้าวมาบ้าง แม้วิธีการทรมานคนของเขาจะไม่โหดร้ายรุนแรงเท่ากองทัพจ้าว ทว่า วิธีของเขาทำให้คนทรมานยิ่งกว่าของกองทัพจ้าว ผู้ใดที่ถูกพวกเขาทรมานล้วนรับสารภาพออกมาทุกราย
เมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้ไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นจื้อเป็นห่วงจึงปล่อยให้ทั้งสองคนเดินไปส่งนางที่ห้องนอน เมื่อสองคนนั้นจากไปแล้วหญิงสาวจึงเดินทางมายังคุกพร้อมกับเสิ่นชิงจู๋
“นำเก้าอี้มาให้ศิษย์ของจอมเวทย์แห่งเทียนเฟิ่งสักตัว” ไป๋ชิงเหยียนลูบเตาอุ่นมือในมือของตัวเองเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ไม่นานศิษย์ของจอมเวทย์จึงถูกลากขึ้นนั่งบนเก้าอี้ เขาฝืนใช้มือจับขอบเก้าอี้ไว้แน่นจึงไม่พลัดตกจากเก้าอี้ ทว่า เมื่อออกแรงเพียงเล็กน้อยมือเขาก็รู้สึกเจ็บมือที่ไร้ซึ่งนิ้วมือแล้วราวกับจะขาดใจ
“คารวะจักรพรรดินีแห่งต้าโจวพ่ะย่ะค่ะ…” ศิษย์ของจอมเวทย์ก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อย
“วันนี้คือคืนวันสิ้นปี ไม่รู้ว่าเทียนเฟิ่งมีธรรมเนียมฉลองวันสิ้นปีหรือไม่ ทว่า ต้าโจวของพวกเรามีธรรมเนียมทานเกี๊ยวเพื่อฉลองวันสิ้นปี” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเว่ยจง
เว่ยจงหยิบกล่องอาหารสีดำซึ่งวางอยู่บนถาดอาหารในมือของขันทีเล็กออกมา จากนั้นวางลงตรงหน้าศิษย์ของจอมเวทย์ ไอร้อนของเกี๊ยวลอยขึ้นกลางอากาศ
ลำคอของศิษย์ของจอมเวทย์ที่ไม่ได้ทานอาหารมานานร้อนผ่าวขึ้นทันที ทว่า เมื่อคิดได้ว่าคนต้าโจวเหล่านี้นำเนื้อช้างไปห่อเกี๊ยวศิษย์ของจอมเวทย์จึงทานไม่ลงทันที…
ช้างยักษ์คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเทียนเฟิ่ง คือสัญลักษณ์ประจำแคว้นเทียนเฟิ่ง!
“ขอบพระคุณในความเมตตาของฝ่าบาท ทว่า ช้างคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประจำแคว้นเทียนเฟิ่ง การรับประทานเนื้อช้างคือโทษผิดมหันต์ในแคว้นเทียนเฟิ่งพ่ะย่ะค่ะ” ศิษย์ของจอมเวทย์เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “หวังว่าฝ่าบาจะไม่ถือสาพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าช้างยักษ์คือสัญลักษณ์ประจำแคว้นของพวกเจ้า ทว่า ช้างคือสัตว์ที่ร่วมเป็นร่วมตายกับพวกเจ้าในสนามรบ ข้ารู้ดีว่าพวกมันเปรียบเสมือนสหายรู้ใจของพวกเจ้าดังนั้นข้าจึงให้คนห่อเกี๊ยวผักมาให้เจ้า หากเจ้าขยับมือไม่ได้ข้าจะให้คนมาป้อนเจ้า”
ผู้คุมคุกเป็นคนรู้งาน เขารีบใช้ตะเกียบแบ่งเกี๊ยวออกเป็นสองส่วนเพื่อให้ศิษย์ของจอมเวทย์เห็นไส้ที่อยู่ด้านในตัวเกี๊ยวอย่างชัดเจน จากนั้นจึงคีบเกี๊ยวครึ่งหนึ่งใส่ปากของศิษย์ของจอมเวทย์
“ความจริงข้ารู้เรื่องหยกจักจั่นนานแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนเห็นศิษย์ของจอมเวทย์ยอมกินเกี๊ยวจึงกล่าวต่ออย่างไม่รีบร้อน “หลี่จือเจี๋ยเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดหมดแล้ว นี่คือเหตุผลที่เทียนเฟิ่งต้องการจับตัวหลี่จือเจี๋ยให้ได้ ตอนนี้หยกจักจั่นชิ้นหนึ่งอยู่ในต้าโจวแล้ว หากข้าแย่งหยกจักจั่นอีกชิ้นมากจากซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นได้บางทีข้าอาจลองย้อนเวลากลับไปได้”
ศิษย์ของจอมเวทย์ชะงักฟันที่กำลังเคี้ยวเกี๊ยวอยู่ทันที เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “หยกจักจั่นคือของประจำราชวงศ์เทียนเฟิ่ง ไม่มีผู้ใดสามารถใช้พลังนี้ได้นอกจากคนในราชวงศ์เท่านั้น…” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“เจ้ากำลังโกหก” ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาน้อยๆ จากนั้นมองไปทางศิษย์ของจอมเวทย์นิ่ง “ไม่มีผู้ใดสามารถโกหกข้าได้ วันนี้ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเจ้า เจ้าบอกว่าซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่กล้าบุกแย่งชิงดินแดนแห่งนี้ซึ่งๆ หน้าเพราะเทพเจ้าเลือกเจ้าของดินแดนแห่งนี้ไว้แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดคือเจ้าของตัวจริงของดินแดนแห่งนี้”
ศิษย์ของจอมเวทย์มองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างตื่นตระหนก “หากไม่ใช่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวก็ต้องเป็นอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนหรือไม่ก็เด็กในท้องของฝ่าบาทกับอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน บางทีอาจเป็นลูกของพวกท่านสองคนในวันข้างหน้า…”
ศิษย์ของจอมเวทย์คิดว่าต้องเป็นลูกของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนแน่ เขาบอกเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียนเพราะหวังให้หญิงสาวมีลูกกับอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจริงๆ ขอเพียงเจ้าของตัวจริงของดินแดนแห่งนี้ปรากฏตัวขึ้น เทียนเฟิ่งของพวกเขาก็สามารถสังหารเจ้าของตัวจริงและเข้าแทนที่เขาได้
“ดังนั้นที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นรู้เรื่องนี้ ทว่า ไม่กล้าสังหารข้าและอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพร้อมกันเป็นเพราะเขาคิดว่ากองทัพช้างจะเสียเปรียบเมื่อทำสงครามในฤดูหนาวจนล่วงเกินทั้งต้าเยี่ยนและต้าโจว ผลสุดท้ายจะได้ไม่คุ้มเสียอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถาม
ดวงตาของศิษย์ของจอมเวทย์ไหววูบเล็กน้อย ที่พวกเขาไม่สังหารจักรพรรดินีแห่งต้าโจวหรืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเป็นเพราะเจ้าของดินแดนที่แท้จริงยังไม่ปรากฏตัว การสังหารจักรพรรดินีแห่งต้าโจวหรืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนไม่ถือเป็นการสังหารเจ้าของดินแดนตัวจริงผู้นั้น
“พ่ะย่ะค่ะ…” ศิษย์ของจอมเวทย์ตอบ
“ข้าบอกแล้วว่าไม่มีผู้ใดสามารถโกหกข้าได้” ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย “ทว่า ถึงแม้วันนี้เจ้าจะไม่กล่าวความจริงข้าก็จะปล่อยเจ้าไปอยู่ดี”
ศิษย์ของจอมเวทย์เงยหน้าขึ้นทันที
“เจ้ากลับไปบอกซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นว่าหากเขายอมยกทัพกลับไปยังดินแดนที่อยู่หลังภูเขาหิมะลูกนั้นแต่โดยดีข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป!” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนราบเรียบ ทว่า ไอสังหารที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “ทว่า หากเขายังโลภมาก คิดอยากครอบครองดินแดนแห่งนี้ อยากจับชาวบ้านของข้าไปเป็นทาสอีก ซากของกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งจะกลายเป็นเสบียงอาหารของกองทัพต้าโจวของพวกเราทันที พวกเราไม่มีข้อห้ามในการห้ามทานสัตว์ใหญ่อย่างช้างเหมือนแคว้นเทียนเฟิ่งของพวกเจ้า!”
ลำคอของศิษย์ของจอมเวทย์ร้อนผ่าว เขาได้แต่เงียบไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพลางจัดแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย “เมื่อทานเกี๊ยวเสร็จต้าโจวคงไม่เก็บเจ้าไว้อีกต่อไป เจ้ารีบนำคำของข้าไปบอกให้จักรพรรดิของแคว้นเจ้ารับรู้โดยเร็วที่สุด”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงจากไปพร้อมกับเสิ่นชิงจู๋และเว่ยจง
ทุกคนเดินออกมาจากคุกใหญ่ เสิ่นชิงจู๋กำลังประคองไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนรถม้าก็ได้ยินเสียงหญิงสาวกล่าวกับเว่ยจง “ให้คนมีฝีมือลอบติดตามศิษย์ของจอมเวทย์แห่งแคว้นเทียนเฟิ่งไปด้วย เขาต้องมีวิธีหาซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นพบแน่นอน”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำ
ไป๋ชิงเหยียนจึงจับมือเสิ่นชิงจู๋โน้มกายเข้าไปในรถม้า
ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนเข้าครัวทำอาหารสำหรับฉลองคืนวันสิ้นปีด้วยตัวเอง นางรอให้มู่หรงลี่และมู่หรงเหยี่ยนมาทานอาหารร่วมกันก็ได้ยินว่าทั้งสองออกไปสำรวจความเรียบร้อยของค่ายทหาร นางจึงได้แต่นั่งรอยู่ท่ามกลางแสงไฟภายในห้องอย่างสงบ
นางมองดูโคมไฟสีแดงที่แกว่งไปมาอยู่นอกหน้าต่าง นางหวนนึกถึงคำที่บุตรชายว่ากล่าวนาง ว่านางกล่าววาจาทำร้ายจิตใจมู่หรงเหยี่ยนจึงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที หากมู่หรงเหยี่ยนอยากขึ้นครองบัลลังก์เขาคงทำไปตั้งแต่ตอนที่เขามีราชโองการของจักรพรรดิองค์ก่อนของต้าเยี่ยนอยู่ในมืออย่างชอบธรรมแล้ว
ไทเฮาอยากถือโอกาสนี้ขอโทษน้องสามีของตัวเอง จากนั้นเอ่ยเรื่องการแต่งงานระหว่างมู่หรงเหยี่ยนและเมิ่งเจาหรงอีกครั้ง เมื่อมู่หรงเหยี่ยนแต่งงานกับเมิ่งเจาหรงใจของเขาก็จะอยู่ที่ต้าเยี่ยน นางจะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่ามู่หรงเหยี่ยนจะเอาแต่คิดถึงลูกของเขาที่อยู่ในท้องจักรพรรดินีไป๋ชิงเหยียนแห่งต้าโจว
เมื่อเห็นว่าอาหารเริ่มเย็นชืดหมดแล้ว ทว่า สองอาหลานยังไม่กลับมาเสียทีไทเฮาจึงขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นพลางมองออกไปด้านนอกอย่างกังวล
นางกำนัลข้างกายของไทเฮาเผาถ่านสำหรับเตาอุ่นมือจนลุกโชน นางนำไปใส่ไว้ในเตาใต้เท้าของไทเฮา จากนั้นหันไปเติมถ่านใส่เตาทองแดงทรงสัตว์มงคลสามขาที่วางอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องแล้วปิดฝาลงตามเดิม…