สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1155 เอาใจตัวเองไปวัดใจผู้อื่น
ตอนที่ 1155 เอาใจตัวเองไปวัดใจผู้อื่น
เซียวรั่วไห่ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “หากฮูหยินเจ้าเมืองยังไม่ยอมบอกความจริง บางทีบุตรชายและบุตรสาวของเจ้าอาจสูญเสียมือหรือจมูกไป นั่นเป็นสิ่งที่งอกขึ้นใหม่ไม่ได้เสียด้วยสิ”
“ฮูหยิน ฮูหยิน!” เจ้าเมืองได้ยินจึงตัวสั่นราวกับลูกนก เขารีบหันไปขอร้องภรรยาของตัวเอง “ฮูหยินบอกความจริงไปเถิด ข้าบอกแล้วว่าพวกเราไม่ควรโลภมาก แค่ปกป้องชีวิตของครอบครัวไว้ได้ก็พอแล้ว ทว่า เจ้ากลับดึงดันอยากให้ลูกชายของเราแต่งงานกับน้องสาวของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ต้องการให้บุตรสาวของเราแต่งงานเข้าราชวงศ์ต้าโจวให้ได้!”
เซียวรั่วไห่ก้มหน้าหมุนแหวนปานจื่อที่สวมไว้ที่นิ้วโป้งเล่นด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฮูหยินเจ้าเมืองช่างโลภมากเสียจริง จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนเคยคิดสู่ขอพระขนิษฐาของฝ่าบาทไปเป็นไทเฮาของต้าเยี่ยน ฝ่าบาทของข้ายังไม่ตกลงเลย เจ้าคิดว่าบุตรชายของเจ้าคือผู้ใดกันถึงได้กล้าคิดอาจเอื้อมแต่งงานกับพระขนิษฐาของฝ่าบาทของข้าเช่นนี้!” เซียวรั่วไห่ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม ทว่า ถ้อยคำที่กล่าวออกมาทำให้เจ้าเมืองและฮูหยินเจ้าเมืองชาวาบไปทั้งร่าง “คุณชายไป๋ของพวกข้าไม่ใช่คนที่สตรีนางใดคิดอยากแต่งงานด้วยก็จะสามารถแต่งได้ ฐานะของบุตรสาวของเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้คุณชายของข้าด้วยซ้ำ!”
เซียวรั่วไห่สะบัดเครื่องแต่งกายของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นยกแขนข้างหนึ่งวางพาดบนที่วางแขนของเก้าอี้ “ครั้งนี้พวกเจ้าเสนอตัวมาหาพวกข้าเองเพราะความโลภ พวกเจ้าคิดว่าสามารถใช้แผนการโจมตีด่านเย่เฉิงของพวกเจ้ามาต่อรองกับต้าโจวได้ ทว่า ความจริงแล้วสิ่งนี้ไม่ใช่ยันต์คุ้มกันความปลอดภัยของพวกเจ้าแผนการของพวกเจ้าดีต่อพวกเราที่สุดก็จริง ทว่า พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้แผนของพวกเจ้าขนาดนั้น กองทัพไป๋ของพวกเราไม่เคยกลัวการทำสงครามกับผู้ใดทั้งสิ้น ยิ่งโจมตียากมากเท่าใด กองทัพไป๋ของพวกเราก็ยิ่งอยากโจมตีมากเท่านั้น!”
เซียวรั่วไห่ยิ้ม “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว…หากฮูหยินเจ้าเมืองยอมสารภาพแต่โดยดี หากครั้งนี้ต้าโจวรบชนะอย่างราบรื่น ข้าสามารถรับปากได้ว่าครอบครัวของพวกเจ้าจะปลอดภัยทั้งตระกูล ทว่า หากมีข้อผิดพลาดระหว่างทำสงคราม…”
เซียวรั่วไห่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะอย่างข่มขู่
สีหน้าของเย่อิงน่านย่ำแย่มาก เมื่อฟังคำของเซียวรั่วไห่คนอวดฉลาดอย่างนางจึงรู้ว่าถึงแม้นางจะอยากให้บุตรชายหรือบุตรสาวของตัวเองแต่งงานกับน้องสาวหรือน้องชายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวมากเท่าใด ทว่า นางไม่มีจุดอ่อนที่สามารถใช้บีบบังคับให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวทำตามความต้องการของนางได้
สำหรับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวแล้ว หากนางไม่ช่วยเหลือ…จักรพรรดินีแห่งต้าโจวก็แค่เลือกบุกโจมตีซึ่งๆ หน้าเท่านั้นเอง
นางแค่คิดแทนผู้อื่นด้วยความคิดของตัวเอง คิดว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวคงคิดว่าการใช้การแต่งงานของน้องชายหรือน้องสาวของตัวเองแลกกับการยึดด่านเย่เฉิงได้เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า ถึงเวลานั้นนางสามารถใช้ประโยชน์จากการเป็นดองกับราชวงศ์ต้าโจวกอบโกยผลประโยชน์เข้าตระกูลของตัวเองได้ ทว่า นางประเมินความสำคัญของน้องชายและน้องสาวของจักรพรรดิแห่งต้าโจวในใจของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวผิดไป
นางลืมเหลือทางรอดให้ตัวเอง ลืมหาเหตุผลที่ทำให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่กล้าสังหารครอบครัวของนาง
นางอวดดีเกินไป มั่นใจในตัวเองเกินไป ผลปรากฏว่านางทำทุกอย่างเสียเรื่องไปหมด
นางเป็นคนยื่นชีวิตคนในครอบครัวของนางให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวด้วยมือของตัวเอง
ทว่า นางยังไม่อยากยอมแพ้เช่นนี้!
จักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่ห่วงชื่อเสียงของตัวเอง ไม่กลัวว่าจะทำให้ทหารต้าโจวผิดหวังหากรู้ว่านางยินดีให้ทหารเหล่านั้นไปตายดีกว่าบังคับให้น้องชายหรือน้องสาวของตัวเองแต่งงานอย่างนั้นหรือ!
ตัวของเจ้าเมืองสั่นราวกับลูกนก ใบหน้าของเขาขาวซีด เขากลัวว่าหากเกิดข้อผิดพลาดใดขึ้นครอบครัวของเขาจะถูกประหารทั้งตระกูลจึงรีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้นพลางกล่าวขึ้น “ฮูหยินของข้าต้องสารภาพเรื่องทุกอย่างแน่นอนขอรับ ใต้เท้าได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิดขอรับ”
เย่อิงน่านแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง จากนั้นหันไปตวาดสามีของตัวเอง “ไม่ได้เรื่อง! เหตุใดต้องขอร้องพวกเขาด้วย ข้าเป็นคนที่ทำสิ่งใดไม่เหลือทางรอดให้ตัวเองอย่างนั้นหรือ!”
เย่อิงน่านแสร้งทำใจดีสู้เสือ ราวกับกำชัยชนะไว้ในมือของตัวเอง “พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่อย่างนั้นหรือ ในเมื่อข้ากล้าเข้ามาในจวนเจ้าเมือง ข้าย่อมทิ้งคนของตัวเองไว้ด้านนอกอยู่แล้ว หากพวกข้าตายอยู่ในนี้ คนของข้าต้องป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้ ให้ทหารของต้าโจวรับรู้การกระทำของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวของพวกเจ้าแน่นอน!”
เซียวรั่วไห่หัวเราะออกมาเบาๆ “ฮูหยินอย่าลืมนะว่าข้าเข้ามาในเมืองซุ่นหนิงพร้อมกับขบวนของพวกเจ้า คนติดตาม องครักษ์และครอบครัวของพวกเจ้ามีทั้งหมดเพียงหนึ่งร้อยหกสิบสี่คนเท่านั้น ตอนนี้ทุกคนถูกจับกุมตัวไว้หมดแล้ว เจ้ายังมีคนที่ใดเหลืออีก”
เย่อิงน่านไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของเซียวรั่วไห่ เมื่อได้ยินเซียวรั่วไห่กล่าวจำนวนที่ถูกต้องของคนทั้งหมดสีหน้าของนางจึงเปลี่ยนไปทันที
เซียวรั่วไห่ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฝ่าบาทของข้าตรัสถูกแล้ว ข้าไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่กับเจ้า ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกหนึ่งก้านธูป หากพวกเจ้ายังไม่ยอมสารภาพข้าก็จะไม่เสียเวลากับพวกเจ้าอีก ทว่า หากเจ้าโกหก ทหารต้าโจวของข้าเสียชีวิตเพราะคำโกหกของพวกเจ้ากี่คน ข้าก็จะเฉือนเนื้อของพวกเจ้าทั้งสี่คนตามจำนวนทหารที่เสียชีวิตของข้า ไม่ต้องห่วง…ข้าไม่ปล่อยให้พวกเจ้าตายแน่นอน”
“ท่านพ่อ…ท่านแม่” บุตรชายของเจ้าเมืองอายุยังน้อย เขาตกใจจนตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง
“ท่านพ่อ ท่านแม่!” บุตรสาวของเจ้าเมืองหวาดกลัวเช่นเดียวกัน ใบหน้าของนางขาวซีด
เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวของบุตรชายและบุตรสาวเจ้าเมืองขนลุกไปทั้งร่าง เขารีบคลานเข้าไปก้มศีรษะคำนับเซียวรั่วไห่ “ใต้เท้า ข้ายอมแล้วขอรับ ข้าจะบอกเองขอรับ ฮูหยินของข้าเคยบอกว่ารองแม่ทัพของเย่โส่วกวนเคยสาบานต่อหน้าบิดาของนางว่าจะปกป้องนางให้ปลอดภัยไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม บ่าวรับใช้ผู้ติดตามของเย่โส่วกวนเคยหลงรักฮูหยินของข้าจนไม่ยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้ ขอเพียงนำป้ายหยกที่เขาเคยมอบให้ฮูหยินของข้าไปพบเขา เขาต้องขโมยป้ายคำสั่งของเย่โส่วกวนมาให้นางแน่ขอรับ สิ่งที่ข้ากล่าวล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ใต้เท้าได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราทั้งสี่คนด้วยเถิดขอรับ”
เดิมทีเย่อิงน่านอยากคัดค้าน ทว่า เมื่อเห็นบุตรสาวและบุตรชายของนางถูกพาตัวมาเช่นนี้นางจึงได้แต่ก้มหน้าอยู่เฉยๆ ราวกับไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว
“ดีมาก” เซียวรั่วไห่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอีกครั้งสื่อให้คนพาตัวบุตรสาวและบุตรชายของเจ้าเมืองออกไปได้ จากนั้นกล่าวต่อ “ขอบคุณเจ้าเมืองมากที่ให้ความร่วมมือ รบกวนเจ้าเมืองนำป้ายหยกชิ้นนั้นของฮูหยินมาให้ข้าด้วย เมื่อใช้เสร็จข้าจะมอบมันคืนให้ แน่นอนว่าหากเรื่องทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเจ้าไม่เพียงแต่จะรอดชีวิตเท่านั้น พวกเจ้ายังจะมีความดีความชอบอีกด้วย”
“จะพาพวกเราไปยังเมืองหลวงด้วยหรือไม่ จะมอบจวนและตำแหน่งขุนนางให้พวกเราหรือไม่” เย่อิงน่านเอ่ยถามทันที
“นี่ไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงฮูหยินเจ้าเมืองไม่คิดอยากให้บุตรสาวของตัวเองแต่งงานกับคุณชายของข้าอีก ในเมื่อพวกเจ้ามีความดีความชอบ พวกเจ้าย่อมได้รับรางวัลเป็นการตอบแทนแน่นอน” เซียวรั่วไห่กล่าวยิ้มๆ “ที่สำคัญฮูหยินเจ้าเมืองคงเคยได้ยินแล้วว่าฝ่าบาทของพวกเราทรงอนุญาตให้สตรีร่ำเรียนหนังสือและสอบเข้ารับราชการได้ ระหว่างที่เดินทางมากับขบวนของเจ้าเมืองข้าพบว่าบุตรสาวของเจ้าเหมือนจะเคยเรียนหนังสือมาบ้าง ข้าสามารถทูลขอให้ฝ่าบาทพระราชทานอนุญาตให้บุตรสาวของท่านสอบเข้ารับราชการ วันหน้านางอาจได้เป็นขุนนางคนหนึ่งในราชสำนักก็ได้”