สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1275 ปณิธาน
ตอนที่ 1275 ปณิธาน
ไป๋ชิงเหยียนบอกเรื่องที่นางตกลงกับจักรพรรดิมู่หรงลี่และเซียวหรงเหยี่ยนว่าจะแข่งขันกับต้าเยี่ยนด้วยระบอบการปกครองของแต่ละแคว้นเทนการทำสงครามให้น้องๆ ของนางรับรู้ในจดหมาย
เมื่อไป๋ชิงฉีและไป๋จิ่นซิ่วอ่านจดหมายจบจึงรู้สึกนับถือจักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนอย่างมู่หรงลี่มาก พวกเขานึกไม่นึงเลยว่าเด็กที่อายุเพียงแค่นั้นจะใจกว้างและกล้าหาญเห็นชาวบ้านสำคัญเป็นอันดับหนึ่งถึงเพียงนี้
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวในจดหมายว่าการที่นางสั่งให้ทหารยกทัพไปประชิดชายแดนต้าเยี่ยนเป็นเพียงการปูทางให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาต้องยึดอวิ๋นจิงมาเป็นของต้าโจวให้ได้ ถึงเวลานั้นเมื่อมู่หรงลี่เสนอเรื่องการแข่งขันด้วยการปกครองของสองแคว้นขึ้นมาต้าโจวจะได้มอบเมืองอวิ๋นจิงเป็นของขวัญตอบแทนต้าเยี่ยนได้
ไป๋ชิงฉีอ่านเนื้อหาในจดหมาย เขารู้ดีว่าเหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงอยากใช้การปกครองตัดสินผลแพ้ชนะระหว่างสองแคว้น การทำเช่นนี้ไม่ว่าแคว้นใดเป็นผู้ได้รับชัยชนะชาวบ้านของสองแคว้นก็จะไม่ได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด
การปกครองของแคว้นที่ทำให้ชาวบ้านมั่งคั่งได้มากกว่าจะกลายเป็นรากฐานของระบอบการปกครองในใต้หล้า การปกครองที่ถูกคิดและนำไปประยุกต์ใช้จริงนี้จะทำให้ชาวบ้านของอีกแคว้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน!
พี่หญิงใหญ่กำลังสานปณิธานแรกเริ่มของกองทัพไป๋และตระกูลไป๋ให้เป็นจริง…
ไป๋ชิงฉีมองจดหมายของพี่หญิงใหญ่ ความรู้สึกว้าวุ่นในใจของเขาค่อยๆ สงบลงทันที
เมื่อครู่ไป๋ชิงฉีกำลังคิดอยู่เลยว่าเขาควรเตรียมรับมือกับต้าเยี่ยนไว้ก่อนดีหรือไม่เพราะต้าเยี่ยนดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าใดนักที่ต้าโจวเป็นคนควบคุมวังหลวง
เขาตาบอดเอง
กองทัพไป๋ไม่เคยทำสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดน
พวกเขาควรทำสงครามเพื่อรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เพื่อความสงบสุขของทุกคนในใต้หล้า นี่คือเหตุผลที่คนตระกูลไป๋มาเกิดบนโลกใบนี้ พวกเขาไม่เอนเอียงไปตามอำนาจ ไม่คิดแย่งชิงอำนาจบารมี ทว่า พวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อปณิธานนี้ มีชีวิตอยู่เพื่อสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ให้คนรุ่นหลัง ทำสงครามให้มีนามจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ พวกเขาพยามเปลี่ยนแปลงใต้หล้าแห่งนี้ให้เป็นใต้หล้าอย่างที่พวกเขาอยากเห็น
นี่ถึงจะเรียกว่าเกิดมาไม่เสียชาติเกิด
เว่ยจงมองเข้าไปด้านในฉากกั้นแวบหนึ่ง จากนั้นถามเสียงเบา “คุณชายห้าพ้นขีดอันตรายแล้วหรือไม่ขอรับ”
“มีท่านหมอหงอยู่คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าใดนัก” ไป๋จิ่นซิ่วไม่รู้ว่ากำลังเอ่ยปลอบเว่ยจงหรือตัวเองอยู่กันแน่ “เว่ยกงกงลำบากเดินทางมาทั้งทางแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“บ่าวยังพักไม่ได้ขอรับ บ่าวต้องไปพบอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนตามกระแสรับสั่งก่อนขอรับ” เว่ยจงกล่าวอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาททรงให้บ่าวถามคุณชายสามอีกเรื่อง คุณชายสามจับเป็นคนสนิทของแม่ทัพชราชุยซานจงที่รู้เรื่องการติดต่อระหว่างแม่ทัพชราชุยกับไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนได้บ้างหรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงฉีพยักหน้า เขาดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เมื่อบุกเข้าไปในวังหลวงของซีเหลียงได้สำเร็จเขาจึงสั่งให้ทหารจับตาดูคนสนิทของแม่ทัพชราชุยซานจงไว้อย่างใกล้ชิด สั่งให้ทหารจับเป็นคนเหล่านั้นมาให้ได้
ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าต้าโจวกับต้าเยี่ยนจะตัดสินผลแพ้ชนะกันด้วยระบอบการปกครอง เขาคิดเพียงว่าในเมื่อพี่หญิงใหญ่ส่งทัพไปประชิดชายแดนต้าเยี่ยนแล้วพวกเขาก็ควรมีเหตุผลชอบธรรมและหลักฐานที่แน่ชัดในการยกทัพโจมตีต้าเยี่ยน
แม้หลักฐานนี้จะไม่สามารถทำให้ทุกคนยอมรับเป็นเสียงเดียวกันได้ ทว่า อย่างน้อยก็ต้องทำให้ทหารที่ทำสงครามเพื่อต้าโจวเชื่อให้ได้เช่นนี้พวกเขาจะได้มีกำลังใจและแรงฮึดในการทำสงคราม
“จับเป็นคนสนิทแม่ทัพชราชุยได้แล้ว เมื่อคืนอาเจวี๋ยสอบสวนเขาทั้งคืน…” ไป๋ชิงฉีกวักมือเรียกองครักษ์ที่อยู่ทางด้านนอก “ข้าจะให้คนพาเว่ยกงกงไปพบเขา”
“ขอบพระคุณคุณชายสามมากขอรับ!”
เมื่อไป๋ชิงอวี๋ถูกทหารต้าโจวแบกร่างเข้าไปพักรักษาตัวในตำหนักเรียบร้อยเซียวหรงเหยี่ยนจึงสั่งให้คนฝังศพของหลี่เทียนเจียวและแม่ทัพชราชุยซานจงให้เรียบร้อย
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้พักอยู่ในวังหลวงของซีเหลียง เขาสั่งให้ต้าเยี่ยนถอยทัพออกมาจากวังหลวง จากนั้นเข้าพักในจวนอวิ๋นหลังจากกองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนเก็บกวาดจวนตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดของซีเหลียงเรียบร้อย
นี่ทำให้ทหารต้าเยี่ยนคาดเดาไปต่างต่างนานา
ตอนนั้นสองแคว้นตกลงกันไว้ว่าแคว้นใดบุกถึงวังหลวงก่อนเมืองอวิ๋นจิงจะตกเป็นของแคว้นนั้น
แม้แม่ทัพไป๋ชิงฉีแห่งกองทัพไป๋จะบุกเข้าไปในตำหนักใหญ่ของวังหลวงของซีเหลียงเป็นฝ่ายแรก ทว่า อ๋องเก้าของพวกเขาไปถึงที่นั่นเร็วกว่าไป๋ชิงฉี ส่วนกองทัพต้าเยี่ยนก็ควบคุมประตูวังหลวงทิศตะวันออกได้ในเวลาเดียวกันกับที่กองทัพต้าโจวคุมประตูวังทิศเหนือได้
เรียกได้ว่ากองทัพต้าเยี่ยนและต้าโจวถึงวังหลวงในเวลาเดียวกัน อ๋องเก้าของพวกเขาและคุณชายห้าของกองทัพไป๋ยืนอยู่นอกตำหนักด้วยกันตอนที่จักรพรรดินีหลี่เทียนเจียวสิ้นพระชนม์ดังนั้นตอนนี้แม่ทัพต้าเยี่ยนและต้าโจวต่างกำลังสงสัยว่าเมืองอวิ๋นจิงควรตกเป็นของผู้ใดกันแน่
ต่อมาแม่ทัพหน่วยย่อยของต้าเยี่ยนและต้าโจวเกือบตีกันเองเพื่อแย่งชิงเมืองหลวงอวิ๋นจิง
หากไป๋จิ่นจื้อไปห้ามทหารของตัวเองไม่ทันเวลาต้าเยี่ยนและต้าโจวที่เพิ่งทำสงครามกับซีเหลียงเสร็จคงเริ่มทำสงครามกันอีกรอบแล้ว
ไป๋จิ่นจื้อรู้ว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนคือพี่เขยของนาง ทว่า ตอนนี้นางกำลังสงสัยเหมือนกับทหารเหล่านี้เช่นกันว่าเมืองอวิ๋นจิงจะตกเป็นของฝ่ายใดกันแน่
ไป๋จิ่นจื้อคิดว่าต้าโจวสมควรได้ครอบครองอวิ๋นจิง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น…หากครั้งนี้พี่ชายห้าและทหารกองทัพไป๋ไม่เสี่ยงชีวิตเข้าไปเปิดประตูเมืองทิศเหนือและทิศตะวันออกให้พวกนาง กองทัพต้าเยี่ยนและต้าโจวไม่มีทางเข้ามาในเมืองอวิ๋นจิงได้แน่นอน!
ที่สำคัญเดิมทีต้าโจวสามารถเลือกเปิดประตูทิศเหนือ ทิศตะวันออกหรือใต้เพียงประตูเดียวได้ เช่นนั้นพี่ชายสามและนางจะพาคนบุกไปยังวังหลวง เมื่อพวกนางจัดการคนซีเหลียงในวังหลวงเสร็จกองทัพต้าเยี่ยนที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองก็คงยังบุกไปไม่ถึงวังหลวงด้วยซ้ำ
หลู่หยวนเผิงเกือบตีกับแม่ทัพของต้าเยี่ยนเช่นเดียวกัน แม้จะถูกเฉิงหย่วนจื้อห้ามไว้ก่อน ทว่า เขาก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี เขาทำได้เพียงเดินกลับไปรับโทษทางทหารจากเฉิงหย่วนจื้อ
เมื่อเดินเข้าไปในค่ายทหารที่ตั้งขึ้นชั่วคราวเฉิงหย่วนจื้อโยนแส้ม้าลงบนโต๊ะพลางเอ่ยถาม “สำนึกผิดแล้วหรือไม่!”
หลู่หยวนเผิงเชิดคอสูง “ข้าไม่สำนึก ข้าไม่ผิด! ต้าเยี่ยนแทงข้างหลังต้าโจวจนไป๋ชิงอวี๋กับทหารกองทัพไป๋ของพวกเราถูกจับตัวไป! ทำให้พี่สาวไป๋คลอดก่อนกำหนด! หากทหารกองทัพไป๋ของพวกเราไม่สละชีวิตเปิดประตูเมืองให้พวกเขาต้าเยี่ยนจะเข้ามาในเมืองได้อย่างไรขอรับ แกนวงล้อประตูฝั่งตะวันออกเต็มไปด้วยศพของทหารกองทัพไป๋ แม่ทัพไปดูมาแล้วหรือไม่ขอรับ!”
หลู่หยวนเผิงกล่าวพลางรู้สึกสะเทือนอารมณ์ ขอบตาของเขาร้อนผ่าว
เฉิงหย่วนจื้อตบโต๊ะอย่างแรง “ข้าหมายความว่าเหตุใดเจ้าต้องทนฟังพวกมันเอ่ยถึงกองทัพไป๋เช่นนั้นนานขนาดนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบลงมือ! ต้าเยี่ยนตะโกนยั่วให้พวกเราต่อยพวกมันอยู่ตั้งนาน เหตุใดเจ้าถึงไม่ต่อย! เหตุใดตอนที่พวกมันกล่าวว่ากองทัพไป๋ยินดีสละชีวิตเปิดประตูเมืองให้พวกมันเองโดยที่พวกมันไม่ได้ขอเจ้าจึงไม่ต่อยมันสักที! มือและเท้าของเจ้ามัวทำอันใดอยู่กันแน่!”
หลู่หยวนเผิงตะลึง เขาถลกแขนเสื้อขึ้นสูง “ข้าไปจะต่อยพวกทหารต้าเยี่ยนให้นอนร้องขอชีวิตอยู่บนพื้นเดี๋ยวนี้ขอรับ!”