สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1278 สบาย
ตอนที่ 1278 สบาย
เว่ยจงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขากล่าวขึ้นราวกับต้องการยุให้อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนและไทเฮาแตกคอกันเอง
“อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนคงได้รับรายงานมาบ้างว่าช่วงนี้ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนลอบพบกับคนซีเหลียงค่อนข้างบ่อย”
“เว่ยกงกงกล่าวเช่นนี้เพราะต้องการยุให้เสด็จแม่กับท่านอาเก้าของข้าแตกคอกันเองอย่างนั้นหรือ”
มู่หรงผิงกล่าวขึ้นอย่างทนไม่ไหว ทว่า ยังคงปฏิบัติต่อเว่ยจงด้วยท่าทีอ่อนโยน
เซี่ยสวินมองไปทางอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนที่สวมหน้ากากอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ
“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวและทหารของต้าโจวล้วนเป็นคนรักพวกพ้อง มิเช่นนั้นคงไม่สั่งให้กองทัพไป๋เปิดประตูเมืองทิศตะวันออกให้พวกเรา จักรพรรดินีแห่งต้าโจวคงไม่ทำเพียงยกทัพประชิดชายแดนต้าเยี่ยนเฉยๆ โดยไม่บุกเข้าไปโจมตีเมืองเช่นนี้ ที่นางส่งเว่ยกงกงมาแทนขุนนางก็คงเพราะไม่อยากให้สองแคว้นทะเลาะกันไปมากกว่านี้ จักรพรรดินีแห่งต้าโจวก็แค่อยากทวงความยุติธรรมให้คุณชายห้าและทหารกองทัพไป๋ก็เท่านั้น”
“คำกล่าวของแม่ทัพเซี่ยสวินช่างฟังรื่นหูข้ายิ่งนัก…” เว่ยจงกล่าวยิ้มๆ
“ก่อนหน้านี้แม่ทัพฉู่ยอมรับผิดว่าเป็นคนทรยศต้าโจวเอง อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนสั่งประหารเขาตามกฎของกองทัพด้วยความโมโหแล้ว! ส่วนเรื่องที่เว่ยกงกงกล่าว่าไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนขายข่าวกองทัพให้ซีเหลียง ขอร้องให้แม่ทัพชราชุยแห่งซีเหลียงส่งตัวน้องชายหรือน้องสาวของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวมายังต้าเยี่ยน…”
เซี่ยสวินมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะไม่ได้มีท่าทีห้ามปรามเขา เซี่ยสวืนจึงกล่าวต่อ
“ข้าไม่กล้ากล่าวว่าเป็นเรื่องไม่จริง ทว่า หวังว่าต้าโจวจะให้เวลาอ๋องเก้าของพวกเราสืบหาความจริงเรื่องนี้สักพัก”
“คำกล่าวของแม่ทัพเซี่ยสวินคือเจตนาของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนด้วยหรือไม่” เว่ยจงถามยิ้มๆ
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า “คำกล่าวของแม่ทัพเซี่ยสวินคือเจตนาของข้า รบกวนเว่ยกงกงกลับไปทูลจักรพรรดินีแห่งต้าโจวด้วยว่าข้าจะจัดการเรื่องนี้และชดเชยให้ต้าโจวอย่างเหมาะสมแน่นอน หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่สบายพระทัยสามารถให้ทหารตั้งค่ายประชิดชายแดนต้าเยี่ยนเช่นนั้นต่อไปก่อนได้”
“ท่านอ๋องเก้า!” แม่ทัพต้าเยี่ยนผุดลุกขึ้นยืนพลางมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ท่านอ๋องเก้า พวกต้าโจว…”
แม่ทัพผู้นั้นยังไม่ทันกล่าวจบเซียวหรงเหยี่ยนก็ยกมือห้ามเสียก่อน ชายหนุ่มกล่าวกับเว่ยจงต่อ
“ส่วนเรื่องเมืองอวิ๋นจิง แม้สองแคว้นจะร่วมมือกันยึดมาได้ ทว่า หากต้าเยี่ยนไม่ทรยศต้าโจวจนคุณชายห้าและกองทัพไป๋ถูจับเข้าไปในเมืองและเปิดประตูทิศตะวันออกให้ต้าเยี่ยนบุกเข้าไปในอวิ๋นจิงได้ ต้าเยี่ยนคงไม่ได้เข้าไปในเมืองได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ พวกเราคงสูญเสียทหารมากกว่านี้และคงไม่ได้บุกถึงวังหลวงก่อนต้าโจวแน่ ต้าเยี่ยนขอรับน้ำใจครั้งนี้ของต้าโจวไว้ เมืองอวิ๋นจิงควรตกเป็นของต้าโจว!”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋องเก้า สหายของพวกเราสละชีพเพื่อยึดเมืองอวิ๋นจิงมานะพ่ะย่ะค่ะ! เหตุใดจึงยกให้พวกนั้นง่ายๆ เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
แม่ทัพต้าเยี่ยนกล่าวด้วยความตกใจ
“หากยกอวิ๋นจิงให้ต้าโจวเช่นนี้จะมีหน้าไปพบสหายกองทัพต้าเยี่ยนที่เสียชีวิตไปแล้วเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ เราจะมีหน้ากลับไปพบจักรพรรดิต้าเยี่ยนและไทเฮาที่ประทับไกลอยู่ที่เมืองหลวงของต้าเยี่ยนได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอาเก้ากำลังกล่าวอยู่ เจ้ากล้าขัดคำของท่านอาเก้าได้อย่างไร!”
มู่หรงผิงกำดาบในมือแน่น เขายืนอยู่ข้างกายเซียวหรงเหยี่ยนด้วยท่าทีหนักแน่น
“ก่อนมาที่นี่ไทเฮาและฝ่าบาททรงมอบอำนาจการตัดสินใจเรื่องของซีเหลียงทั้งหมดให้ท่านอาเก้า คำของท่านอาเก้าก็คือคำของเสด็จแม่ คือคำของฝ่าบาท! เจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจอย่างนั้นหรือ!”
เว่ยจงเห็นเหตุการณ์จึงกล่าวออกมายิ้มๆ
“กระหม่อมจะนำคำของอ๋องเก้าไปทูลให้ฝ่าบาททราบพ่ะย่ะค่ะ อ๋องเก้าได้โปรดกำหนดวันที่จะให้คำตอบกับต้าโจวให้แน่ชัดทีพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าได้คืบจะเอาศอกเกินไปแล้ว!”
แม่ทัพต้าเยี่ยนคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างตั้งแต่แรกกล่าวขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป เขามองไปทางเว่ยจงด้วยแววตาอาฆาต
เว่ยจงไม่รู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขายังยืนนิ่งอยู่กลางโถงรับรอง ปล่อยให้แม่ทัพต้าเยี่ยนมองมาที่เขาด้วยสายตาโกรธแค้นต่อไป
“เรื่องในซีเหลียงจบลงแล้ว ข้าจะเดินทางกลับเมืองหลวงของต้าเยี่ยนแล้ว ข้าต้องนำพยานที่เว่ยกงกงเอ่ยถึงกลับไปสอบสวนที่ต้าเยี่ยนด้วย จากนั้นค่อยให้คำตอบกับต้าโจว ส่วนเรื่องระยะเวลา…หากคำนวณเวลาเดินทางกลับต้าเยี่ยนและเดินทางไปยังต้าโจวแล้ว…อีกเดือนครึ่งได้หรือไม่”
เว่ยจงแสร้งทำเป็นคำนวณเวลาอยู่ในใจ จากนั้นคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ได้พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นก็เริ่มนับตั้งแต่วันนี้เลย กระหม่อมจะรีบกลับไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ ขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงกล่าวจบจึงเดินออกจากโถงรับรองไปทันที
เมื่อเว่ยจงจากไป คนในโถงรับรองแตกตื่นทันที
“ท่านอ๋องเก้า ตอนนี้ต้าเยี่ยนของพวกเราไม่ใช่ต้าเยี่ยนที่ต้องพึ่งพาแคว้นต้าจิ้นอีกต่อไปแล้ว เหตุใดเรายังต้องยอมลงให้ต้าโจวถึงเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ต้าโจวจะเปิดประตูเมืองให้พวกเรา ทว่า หากไม่มีต้าโจวเปิดเมืองให้ต้าเยี่ยนจะโจมตีเมืองไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว หากตัดสินกันว่าผู้ใดบุกไปถึงวังหลวงของอวิ๋นจิงก่อน อ๋องเก้าของพวกเราเสี่ยงชีวิตไปช่วยคนในวัง อ๋องเก้าของพวกเราไปถึงเมืองหลวงอวิ๋นจิงก่อนต้าโจวเสียอีก ต้าโจวจงใจใช้เรื่องที่พวกเราทรยศพวกเขาแย่งเมืองอวิ๋นจิงไปจากต้าเยี่ยนชัดๆ เหตุใดท่านอ๋องเก้าจึงยอมยกเมืองอวิ๋นจิงให้พวกเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรือ”
น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
“ได้ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าไปทำสงครามกับกองทัพไป๋และกองทัพต้าโจวตอนนี้ เจ้าเอาชนะพวกเขาได้หรือไม่”
แม่ทัพเชิดคอสูง “สู้ไม่ได้อย่างน้อยก็สู้จนถึงที่สุดแล้ว ดีกว่าทำตัวเป็นคนขี้ขลาดยกเมืองอวิ๋นจิงให้พวกนั้นเช่นนี้”
“เจ้า…” เซี่ยสวินเตรียมเดินไปด้านหน้า ทว่า ถูกเซียวหรงเหยี่ยนรั้งไว้เสียก่อน
“ดี เจ้ามีความกล้ามาก เจ้ากล้าต่อการกับต้าโจว…”
เซียวหรงเหยี่ยนวางแขนลงบนที่วางแขนของเก้าอี้ จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ
“หากกองทัพต้าเยี่ยนทำสงครามกับกองทัพไป๋และกองทัพต้าโจวตอนนี้ กองทัพของต้าโจวที่ประชิดอยู่ที่ชายแดนต้าเยี่ยนจะบุกโจมตีเมืองหลวงของต้าเยี่ยนทันที ข้าขอถามเจ้า…กองกำลังหลักของพวกเราอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด เจ้าจะรับมือกับเรื่องนี้เช่นไร”
“ให้แม่ทัพเซี่ยสวินยกทัพกลับไปช่วยเหลือ ข้าไม่เชื่อว่ากองทัพต้าโจวกองทัพอื่นจะดุดันและเก่งกาจเหมือนกองทัพไป๋ทุกกองทัพ!”
แม้แม่ทัพผู้นั้นจะเริ่มไม่มั่นใจ ทว่า เขายังคงปากแข็ง
“เจ้าคิดว่าเซี่ยสวินจะยกทัพกลับไปช่วยเหลือได้หรือ”
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางแม่ทัพที่กำลังเดือดดาลอยู่ด้วยแววตาเย็นชา
“ตอนที่ต้าโจวโจมตีแคว้นต้าเหลียง แคว้นต้าเหลียงประสบปัญหาโรคระบาดจึงไม่มีกำลังต่อต้านต้าโจว เมืองหลายเมืองของต้าเหลียงยอมจำนนให้ต้าโจว เมื่อแม่ทัพเหล่านั้นเข้าร่วมกับต้าโจว กองกำลังของต้าโจวจึงยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากกว่าเดิมขึ้นทุกที ต้าเยี่ยนของพวกเรามีกำลังมากขนาดนั้นหรือไม่”
ลำคอของทหารผู้นั้นร้อนผ่าว เขาถอดหมวกเกราะออกจากศีรษะแล้วเหวี่ยงบนพื้น
“ถึงแม้เราจะไม่มีทหารมากถึงเพียงนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ากองทัพต้าเยี่ยนของพวกเราจะอ่อนแอกว่าต้าโจว การยอมแพ้โดยไม่ทำสงครามไม่ใช่นิสัยของชายชาติทหาร!”