สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1282 เจริญรุ่งเรือง
ตอนที่ 1282 เจริญรุ่งเรือง
ชาวบ้านส่วนใหญ่คิดว่าหากพวกเขาปล่อยโอกาสให้แคว้นที่มีความสามารถอย่างต้าเยี่ยนพักสงคราม แคว้นต้าเยี่ยนต้องกลายเป็นศัตรูที่น่าหวาดกลัวและแข็งแกร่งที่สุดของต้าโจวแน่นอน หากต้าโจวไม่ทำลายต้าเยี่ยนตอนนี้วันหน้าพวกเขาต้องเสียเวลาและกำลังในการทำสงครามกับต้าเยี่ยนมากกว่านี้แน่ ไม่สู้ถือโอกาสนี้บุกโจมตีต้าเยี่ยนให้ดับสูญไปเลยดีกว่า อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็มีเหตุผลโดยชอบธรรมในการบุกโจมตี
ส่วนชาวบ้านส่วนน้อยกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดสองแคว้นจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขไม่ได้ ซีเหลียงดับสูญไปแล้ว สองแคว้นคือแคว้นพันธมิตรกัน หากสองแคว้นยุติสงคราม ให้ชาวบ้านและทหารได้พักผ่อนอย่างสงบสุขไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับสองแคว้นอย่างนั้นหรือ เหตุใดต้องทำสงครามตัดสินผลแพ้ชนะกันอย่างเด็ดขาด เหตุใดต้องรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งให้ได้เช่นนี้ด้วย
ไม่เพียงชาวบ้านเท่านั้น แม้แต่บัณฑิตก็แบ่งออกเป็นสองฝ่ายเช่นเดียวกัน ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนให้ทำสงคราม อีกฝ่ายสนับสนุนให้ยุติสงครามและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ไป๋ชิงเหยียนยังอยู่ไฟอยู่ หญิงสาวได้ยินว่าสำนักกั๋วจื่อเจียนจัดการโต้วาทีให้คนที่มีความเห็นต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว
เมื่อได้ยินข่าวนี้ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกดีใจมาก ไป๋ชิงเหยียนต้องการให้ทุกคนไม่ว่าจะในราชสำนักหรือสำนักศึกษาแสดงความเห็นของตัวเองออกมาอย่างเปิดเผย เช่นนี้แคว้นจะได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกหลายร้อยปี
ให้ชาวบ้านมีโอกาสร่วมอภิปรายเรื่องของแคว้น พวกเขาจะได้รู้สึกรักแคว้นของตัวเองมากยิ่งขึ้น ด้านบนมีผู้ปกครองเมืองด้านล่างมีชาวบ้าน ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียวแคว้นจึงจะแข็งแกร่ง
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านบันทึกการปกครองของจีโฮ่วนางชอบสิ่งที่จีโฮ่วเขียนว่า ‘คืนอำนาจสู่ราษฎร์’ มาก หากให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการปกครองแคว้น แคว้นต้องพัฒนาได้ดียิ่งขึ้นแน่นอน
หากชาวบ้านทุกคนยินดีมีส่วนร่วมในการปกครองแสดงว่าการปกครองระบอบใหม่ทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้ว ชาวบ้านไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องของตัวเองดังนั้นพวกเขาจึงมีเวลามาสนใจเรื่องการเมืองของแคว้น
ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนเริ่มมั่นใจแล้วว่านางปูทางสำหรับการรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งได้พอสมควรแล้ว เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเดินทางไปถึงต้าเยี่ยน มู่หรงลี่คงเสนอเรื่องรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งกับราชสำนักของต้าเยี่ยนทันที ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วไป๋ชิงเหยียนจึงไม่อยากปิดบังหลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคงและต่งซือถูอีก
บ่ายวันนั้นไทเฮาเรียกหลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคงและต่งซือถูไปเข้าเฝ้าที่จวนไป ทั้งสามคนเดินไปถึงเรือนมู่หลานของจวนไป๋โดยไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์หญิงสาวมักเรียกพวกเขามาพบที่เรือนมู่หลานเป็นประจำ
ทว่า เมื่อเจินหมิงทำความเคารพและพาพวกเขาเข้าไปในเรือนมู่หลาน พวกเขาเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านใน คนที่พวกเขาพบไม่ใช่ไทเฮา ทว่า คือจักรพรรดินีไป๋ชิงเหยียนแห่งต้าโจวของพวกเขา
ไป๋ชิงเหยียนนั่งคุกเข่าอ่านจดหมายของมู่หรงลี่และฎีกาของเมืองหานที่ฉินหล่างส่งมาอยู่หน้าโต๊ะ ทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ เมื่อไป๋ชิงเหยียนมองมาที่พวกเขาพวกเขาจึงรีบคุกเข่าทำความเคารพหญิงสาว
“หลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคง ต่งซือถูไม่ต้องมากพิธี”
ไป๋ชิงเหยียนวางจดหมายของมู่หรงลี่และฎีกาของฉินหล่างไว้ที่โต๊ะด้านข้าง จากนั้นหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินน้ำชาให้ขุนนางใหญ่ทั้งสาม “นั่งลงเถิด…”
ต่งชิงผิงผู้เป็นลุงของไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก หลู่ไท่เว่ยและเสิ่นซือคงจึงลุกขึ้นตาม ทั้งสามคนสะบัดชายชุดเล็กน้อย จากนั้นนั่งคุกเข่าลงฝั่งตรงข้ามไป๋ชิงเหยียน
“ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดไม่เสด็จกลับวังหลวงแต่มาประทับที่จวนไป๋แทนพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่ไท่เว่ยนั่งลงเสร็จจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ฝ่าบาททรงสบายดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าไทเฮาพาองค์หญิงน้อยและองค์ชายน้อยเสด็จมาประทับที่จวนไป๋เพราะต้องการปกปิดเรื่องที่ส่งหมอหลวงหวงไปรักษาไป๋ชิงเหยียนที่อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้จะเป็นเพียงข่าวลือ ทว่า หลู่ไท่เว่ยก็อดเป็นกังวลไม่ได้
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“ไท่เว่ยไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสบายดี ที่ข้าเรียกท่านทั้งสามมาพบในวันนี้เพราะต้องการปรึกษาเรื่อง…การรวมต้าโจวและต้าเยี่ยนเป็นแคว้นเดียวกัน”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ ทว่า ใต้เท้าทั้งสามยังคงไม่ได้สติ
ไม่ใช่การทำสงครามกับต้าเยี่ยนแต่เป็นการรวมสองแคว้นเป็นแคว้นเดียวกันอย่างหนึ่งหรือ
ขุนนางใหญ่ทั้งสามมองหน้ากัน เสิ่นจิ้งจงเอ่ยถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“ฝ่าบาททรงหมายความว่า…รวมสองแคว้นเป็นหนึ่ง ไม่ใช่ทำลายล้างต้าเยี่ยนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ รวมสองแคว้นให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช่ทำลายล้างต้าเยี่ยนให้ดับสูญ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ
“ข้าปรึกษาเรื่องนี้กับจักรพรรดิมู่หรงลี่และอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนตั้งแต่ตอนขึ้นครองบัลลังก์แล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางดันจดหมายของมู่หรงลี่ไปตรงหน้าขุนนางทั้งสามเพื่อให้พวกเขาอ่าน
ไป๋ชิงเหยียนวางแขนลงบนที่วางแขน เมื่อเห็นทั้งสามคนยังอ่านจดหมายอยู่จึงกล่าวต่อช้าๆ
“ครั้งนี้ไทเฮาของต้าเยี่ยนบังเอิญแทงข้างหลังต้าโจวจนอาอวี๋ถูกจับไปเป็นตัวประกันพอดี ข้าจึงถือโอกาสนี้สั่งทหารยกทัพไปประชิดชายแดนต้าเยี่ยน ข้าให้กองทัพต้าโจว กองทัพไป๋และกองทัพจ้าวควบคุมกองทัพหลักของต้าเยี่ยนไว้ที่ซีเหลียง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการปูทางเพื่อรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งเท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงกล่าวกับใต้เท้าทั้งสามต่อยิ้มๆ
“ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกให้พวกท่านทราบเพราะเรื่องยังไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ข้ากลัวว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วพวกท่านจะดีใจเปล่าดังนั้นข้าจึงเตรียมแผนสำรองไว้สองทาง”
ต่งชิงผิงอ่านถึงช่วงท้ายของจดหมาย มู่หรงลี่กล่าวว่าเขาส่งทูตของต้าเยี่ยนเดินทางมายังต้าโจวแล้ว หากเขายังโน้มน้าวขุนนางในราชสำนักต้าเยี่ยนให้เห็นด้วยไม่ได้เขาจะบอกคนเหล่านั้นว่าเขาส่งทูตมายังต้าโจวแล้ว เขาขอให้ไป๋ชิงเหยียนช่วยคุ้มครองทูตของต้าเยี่ยนให้เดินทางมายังต้าโจวอย่างปลอดภัย ต่งชิงผิงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ
“ครั้งนี้อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนคุมตัวคนสนิทของแม่ทัพชราชุยซานจงกลับไปยังเมืองหลวงของต้าเยี่ยน เมื่อสืบถึงตัวไทเฮาของต้าเยี่ยน จักรพรรดิมู่หรงลี่จะตัดสินใจประกาศเรื่องการรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งให้ราชสำนักทราบโดยอ้างว่าทำไปเพื่อปกป้องไทเฮา ทำไปเพื่อความอยู่รอดของต้าเยี่ยนในตอนนี้!”
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
“จักรพรรดิต้าเยี่ยนและอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนกล้าพนันผลแพ้ชนะกับข้าโดยใช้ระบอบการปกครองของแต่ละแคว้นเป็นตัวตัดสินเพราะพวกเขามั่นใจในการปกครองของแคว้นพวกเขา ที่สำคัญทหารจะได้ไม่ต้องสละชีวิตของตัวเองอีกต่อไป”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองใต้เท้าทั้งสามที่อ่านจดหมายจบแล้ว จากนั้นถามขึ้น
“ใต้เท้าทั้งสามมั่นใจในระบอบการปกครองของแคว้นพวกเราหรือไม่”
หลู่ไท่เว่ยยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวอย่างมั่นใจ
“ตอนที่ฝ่าบาทใช้การปกครองใหม่ในต้าโจว กระหม่อมเคยอ่านการปกครองของต้าเยี่ยนในตอนนี้ ระบอบการปกครองของต้าเยี่ยนในตอนนี้คือระบอบการปกครองที่จีโฮ่วประกาศใช้ในตอนนั้น แม้ก่อนหน้านี้กระหม่อมจะคิดว่าการปกครองของจีโฮ่วค่อนข้างมั่นคง ส่วนการปกครองของฝ่าบาทล้ำหน้าเกินไป ทว่า ตอนนี้กระหม่อมคิดว่าการปกครองระบอบใหม่ของฝ่าบาทดีกว่าของต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!”
หลู่ไท่เว่ยกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาจากใจ การอนุญาตให้สตรีเข้ารับการศึกษา ร่วมสอบขุนนางทำให้ต้าโจวได้คนมีความสามารถที่แท้จริงเพิ่มขึ้นไม่น้อยทีเดียว