สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1303 วาสนา
ตอนที่ 1303 วาสนา
ภรรยาของซือหม่าเยี่ยนแนะนำให้ซือหม่าเยี่ยนไปบอกความจริงเรื่องนี้กับเซวียเหรินอี้เพราะไม่ว่าอย่างไรตระกูลซือหม่าก็ทำผิดต่อเขา
ทว่า บุตรสาวอนุของซือหม่าเยี่ยนคุกเข่าอ้อนวอนมารดาเอกของตนว่านางและเซวียเหรินอี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแล้ว หากนางไม่ได้แต่งงานกับเซวียเหรินอี้นางจะผูกคอตาย ภรรยาของซือหม่าเยี่ยนโมโหจนไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไปเพราะไม่อยากขึ้นชื่อว่ารังแกบุตรอนุจนกระทบกับชื่อเสียงของบุตรชายทั้งสามของนาง
มารดาของซือหม่าเยี่ยนนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงไม่หยุดพลางกล่าวว่าเซวียเหรินอี้เป็นคนตรงไปตรงมา ตอนนั้นเซวียเหรินอี้เป็นคนตีกลองร้องทุกข์เรื่องคดีทุจริตการสอบขุนนางในปีนั้น หากเซวียเหรินอี้รู้ว่าตระกูลซือหม่าทำให้ภรรยาของเขาตายและหาคนอื่นไปแทนที่ นางและบุตรอนุคงไม่มีทางรอดแน่นอน ไม่สู้บอกกับคนภายนอกว่าบุตรอนุผู้นี้เป็นเพียงบุตรบุญธรรมและอ้างกับเซวียเหรินอี้ว่าอยากมอบฐานะที่ดีกว่าเดิมให้แก่ซือหม่ารั่วตานก่อนนางแต่งงานออกเรือน
ซือหม่าเยี่ยนโมโหมารดาและบุตรอนุมาก เขาจากไปโดยไม่สนเรื่องนี้อีกต่อไป มารดาของเขาจึงเป็นคนจัดการเรื่องการแต่งงานของบุตรสาวอนุเพียงคนเดียว
ซือหม่าเยี่ยนนึกไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะสนใจเรื่องนี้ เขาจึงจำต้องกล่าวออกไปเช่นนั้น
เดิมทีไป๋ชิงฉีอยากให้ซือหม่ารั่วตานตามเว่ยจงกลับมาพร้อมรถม้าของไป๋ชิงเหยียน ทว่า ซือหม่ารั่วตานไม่ยอมกลับมา หญิงสาวบอกว่าอยากเรียนรู้วิชาแพทย์กับหลูหนิงฮว่าต่อ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเดาว่านางคงอยากอยู่ใกล้ชิดกับไป๋ชิงฉีต่อด้วย
น้องชายของนางถึงเวลาที่ต้องแต่งงานแล้ว หากพวกเขาได้สมหวังกันไป๋ชิงเหยียนจะดีใจมาก
ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้การแต่งงานของน้องชายและน้องสาวกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง นางอยากให้พวกเขาแต่งงานจากความรู้สึกของพวกเขาจริงๆ
เมื่อว่าราชการตอนเช้าเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนเรียกหลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคง ต่งซือถูและหลู่จิ้นมาพบที่ห้องตำราเพื่อปรึกษาเรื่องการรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งอย่างละเอียดอีกครั้ง
เมื่อขุนนางของต้าเยี่ยนเดินทางมาถึงต้าโจวพวกนางคงมีเรื่องต้องพิจารณามากมาย เช่น ต้องกำหนดระยะเวลากี่ปี จะตัดสินด้วยระบอบการปกครองข้อใดบ้างและรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก
ไป๋ชิงเหยียนอยากให้ขุนนางคนสำคัญของต้าโจวรู้เรื่องนี้และเตรียมวางแผนคร่าวๆ ไว้ก่อนที่ขุนนางของต้าเยี่ยนจะเดินทางมาถึง นางจะได้นำไปปรึกษากับต้าเยี่ยนได้
“ช่วงนี้ใต้เท้าหลู่ว่างอยู่แต่ในจวน หากมีเวลาจงเรียกใต้เท้าเว่ยไปช่วยกันวางแผนด้วย…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“ฝ่าบาททรงหมายความว่าเว่ยปู้จิ้งใช้งานได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” หลู่ไท่เว่ยถาม
ความจริงหลู่จิ้นอยากเสนอให้ไป๋ชิงเหยียนดึงเว่ยปู้จิ้งมาร่วมวางแผนกับพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อต้าเยี่ยนมาถึงกรมการคลังจะได้เตรียมรับมือได้ ทว่า เขานึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะเอ่ยขึ้นมาก่อนเช่นนี้
“เว่ยปู้จิ้งเป็นคนมีความสามารถและมีวิธีการจัดการที่เด็ดขาด ทว่า เขาตรงไปตรงมาเกินไป คนอื่นอาจไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าใดนัก!” ไป๋ชิงเหยียนรับถ้วยชามาจากชุนเถา ใช้ฝาถ้วยดันใบชาที่ลอยขึ้นเหนือถ้วยให้จมลงไป จากนั้นกล่าวต่อ “เจ้าควรตักเตือนเขาสักหน่อย ข้ายังอยากให้เขาช่วยข้าดูแลกรมการคลังอยู่ มีเขาอยู่ข้าจะได้วางใจ อย่าปล่อยให้ผู้อื่นสร้างปัญหาให้เขาจนสุดท้ายแม้แต่พวกเราก็ช่วยเขาไม่ได้ ตอนนี้แคว้นต้าโจวตัดสินทุกอย่างตามกฎหมายเท่านั้น!”
หลู่จิ้นลุกขึ้นโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะคอยเตือนใต้เท้าเว่ยเองพ่ะย่ะค่ะ!”
สิ้นเสียงของหลู่จิ้นเว่ยจงก็เดินเข้ามาด้านใน เขาเดินไปกระซิบข้างหูไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท ประมุขตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไป๋ฉีเหอขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่ไท่เว่ยเหลือบมองหลู่จิ้นแวบหนึ่ง เขารู้ดีว่าไป๋ฉีเหอมาเพราะเรื่องคนของตระกูลบรรพบุรุษไป๋จึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “หากฝ่าบาททรงไม่มีสิ่งใดจะรับสั่งแล้ว พวกกระหม่อมขอตัวไปจัดการเรื่องที่ได้รับมอบหมายอย่างลับๆ ก่อนที่ต้าเยี่ยนจะมาถึงก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นพยักหน้า “ลำบากใต้เท้าทั้งสี่แล้ว! เมื่อขุนนางของต้าเยี่ยนมาถึงพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป ใต้เท้าทั้งสี่สามารถหาคนมาช่วยงานได้ตามสบาย”
ใต้เท้าทั้งสี่ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วเดินออกไปจากตำหนัก
เว่ยจงเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “ฝ่าบาทจะพบประมุขของตระกูลบรรพบุรุษไป๋หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบพลางหันไปทางชุนเถา “ชุนเถา เจ้าใส่ซานจาลงไปในชาอย่างนั้นหรือ”
ชุนเถาที่คุกเข่าถือถาดอาหารสีเหลี่ยมสีดำไว้ในมือข้างกายไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ประสาทรับรสของคุณหนูใหญ่ช่างดีจริงๆ เจ้าค่ะ บ่าวหยิบใบซานจาออกหมดแล้วแท้ๆ บ่าวเห็นว่าช่วงนี้คุณหนูใหญ่ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก ซานจาช่วยให้เจริญอาหาร บ่าวจึงใส่ลงไปในน้ำชาโดยพลการ อีกทั้งเพิ่มน้ำผึ้งลงไปด้วย อร่อยหรือไม่เจ้าคะ”