สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1324 ควรเป็นเช่นนี้
ตอนที่ 1324 ควรเป็นเช่นนี้
ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเห็นใบหูของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำกว่าเมื่อครู่เขาจึงรู้สึกใจเต้นรัวกว่าเดิม เขาหยัดกายนั่งตัวตรงพลางจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย
ไป๋ชิงเหยียนถือกล่องกำมะหยี่ไปตรงหน้าเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นเปิดฝาออก…
ด้านในคือถุงเงินซึ่งปักลายห่านป่าไว้ทั้งสองด้าน แม้จะเย็บได้ไม่ประณีตนัก ทว่า ดูออกว่าคนทำตั้งใจทำมาก มุมขวาสุดของถุงเงินมีคำว่า
“เหยี่ยน” ปักอยู่ด้วย
“เจ้า…ปักมันด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ”
เซียวหรงเหยี่ยนแสดงสีหน้าดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นหยิบถุงเงินออกมาจากกล่องกำมะหยี่ เขารู้สึกว่าถุงเงินหนักกว่าที่คิดเอาไว้ราวกับมีของใส่อยู่ในนั้น แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนตื่นเต้นราวกับเด็กในของเล่นที่ชอบใจ
“ด้านในคือสิ่งใดกัน”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ชายหนุ่มน้อยๆ ทว่า ไม่เอ่ยตอบสิ่งใด เซียวหรงเหยี่ยนคลำสำรวจถุงเงิน เขาคิดว่าด้านในคือป้ายหยก ชายหนุ่มรีบแกะถุงเงินออกดู…หยกจักจั่นชิ้นหนึ่งปรากฏแก่สายตาของเซียวหรงเหยี่ยน มันคือหยกจักจั่นสีขาวซึ่งมีขนาดเท่ากับหยกจักจั่นที่ชายหนุ่มมอบให้ไป๋ชิงเหยียนและคล้ายคลึงกันมาก ทว่า ไม่ใช่หยกจักจั่นชิ้นที่เขามอบให้ไป๋ชิงเหยียนก่อนหน้านี้
“หยกจักจั่น!”
ดวงตาล้ำลึกของเซียวหรงเหยี่ยนส่อแววตื่นเต้นและดีใจอย่างปิดไม่มิด
“เจ้าแกะสลักเองอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแกะสลักหยกจักจั่นและเย็บถุงเงินที่มอบให้เป็นของขวัญวันเกิดเซียวหรงเหยี่ยนด้วยตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้พวกชุนเถารู้เรื่องนี้ นางกลัวว่าพวกนางจะมาช่วยทำดังนั้นจึงซ่อนด้ายและเข็มไว้ในกล่องกำมะหยี่และหยิบออกมาเย็บตอนว่างจากการตรวจฎีกา เมื่อเย็นถุงเงินเสร็จ นางจึงไปเลือกหยกมาแกะสลักด้วยตัวเอง
หยกจักจั่นที่เซียวหรงเหยี่ยนมอบให้นางเป็นหยกบริสุทธิ์ที่หาได้ยากมากในตอนนี้ กว่านางจะหาหยกชิ้นงามเช่นเดียวกับชายหนุ่มมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อมานางจึงเริ่มเรียนรู้การแกะสลักตั้งแต่ต้น
ไป๋ชิงเหยียนมีฝีมือในการขี่ม้า ยิงธนู ทว่า การเย็บปักและแกะสลักเป็นเรื่องยากสำหรับหญิงสาวพอๆ กับการตัดกระดาษและจัดแจกันดอกไม้
ไป๋ชิงเหยียนทำถุงเงินเสียไปหลายไป เย็บโดนมือตัวเองไปหลายรอบ หยกเนื้อดีชิ้นนี้ถูกแบ่งออกมาฝึกหลายส่วน ไป๋ชิงเหยียนใช้เวลาแกะสลักหยกจักจั่นชิ้นนี้อยู่นานพอสมควร
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนแกะสลักเอง”
ไป๋ชิงเหยียนวางกล่องกำมะหยี่ไว้ด้านข้าง จากนั้นนั่งลงข้างกายเซียวหรงเหยี่ยน
“ข้าอาจให้คนอื่นแกะสลักให้ก็ได้”
เซียวหรงเหยี่ยนยื่นถุงเงินและหยกจักจั่นไปใกล้แสงไฟ เขามองสำรวจอย่างรักใคร่พลางกล่าวเสียงเบา
“ฝีมือการแกะสลักแย่เช่นนี้….อาเป่าคงเพิ่งเคยแกะสลักหยกครั้งแรกแน่นอน…”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำนี้จึงรีบยื่นมือไปคว้าหยกจักจั่นไปจากมือของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า ถูกเซียวหรงเหยี่ยนจับมือไว้เสียก่อน ชายหนุ่มหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่แสร้งทำทีเป็นโมโหเขา
เปลวไฟในตะเกียงสะท้อนใบหน้างามน่าตราตรึงของไป๋ชิงเหยียน ลำคอของเซียวหรงเหยี่ยนร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มขยับใบหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางกล่าวเสียงจริงจังและหนักแน่น
“ข้าชอบของขวัญทุกชิ้นที่อาเป่ามอบให้ นี่คือของขวัญที่ดีที่สุดที่ข้าเคยได้รับในชีวิตนี้!”
ขณะกล่าวริมฝีปากของเซียวหรงเหยี่ยนแนบชิดกับริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียน ชายหนุ่มประทับจูบลงไปเบาๆ หลังกล่าวจบ
“ข้าชอบอาเป่าในตอนนี้มาก จะชอบไปตลอดทั้งชีวิต!”
เซียวหรงเหยี่ยนจูบลงบนริมฝีปากที่ถูกจูบจนแดงก่ำของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนแดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิม
ไม่ว่าแคว้นจะเกิดปัญหายิ่งใหญ่เพียงใดไป๋ชิงเหยียนมักรับมืออย่างมีสติได้ทุกเรื่อง ทว่า เมื่อถูกเซียวหรงเหยี่ยนจูบ นางที่โตจนเป็นแม่ลูกสองแล้วกลับทำตัวไม่ถูกสักครั้ง
เมื่อรู้สึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนเริ่มผลักตนออกด้วยความเขินอาย มือที่กุมหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนจึงเอื้อมไปจับมือที่กำลังผลักตนของของไป๋ชิงเหยียนเอาไว้ จากนั้นดันร่างของหญิงสาวมาแนบชิดยิ่งกว่าเดิม
“ท่านอยู่ในวังได้ไม่นานนัก แม่นมคงป้อนนมเด็กทั้งสองเสร็จแล้ว ข้าจะให้ชุนเถาพาเด็กๆ เข้ามาให้ท่านอุ้มอีกสักพัก นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาพบหน้าพ่อของพวกเขา!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนเสียงอ่อนโยน
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถึงลูกทั้งสองใจของเซียวหรงเหยี่ยนอ่อนยวบลงกว่าเดิม “ได้”
ไม่นานชุนเถาและชุนจือจึงอุ้มเด็กทั้งสองเข้ามาในตำหนัก
ครั้งนี้เด็กน้อยทั้งสองที่กินนมจนอิ่มและนอนหลับไปพักใหญ่ลืมตาตื่นขึ้นแล้ว พวกเขาลืมตาโตมองดูเซียวหรงเหยี่ยนที่กำลังอุ้มพวกเขาอยู่ เด็กน้อยทั้งสองไม่ร้องไห้ ไม่งอแง ได้แต่ขยับปากน้อยๆ และแลบลิ้นไปมาอย่างน่าเอ็นดู
“ดวงตาเหมือนอาเป่ายิ่งนัก…”
เซียวหรงเหยี่ยนก้มมองดูหน้าบุตรสาวในอ้อมกอดของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นมองดูบุตรชายตัวน้อยในอ้อมกอดของตัวเอง
“หวังว่าคังเล่อของพวกเราจะมีดวงตาที่บริสุทธิ์สดใสเช่นนี้ตลอดไป”
“แล้วสี่เล่อล่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองออกแล้วว่าเซียวหรงเหยี่ยนกำลังลำเอียง
“ลูกสาวควรได้รับการดูแลอย่างประคบประหงม ลูกชายต้องเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้เพื่อช่วยพ่อปกป้องมารดาและน้องสาวของเขา!”
เซียวหรงเหยี่ยนก้มมองดูสี่เล่อในอ้อมแขนของตัวเอง “สี่เล่อของพวกเราต้องรีบโตเร็วๆ จะได้ช่วยพ่อปกป้องดูแลแม่และน้องสาวของเจ้า!”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบจึงมองไปทางคังเล่ออย่างรักใคร่อีกครั้ง
“คังเล่อของพวกเราก็ต้องโตเร็วๆ พ่อจะสอนวรยุทธ์ทั้งหมดของพ่อให้เจ้ากับพี่ชาย”
“ลูกสาวต้องได้รับการดูแลอย่างดีไม่ใช่หรือ ท่านสอนวรยุทธ์ให้นางไม่กลัวนางลำบากหรือ”
“นางต้องเรียนรู้วรยุทธ์ไว้ป้องกันตัวเอง พ่อแม่และพี่ชายของนางไม่สามารถอยู่ปกป้องนางตลอดไปได้ หากพวกเราไม่ได้อยู่ข้างกายนางและนางเกิดตกอยู่ในอันตรายขึ้นมานางจะได้ปกป้องตัวเองได้!”
เซียวหรงเหยี่ยนเพิ่งตระหนักได้ถึงความรู้สึกของคนเป็นพ่อ เขาอยากดูแลลูกของตัวเองให้สุขสบาย ทว่า พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องบางเรื่องและทำมันออกมาให้ดีที่สุด ในใจของเขารู้สึกขัดแย้งกันมาก เขาและไป๋ชิงเหยียนล้วนมีวรยุทธ์ทั้งคู่ พวกเขารู้ดีว่าการเรียนศิลปะการต่อสู้นั้นยากลำบากเพียงใด
เซียวหรงเหยี่ยนอดนึกถึงมารดาของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ มารดาของเขารักเขาที่สุด ทว่า นางจะใช้ไม้บรรทัดตีเขาทุกครั้งยามเขาขี้เกียจ จากนั้นจะแอบไปใส่ยาให้เขายามที่เขาหลับอยู่บนเตียง
ตอนนี้เซียวหรงเหยี่ยนเข้าใจความยากลำบากของมารดาตัวเองแล้ว
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน
“พ่อแม่อย่างพวกเราพาพวกเขามายังโลกใบนี้ แม้พวกเราอยากปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต ทว่า อายุคนเรามีขีดจำกัด พวกเราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้นเมื่อใด ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ควรเรียนรู้ เช่นนี้พวกเราจะได้วางใจ อาเป่ามีความเห็นเช่นไร”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองบุตรสาวตัวน้อยในอ้อมแขน จากนั้นกล่าวยิ้มๆ
“ดูความสมัครใจของพวกเขาแล้วกัน ในตระกูลไป๋ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านอาและท่านอาสะใภ้ไม่เคยบังคับให้พวกเราทำสิ่งใด พวกเขาไม่ดูแลพวกข้าดีกว่าบุรุษเพียงเพราะพวกข้าเป็นสตรี พวกเขาปฏิบัติต่อลูกหลานในตระกูลทุกคนเหมือนกัน ขอเพียงพวกเราอยากเรียนพวกเขาก็จะสอน ทว่า หากเรียนแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ห้ามละทิ้งกลางคันเด็ดขาด! พวกเขาชี้ทางเดินให้พวกเรา ทว่า ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะเดินไปบนเส้นทางนั้นหรือไม่ ข้าคิดว่าพวกเราควรสอนเด็กๆ เช่นนี้เหมือนกัน”