สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 183 กองทัพเสียขวัญ
“ควรขอบคุณอวิ๋นพั่วสิง หากไม่มีเขา ขุนนางชั่วช้าในราชวงศ์และฮ่องเต้คงทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งไม่ให้ข้ามายังหนานเจียง! องค์รัชทายาทคงพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ข้าพบกับกองทัพไป๋! ข้าคงทำได้เพียงปักหลักอยู่ในเมืองหลวง มองดูทหารของกองทัพไป๋ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งหมื่นนายถูกคนถ่อยใช้เป็นเกราะกำบังอยู่ที่ด่านหน้าและเสียชีวิตอยู่ที่หนานเจียงจนไม่หลงเหลือแม้แต่ผู้เดียว!”
“กองทัพไป๋ของพวกเราตั้งแต่เบื้องบนสุดอย่างท่านปู่ กระทั่งเหล่าทหารกล้าอย่างพวกเจ้า ไม่มีผู้ใดคิดทรยศทั้งสิ้น พวกเราคือทหารที่จงรักภักดีที่สุดในแคว้นต้าจิ้น! พวกเรา…เคยสาบานว่าจะออกรบเพื่อปกป้องชาวบ้านและแผ่นดิน ออกรบเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทว่า บัดนี้ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางชั่วในราชสำนักเอาแต่คิด…วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข!”
“พวกเราไม่กบฏ! ทว่า ในเมื่อตอนนี้ข้าจะแบกธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ขึ้นมาอีกครั้ง! ข้าก็ต้องปกป้องเหล่าทหารของกองทัพไป๋ทุกคนด้วยชีวิต! แม้ว่าวิธีการบางอย่างจะขัดต่อการกระทำที่เที่ยงตรงของตระกูลไป๋ดังเช่นที่จารึกไว้ในคำสอนของตระกูลก็ตาม! เหล่าทหารของกองทัพไป๋เสียชีวิตในสนามรบ เสียชีวิตภายใต้คมดาบของศัตรูได้! ทว่า จะไม่ยอมเสียชีวิตเพราะแผนการชั่วร้ายและกลอุบายต่ำช้าของพวกคนเลวแน่นอน!”
กองทัพไป๋ที่คาดผ้าไว้อาลัยไว้บนศีรษะฟังคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจนจบ ใจเดือดดาลราวไฟสุม ร่างร้อนผ่าวไปทั้งร่าง ขอบตาแดงก่ำ
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน คารวะเหล่าทหารของกองทัพไป๋อย่างจริงจัง สะบัดชายชุดเกราะพลางคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “ข้า ไป๋ชิงเหยียนขอสาบานกับทหารของกองทัพไป๋ทุกคนที่เสียชีวิตลงที่หนานเจียง สาบานด้วยดวงวิญญาณยี่สิบสามดวงของวีรบุรุษตระกูลไป๋ว่าไป๋ชิงเหยียนจะพาทุกท่านไปตัดศีรษะของอวิ๋นพั่วสิงเพื่อล้างแค้นด้วยตัวเอง! ทุกท่านได้โปรดเชื่อข้าเถิด!”
“เสี่ยวไป๋ไซว่!” เฉิงหย่วนจื้อที่รูปร่างสูงใหญ่ราวกับม้ากำหมัดคุกเข่าลงบนพื้นทั้งน้ำตา
บุรุษเลือดร้อนเต็มไปด้วยวิญญาณนักสู้ทุกคนของกองทัพไป๋ต่างพากันคุกเข่าลงบนพื้น
“พวกข้าเชื่อใจเสี่ยวไป๋ไซว่! ชาตินี้ไม่มีทางคิดหวาดระแวง!”
เวลาสามปี เป็นเส้นตายที่นางให้แก่อวิ๋นพั่วสิงและให้แก่ตัวเองด้วยเช่นกัน
สามปีหลังจากนี้ นางจะทำให้คนทั่วทั้งแคว้นต้าจิ้นไม่กล้าแตะต้องคนตระกูลไป๋!
สามปีหลังจากนี้ นางจะทำให้คนทั่วทั้งแคว้นต้าจิ้นไม่กล้าโลภอยากครอบครองกองทัพไป๋!
สามปีหลังจากนี้ นางจะชำระแค้นครั้งนี้!
เมื่อปลอบขวัญกองทัพไป๋เสร็จ ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงหนักแน่น “เมื่อครู่เพิ่งปล่อยอวิ๋นพั่วสิงไป เมื่ออวิ๋นพั่วสิงกลับไปถึงค่ายทหารซีเหลียงที่โดนเผาเสบียงจนกองทัพเสียขวัญกำลังใจ เมื่อกองทัพซีเหลียงเห็นอวิ๋นพั่วสิงที่นำทหารเกือบแสนออกไปรบแต่กลับมาอย่างสะบักสะบอมเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเขาต้องรู้ทันทีว่าอวิ๋นพั่วสิงพ่ายแพ้ศึกที่ภูเขาเวิ่ง เสบียงถูกทำลาย แม่ทัพใหญ่พ่ายแพ้ กองทัพต้องเสียขวัญกำลังใจมากอย่างแน่นอน!”
ไป๋ชิงเหยียนตะโกนสั่งทั้งน้ำตา “กองทัพไป๋จงรีบกลับไปพักผ่อนที่เมืองเวิ่ง หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้ คัดเลือกทหารสองพันนายติดตามข้าบุกไปยังค่ายของศัตรู นำศีรษะของท่านพ่อข้ากลับคืนมา!”
“ขอรับ!” เฉิงหย่วนจื้อรับคำเสียงก้อง หันหลังกลับใช้นิ้วผิวปากเป็นเสียงกังวานใส
กองทัพไป๋ทุกคนผิวปากเพื่อเรียกม้าศึกของตัวเอง
จู่ๆ แม่ทัพจางตวนรุ่ยขี่ม้าเร็วตรงเข้ามายังด้านบนของหุบเขา ตะโกนถามเสียงดัง “แม่ทัพไป๋! กองทัพซีเหลียงในหุบเขาเห็นว่าแม่ทัพใหญ่หนีไปแล้วต่างยอมจำนน ต้องสั่งให้แม่ทัพเจินเจ๋อผิงและแม่ทัพสือพานซานเปิดทางออกปล่อยพวกเขาออกมาหรือไม่ขอรับ!”
หญิงสาวเงยหน้ามองแม่ทัพจางตวนรุ่ย แววตานิ่งขรึม ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย “ฆ่า! อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
แม่ทัพจางตวนรุ่ยตะลึง “นี่มัน…”
แต่ไรมาไม่เคยมีการสังหารทหารที่ยอมจำนน นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำต่อกันมา
“หากแม่ทัพจางกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง ไป๋ชิงเหยียนจะรับผิดชอบเอง! วันนี้สังหารทหารซีเหลียงได้มากเท่าใด ภายภาคหน้าชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นก็จะเสียชีวิตลงน้อยเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนกำตราทัพไว้ในมือ ครั้งนี้เป็นคำสั่งของข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับแม่ทัพจาง!” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนเด็ดขาด
แม่ทัพจางตวนรุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ว่าตราทัพขององค์รัชทายาทอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียน จึงทำได้แต่กำหมัดรับคำสั่ง “น้อมรับบัญชาขอรับ!”
“เมื่อสังหารกองทัพซีเหลียงในหุบเขาหมดสิ้นแล้ว แม่ทัพจางตวนรุ่ยและแม่ทัพเจินเจ๋อผิงจงนับจำนวนทหารและม้าให้เรียบร้อยแล้วเดินทางไปพักผ่อนยังเมืองเวิ่งเพื่อรอคำสั่ง พรุ่งนี้เช้าติดตามข้าและกองทัพไป๋บุกไปแย่งชิงเทียนเหมินกวนกลับมา!”
เมื่อได้ยินว่าจะไปแย่งชิงเทียนเหมินกวนกลับมา แม่ทัพจางตวนรุ่ยเลือดพลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที!
แม้เมื่อครู่จะเพิ่งผ่านศึกครั้งยิ่งใหญ่มา ทุกคนต่างรู้สึกเหนื่อยล้า ทว่า ศึกครั้งนี้เอาชนะได้ด้วยกำลังทหารที่น้อยกว่า เป็นช่วงที่ขวัญและกำลังใจของทหารดีที่สุด หลังจากพักผ่อนฟื้นกำลังกายในคืนนี้แล้ว ต้องแย่งชิงเทียนเหมินกวนกลับมาได้อย่างแน่นอน
ไป๋จิ่นจื้อที่ชูธงเฮยฟานหงหมั่งอยู่ในมือ เสียบหอกเงินหงอิงของไป๋ชิงเหยียนไว้ที่หลังขี่ม้าเร็วกลับมา นางชูธงพลางกระโดดลงมาจากหลังม้า โยนหอกเงินหงอิงที่เสียบอยู่ที่หลังให้ไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ รับหอกเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนรับหอกเงินหงอิงมาด้วยมือข้างเดียว “ขึ้นม้า! กลับเมืองเวิ่ง!”
“กลับเมืองเวิ่ง!” เฉิงหย่วนจื้อตะโกนตามไป๋ชิงเหยียน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นประกาย กล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “หากเว่ยจ้าวเหนียน กู่เหวินชังและเสิ่นคุนหยางที่กำลังรักษาบาดแผลอยู่ที่เมืองเวิ่งเห็นเสี่ยวไป๋ไซว่ต้องคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปแน่นอนขอรับ!”
…
เมืองหวั่นผิง
องค์รัชทายาทสวมเสื้อคลุมกันลมยืนอยู่บนกำแพงสูง เขามองไปยังหุบเขาเวิ่งที่เต็มไปด้วยสีแดงเพลิง ใจบีบแน่นอย่างเป็นกังวล
“ยังไม่มีทหารลาดตระเวนกลับมารายงานสถานการณ์รบอีกหรือ” องค์รัชทายาทกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวทั้งสองข้างแน่น
ฉินซ่างจื้อเดินตามหลังองค์รัชทายาท เม้มปากสนิท ได้แต่ภาวนาให้สวรรค์คุ้มครองไป๋ชิงเหยียนให้ได้รับชัยชนะอยู่ในใจ
เห็นม้าเร็ววิ่งมาแต่ไกล ฉินซ่างจื้อถลาไปด้านหน้าพลางชี้นิ้วไปยังตำแหน่งที่ไกลออกไป “องค์ชาย ดูนั่นพ่ะย่ะค่ะ…”
องค์รัชทายาทรู้สึกว่าใจของตนเต้นรัวจนแทบจะหยุดเต้นลงแล้ว เขากลั้นลมหายใจมองไปยังร่างที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กำหมัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
ม้าเร็ววิ่งมาถึงประตูเมือง ทหารหน่วยลาดตระเวนกุมบังเหียนม้าพลางตะโกนออกมาเสียงดัง “รีบเปิดประตูเมือง! ศึกภูเขาเวิ่งได้รับชัยชนะ! ศึกภูเขาเวิ่งได้รับชัยชนะ! กองทัพของเรากวาดล้างกองทัพซีเหลียงที่อยู่ในหุบเขาเวิ่งราบเรียบหมดแล้ว!”
เลือดในกายขององค์รัชทายาทพลุ่งพล่าน ร่างของเขากลับมามีชีวิตชีวาในทันที ชนะแล้ว! ชนะแล้วจริงๆ ด้วย!
สีหน้าของเขาตื่นเต้นจนชาวาบ หันหลังเดินลงกำแพงไปอย่างเร่งรีบ เท้าเหยียบโดนชายชุดเสื้อคลุมขนจิ้งจอกจนเกือบสะดุดล้ม โชคดีที่ทหารคุ้มกันเมืองหวั่นผิงประคองไว้ได้ทัน
“ระวังพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท!”
ทหารผู้นั้นกล่าวจบก็รีบถอยไปอยู่ด้านหลังองค์รัชทายาทอย่างนอบน้อม
“ชนะแล้ว! ชนะแล้ว!” องค์รัชทายาทถอนหายใจยาว เกาะกำแพงที่เย็นเฉียบเดินลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ทหารหน่วยลาดตระเวนขี่ม้าเข้าไปในเมือง เมื่อเห็นองค์รัชทายาทจึงรีบลงจากหลังม้าทันที ตะโกนว่าได้รับชัยชนะพลางคุกเข่าลงตรงหน้าองค์รัชทายาท กล่าวอย่างตื่นเต้น “กองทัพเราได้รับชัยชนะพ่ะย่ะค่ะ! แม่ทัพไป๋สั่งให้สังหารให้หมด กองทัพเราสังหารกองทัพเกือบแสนนายของซีเหลียงจนราบเป็นหน้ากลองอยู่ในหุบเขาเวิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ! แม่ทัพไป๋สั่งให้ทหารคุ้มกันเมืองห้าร้อยนายส่งเสบียงอาหารแห้งและอาวุธไปยังอำเภอเฟิงในกลางดึกของคืนนี้เพื่อรวมตัวกับแม่ทัพสือพานซานและแม่ทัพหวังสี่ผิง เมื่อพวกเขาเติมพลังเรียบร้อยแล้วให้มุ่งหน้าไปยังอำเภอเฟิง แย่งชิงอำเภอเฟิงกลับมาให้ได้ก่อนรุ่งสางพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินซ่างจื้อได้ยิน ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาในทันที ก้าวไปด้านหน้า “องค์ชาย! ไม่มีเวลาแล้ว ทรงรับสั่งให้คนไปเตรียมเสบียงและอาวุธเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ทว่า องค์รัชทายาทหน้าซีดเผือด เอ่ยถามเสียงสั่น “สัง…สังหารทั้งหมดเลยหรือ ทหารที่ยอมจำนนเล่า สังหารไปแล้วหรือไม่”
“ทูลองค์ชาย สังหารหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทหารหน่วยลาดตระเวนตอบ
สีหน้าขององค์รัชทายาทซีดเผือด ชนะศึกครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดี ทว่า เขาได้ชื่อว่าเป็นคนออกรบในศึกครั้งนี้ หากเรื่องที่สังหารทหารยอมจำนนจนเกลี้ยงแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของเขาคงจบสิ้นแน่ๆ เดิมที่เขาคิดจะใช้ทหารที่ยอมจำนนของซีเหลียงเป็นข้อต่อรองแลกผลประโยชน์ให้ต้าจิ้นตอนเจรจาสงบศึก
เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที ตอนนั้นเขาไม่ควรมอบตราทัพที่เป็นเหมือนตัวแทนของเขาให้ไป๋ชิงเหยียนเลย เขาเสียใจจนกังวลไปหมด
“องค์ชาย?!” ฉินซ่างจื้อไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงลังเล
“เวรกรรมจริงๆ” ฟางเหล่า ที่ปรึกษาที่อาวุโสที่สุดข้างกายขององค์รัชทายาทก็ตกใจจนใบหน้าขาวซีดเช่นเดียวกัน “แต่ไหนแต่ไรมา สองฝ่ายทำศึก ล้วนไม่สังหารทหารที่ยอมจำนน หากเรื่องสังหารทหารที่ยอมจำนนแพร่งพรายออกไป แคว้นอื่นๆ จะมองแคว้นต้าจิ้นของเราเช่นไรกัน! ต้องคิดว่าแคว้นต้าจิ้นของเราโหดเหี้ยมดังสัตว์ป่าแน่นอน!