สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 24 เลวโดยสันดาน
“พี่หญิงใหญ่เก่งที่สุดเลยเจ้าค่ะ!” คุณหนูห้าวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน กระตุกชายเสื้อของหญิงสาวอย่างออดอ้อน แววตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส “พอข้าโตขึ้น ข้าจะเป็นคนเก่งเหมือนพี่หญิงใหญ่ให้ได้เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเอามือลูบบนศีรษะของไป๋จิ่นเจา ได้เห็นรอยยิ้มหวานไร้ซึ่งความกังวลของน้องสาว ไออุ่นแผ่ซ่านเข้าแทนที่ความเหน็บหนาวในจิตใจทำให้หญิงสาวดูอ่อนโยนขึ้นมาในทันที
“พี่หญิงใหญ่เชิญนั่งเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นถงดันให้ชิงเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็สั่งให้ไป๋จิ่นจื้อ ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาไปนำของว่างจากโรงครัวมาให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋จิ่นซิ่วได้ยินไป๋จิ่นถงเล่าเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับฉินหล่างเมื่อวานให้นางฟังแต่เช้าตรู่ ดวงตาแดงก่ำ กล่าวสะอึกสะอื้น “พี่หญิงใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าไป๋จิ่นซิ่วจะกล่าวสิ่งใด ไป๋ชิงเหยียนกุมมือน้องสาวเอาไว้ ลูบเบาๆ ยิ้มให้ไป๋จิ่นซิ่วอย่างอ่อนโยน กล่าวขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล
“เช้าวันนี้ฉินหล่างมาขอให้ท่านย่าพาเข้าวังเพื่อไปสละตำแหน่งซื่อจื่อด้วยตัวเอง แม้ต่อไปฉินหล่างจะไม่ใช่ซื่อจื่อแล้ว แต่การทำให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเจี่ยงซื่อเป็นมารดาที่เหี้ยมโหด พวกเจ้าจะได้หาข้ออ้างย้ายออกจากจวนจงหย่งโหวเพื่อใช้ชีวิตของตัวเองได้”
ไป๋จิ่นซิ่วตื้นตันกับคำพูดของไป๋ชิงเหยียนจนขอบตาร้อนผ่าว ยิ่งรู้สึกว่าตนเองผิดต่อคำพูดของพี่หญิงใหญ่ที่กล่าวกำชับนางตอนมอบดาบประจำตระกูลให้ นางพยักหน้าด้วยความจุกแน่น “ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่ เมื่อวานข้าก็บอกกับซื่อจื่อไปเช่นนั้น”
เมื่อเห็นน้ำตาของไป๋จิ่นซิ่วไหลลงมาไม่ขาดสาย ไป๋ชิงเหยียนสงสารจนตาแดงก่ำเช่นกัน หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้ไป๋จิ่นซิ่ว
“เมื่อถึงเวลานั้นให้ท่านแม่ของข้ากับท่านอาสะใภ้สองเลือกบ่าวรับใช้ที่ได้เรื่องให้เจ้า ไม่มีแม่สามีคอยบงการ ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่ๆ! อย่าได้กลัว…จวนเจิ้นกั๋วกงและท่านย่าคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเจ้า ในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดกล้ารังแกบุตรสาวตระกูลไป๋หรอก”
“นึกไม่ถึงเลยว่าฉินหล่างจะตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยวเช่นนี้” ไป๋จิ่นถงนั่งลงข้างกายของไป๋ชิงเหยียน ดวงตานิ่งขรึม “หวังว่างูพิษสองตัวของจวนจงหย่งโหวที่ทำร้ายพี่รองจะรู้ถึงความเก่งกาจของจวนเจิ้นกั๋วกงเสียที ต่อไปจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับพี่รองอีก”
“ผีเน่ากับโลงผุอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าผ่านไปสักกี่ปีก็ยังเหม็นโฉ่อยู่ดี เลวโดยสันดานเช่นนั้น จะให้แก้ไขหรือ คงยากยิ่งกว่าอันใดทั้งหมดเลยล่ะ” ไป๋ชิงเหยียนยื่นมือไปอังไฟ เงยหน้ายิ้มให้ไป๋จิ่นซิ่วน้อยๆ “หากต้องการให้พวกนางว่าง่าย ต้องตีไปที่กระดูกสันหลังของพวกนางให้หักในคราเดียว จัดการที่พึ่งของพวกนาง! ให้พวกนางรับรู้ว่าอันใดคือความเจ็บปวด อันใดคือความหวาดกลัว วันหน้าพอได้ยินชื่อน้องรองจะได้หวาดกลัว เช่นนี้…พี่รองของเจ้าถึงจะอยู่อย่างสงบสุขได้”
“ที่พึ่ง? พี่หญิงใหญ่หมายถึงเจี่ยงซื่อหรือเจ้าคะ” แววตาของไป๋จิ่นถงเป็นประกายขึ้นทันที
หากไป๋ชิงเหยียนลงมือเอง ไม่มีทางแค่ขู่ให้แม่ลูกจากจวนจงหย่งโหวหวาดกลัวเฉยๆ แน่ สตรีที่สันทัดในกลอุบายต่ำช้าของเรือนหลังอย่างฮูหยินโหวและบุตรสาวของนางน่ารำคาญที่สุด เหมือนดั่งเห็บหมัด หากไม่ฆ่าให้ตาย อีกไม่นานต้องลุกขึ้นอาละวาดสร้างปัญหาให้ไป๋จิ่นซิ่วอีกแน่
ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากทิ้งปัญหายุ่งยากให้ไป๋จิ่นซิ่ว และไม่อยากให้นางต้องมือแปดเปื้อนกับเรื่องสกปรกเช่นนี้ ครานี้ไป๋ชิงเหยียนตั้งใจจะกำจัดฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวให้สิ้นซาก
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม “สัญญาทาสของสาวใช้ติดตามของเจ้าล่ะ”
“อยู่ในกล่องเครื่องประทินโฉมชั้นล่างสุดเจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นซิ่วรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนจำเป็นต้องใช้ สั่งให้ไป๋จิ่นถงไปหยิบมา “ข้าใส่โฉนดที่ดินและสัญญาทาสของสาวใช้ที่ท่านย่าและท่านแม่มอบให้ข้าเป็นสินเดิมไว้ในนั้นทั้งหมดเจ้าค่ะ กะว่าวันกลับมาเยี่ยมจวนค่อยกลับมาเอา”
ไป๋จิ่นถงหยิบสัญญาทาสออกมาจากกล่องเครื่องประทินโฉมซึ่งทำจากไม้มะฮอกกานีสีแดงส่งให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนหยิบสัญญาทาสของหมิงอวี้ออกมา ส่วนที่เหลือส่งคืนให้ไป๋จิ่นถงนำไปเก็บไว้ที่เดิม
“เจ้าเก็บสัญญาทาสพวกนี้เอาไว้ให้ดี วันหน้าต้องใช้”
“หมิงอวี้ หรือว่านาง…” ไป๋จิ่นซิ่วกำชายกระโปรงของตัวเองแน่น “นาง…”
ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้ไป๋จิ่นซิ่วที่ยังต้องรักษาตัวมีเรื่องหนักใจ ไป๋ชิงเหยียนกุมมือไป๋จิ่นซิ่วไว้น้อยๆ เอ่ยกำชับ “เจ้ารักษาตัวให้ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ให้คนที่ไว้ใจได้จัดการก็พอแล้ว”
กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนส่งสัญญาทาสของหมิงอวี้ให้ชุนเถา กล่าวอย่างมีนัยน์
“บอกกับญาติผู้พี่ของเจ้า หมิงอวี้ทรยศต่อนายผู้มีพระคุณ แม้คุณหนูรองจะเมตตาแต่ทำผิดก็ต้องรับผิด หากพี่เจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ดีข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
จะได้ให้พวกบ่าวรับใช้ในจวนเจิ้นกั๋วกงได้เห็นเสียบ้างว่าการทรยศนายจะต้องเจอจุดจบเยื้ยงไร ชุนเถารับคำ สองมือรับสัญญาทาสมาจากนั้นเดินออกไปจากเรือนชิงจู๋
…
วันเดียวกันตอนกลางวัน
องค์หญิงใหญ่พาฉินหล่างออกมาจากวังได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ข่าวเรื่องซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวขอสละตำแหน่งซื่อจื่อก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง
ตอนที่เจี่ยงซื่อ ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวรับรู้ข่าว ขาแข้งของนางอ่อนแรงจนล้มพับลงบนเก้าอี้ เหงื่อท่วมกาย
“ท่านแม่! นี่มันข่าวดีนะเจ้าคะ เหตุใดสีหน้าของท่านแม่ถึงแย่เพียงนี้เล่าเจ้าคะ” คุณหนูรองฉินกระตุกแขนเสื้อของเจี่ยงซื่อด้วยความดีใจ ใบหน้ามีความสุข
ฉินหล่างสละตำแหน่งซื่อจื่อ น้องชายของพวกนางจะกลายเป็นซื่อจื่อแล้ว
เจี่ยงซื่อไม่มีแรงแม้แต่จะด่าบุตรสาว นางกุมหน้าอกตัวเองแน่น รู้ตัวว่าตอนนี้ชื่อเสียงของนางป่นปี้หมดแล้ว ชื่อเสียงของนางไม่สำคัญเท่าไร แต่บุตรของนางยังเด็ก…ต่อไปผู้ใดจะกล้าขอบุตรสาวตระกูลฉินแต่งงาน ผู้ใดจะกล้าแต่งเข้าตระกูลฉิน!
เจี่ยงซื่อตบไปที่ใบหน้าของคุณหนูรองฉินฉาดใหญ่ด้วยความโมโหจนบุตรสาวล้มพับไปบนพื้น
คุณหนูรองฉินกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง เบิกตาโพลงมองไปยังเจี่ยงซื่อน้ำตารื้น
“ท่านแม่ ท่านตบข้าด้วยเหตุใดเจ้าคะ!”
“นางโง่ หากไม่ใช่เพราะเจ้ามีปากเสียงกับไป๋จิ่นซิ่วจนลงมือทำร้ายนาง เรื่องราวมันจะใหญ่โตเช่นนี้หรือ”
พอเจี่ยงซื่อด่าบุตรสาวจบก็ฝืนประคองสติเอาไว้ หากฮ่องเต้ยังไม่มีราชโองการลงมา ทุกอย่างก็ยังพอมีทางแก้ไข วันนี้เข้าวังไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้นางจะเข้าวังไปทูลขอให้ฮองเฮาช่วยพูดกับฮ่องเต้ว่าอย่าเอาตำแหน่งซื่อจื่อไปจากฉินหล่าง นางต้องทำตัวเป็นมารดาเลี้ยงที่ดีแสดงจุดยืนว่าจวนจงหย่งโหวมีฉินหล่างเป็นซื่อจื่อได้เพียงคนเดียว บางทีอาจพอแก้ไขเรื่องนี้ได้บ้าง
“อู๋หมัวมัว!” เจี่ยงซื่อเอ่ยเรียก เมื่อเห็นอู๋หมัวมัวสีหน้าตื่นตระหนกเดินเข้ามาก็รีบสั่ง “เจ้ารีบไปยื่นป้ายที่วังหลวง พรุ่งนี้ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮา”
พออู๋หมัวมัวทำความเคารพเจี่ยงซื่อเสร็จก็รีบกล่าวขึ้น “ฮูหยิน แย่แล้วเจ้าคะ! พ่อบ้านสวีที่ดูแลจวนนอกมาขอพบข้าด้วยใบหน้าที่เต็มใบด้วยบาดแผลเจ้าค่ะ…บอกว่าวันนี้คนจากจวนเจิ้นกั๋วกงนำองครักษ์ฝีมือดีจำนวนหนึ่งบุกไปยังจวนที่เป็นสินเดิมของท่าน…นำสัญญาทาสจับตัวหมิงอวี้ไปแล้วเจ้าคะ!”
พอเจี่ยงซื่อได้ยินร่างที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นก็ทรุดลงไปที่เดิมจนแทบหมดสติไป
“ฮูหยิน! ฮูหยิน!” อู๋หมัวมัวรีบเข้าไปประคองเจี่ยงซื่อ
“จวนเจิ้นกั๋วกงรู้เรื่องแล้วหรือ พวกนั้นจะรู้เรื่องที่เรากดสาวใช้พวกนั้นจนจมน้ำตายด้วยหรือเปล่า” เจี่ยงซื่อกุมหน้าอกแน่นรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“แม้การที่นายจากตระกูลร่ำรวยตบตีบ่าวไพร่จนตายจะมิใช่เรื่องใหญ่ แต่หมิวอวี้รู้หมดทุกเรื่อง หากนางสารภาพกับจวนเจิ้นกั๋วกง ทางองค์หญิงใหญ่คงไม่ยอมจบง่ายๆ แน่เจ้าค่ะ…” อู๋หมัวมัวมองไปยังคุณหนูรองฉินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาด้วยความสงสาร
“ท่านแม่!” แค่นึกถึงบารมีขององค์หญิงใหญ่คุณหนูรองฉินก็กลัวจนเข่าแทบทรุดแล้ว ร้องไห้พลางกระตุกเสื้อของเจี่ยงซื่อ “ทำเช่นใดดีเจ้าคะ! หากองค์หญิงใหญ่ทรงทราบ พระองค์ไม่มีทางปล่อยข้ากับท่านพี่ไว้แน่เจ้าค่ะ!”