สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 275 หย่าร้าง
ไป๋จิ่นจื้อนั่งทานขนมอยู่ด้านในตัวเรือ พลางมองไปทางพี่หญิงใหญ่ที่กำลังสนทนาอยู่กับต่งฉางหยวนอยู่ตรงหัวเรือ สาวน้อยเอ่ยถามต่งถิงเจินเสียงเบา “เหตุใดพี่ฉางหยวนจึงผอมซูบถึงเพียงนี้เจ้าคะ กดดันเรื่องการสอบหรือเจ้าคะ”
ต่งถิงเจินพยักหน้าอย่างส่งๆ “ครั้งนี้ท่านพี่ฉางหยวนสอบได้ลำดับไม่ค่อยดีสักเท่าใดนัก คงกดดันกระมัง! หวังว่าพี่หญิงจะปลอบให้ท่านพี่ฉางหยวนคิดได้!”
“พี่หญิงใหญ่ของข้าปลอบได้แน่นอนเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ของข้ามีเหตุผลที่สุดในใต้หล้านี้แล้ว!”
ไป๋จิ่นจื้อยัดขนมใส่ปาก
ต่งฉางหยวนที่ยืนอยูหน้าหัวเรือก้มหน้ามองทะเลสาบนิ่งๆ เอ่ยขึ้น “ทราบว่าพี่หญิงกลับมาจากหนานเจียงอย่างปลอดภัย ฉางหยวนก็สบายใจแล้วขอรับ! ทว่า…บัดนี้ตัวแทนของแต่ละแคว้นล้วนเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว งานเลี้ยงวังหลวงในวันพรุ่งนี้ต้องมีทูตจากแคว้นอื่นสู่ขอพี่หญิงแน่ขอรับ ฉางหยวนกลัวว่าฮ่องเต้จะยกพี่หญิงให้ผู้ใดก็ไม่รู้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงขอร้องให้ท่านพี่ฉางเซิงช่วยให้ข้าได้พบหน้าพี่หญิงสักครั้ง ขอแค่พี่หญิงตกลง ข้าจะไปพบท่านป้าเดี๋ยวนี้ หากฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้พี่หญิงจริงๆ พี่หญิงจะได้มีเหตุผลปฏิเสธได้! หากวันหน้าพี่หญิงพบชายที่ถูกใจ ฉางหยวนจะให้ผู้ใหญ่ไปถอนหมั้นแน่นอนขอรับ”
ต่งฉางหยวนไม่ได้คิดหวังอยากได้ในตัวไป๋ชิงเหยียน ตอนที่เขารู้ว่าหญิงสาวได้รับชัยชนะกลับมาจากหนานเจียง เขาก็รู้แล้วว่าระยะห่างระหว่างเขากับหญิงสาวมีมากเกินไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีวันตามนางทัน
ไป๋ชิงเหยียนมองดูต่งฉางหยวนที่เอาแต่ก้มหน้า เอ่ยถามเสียงเบา “เพราะเรื่องการแต่งงานของข้าทำให้ท่านน้าชายกับท่านน้าสะใภ้ผิดใจกันอย่างนั้นหรือ”
ต่งฉางหยวนนึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดาได้ เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนอย่างประหลาดใจ จากนั้นขมวดคิ้วพลางหลบสายตาหนี
เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะรู้จักญาติผู้น้องต่งฉางหยวนได้ไม่นาน ทว่า นางไม่เชื่อว่าต่งฉางหยวนจะเสียสมาธิเพราะเรื่องความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว
ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงเดาว่าอาจจะเป็นเรื่องของนางที่ทำให้ท่านน้าชายและท่านน้าสะใภ้ทะเลาะกัน
ต่งฉางหยวนจึงเป็นกังวล
“ท่านแม่อยากให้ข้าหมั้นหมายกับญาติผู้น้องทางฝั่งมารดาของท่าน ทว่า ท่านพ่อของข้าไม่ตกลง ท่านย่าก็ไม่ตกลง พวกเขาอยากรอให้พี่หญิงกลับมาจากหนานเจียงก่อน ต่อมา เมื่อมีข่าวจากหนานเจียงส่งกลับมา ท่านแม่ของข้า…” ต่งฉางหยวนรู้สึกว่าถ้อยคำของมารดารุนแรงเกินไป ชายหนุ่มเม้มปากพลางกล่าวต่อ “ท่านแม่ของข้ากล่าววาจาไม่ค่อยน่าฟังนัก รู้สึกว่าท่านพ่อและท่านย่าลำเอียง ต้องการขัดขวางเรื่องแต่งงานของข้าโดยปล่อยให้ข้ารอพี่หญิงกลับมา ท่านแม่อาละวาดอย่างหนัก ท่านโมโหหนักกล่าวว่าจะ…หย่าขอรับ!”
มารดาของต่งฉางหยวนชุยซื่อกล่าววาจารุนแรงจริงๆ นางกล่าวว่าไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอมจำนนเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ จิตใจอำมหิต กล่าวว่าต่งเหล่าไท่จวินลำเอียงเกินไป ต้องให้หลานชายรอหลานสาวของตัวเองกลับมา หรือว่าต้องรอให้หลานสาวของต่งเหล่าไท่จวินแน่ใจว่าไม่ต้องการต่งฉางหยวนแล้วจริงๆ ถึงจะอนุญาตให้ต่งฉางหยวนแต่งงานกับคนอื่นได้ หากต่งเหล่าไท่จวินและสามีจะรังแกบุตรชายของนางถึงเพียงนี้ นางก็จะพาบุตรชายของนางกลับไปยังตระกูลฝั่งมารดา
ต่งชิงเยว่โมโหจึงเอ่ยปากว่าจะหย่ากับนาง
สรุปแล้วก็คือเรื่องวุ่นวายไม่เป็นเรื่อง
ดังนั้นต่งฉางหยวนจึงไม่มีสมาธิในการสอบครั้งนี้ เขาเสียใจเป็นอย่างมาก
ไป๋ชิงเหยียนนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องของนางจะทำให้ตระกูลของท่านยายทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โตถึงเพียงนี้
“ญาติผู้น้องฉางหยวนต้องการจะพบพี่เช่นนี้เพราะได้ยินข่าวอันใดมาจากท่านลุงใช่หรือไม่”
ต่งฉางหยวนพยักหน้า “ได้ยินมาว่าคณะทูตของซีเหลียงกำลังสืบข่าวเรื่องของพี่หญิงว่าหมั้นหมายแล้วหรือไม่ขอรับ”
ครั้งนี้องค์ชายจากต้าเหลียงเสด็จมายังต้าจิ้นด้วย ต่งฉางหยวนกลัวว่าหากไป๋ชิงเหยียนถูกองค์ชายจากต้าเหลียงสู่ขอ ไป๋ชิงเหยียนถูกบังคับฝืนใจแต่งงาน ต่อไปท่านย่าและท่านพ่อต้องโทษท่านแม่ของเขาอย่างแน่นอน
“ฉางหยวน…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกต่งฉางหยวนเสียงอ่อน “พี่สาบานไว้แล้วว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน จะอยู่ที่ตระกูลไป๋! เรื่องนี้มีต้นเหตุมาจากพี่ พี่จะเขียนจดหมายแสดงเจตนารมณ์ของพี่ไปให้ท่านยายและท่านน้าชาย! ท่านน้าชายและท่านน้าสะใภ้เป็นสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากกันมานาน พวกเขาแค่กล่าวเพราะความโกรธ เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย เจ้าควรจะเตรียมพร้อมสำหรับการสอบปากเปล่าให้ดี หากปล่อยให้เรื่องนี้ส่งผลต่ออนาคตของเจ้า ความบาดหมางระหว่างท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าจะยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม”
ร่างของต่งฉางหยวนสั่นเทาเล็กน้อย เขายืดตัวตรงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ต่งฉางหยวนน้อยๆ “หากญาติผู้น้องสอบได้ลำดับดีๆ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ท่านน้าชายและท่านน้าสะใภ้ต้องคืนดีกันอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นฉางหยวนค่อยหาโอกาสเหมาะๆ เข้าไปคุยกับพวกท่าน อธิบายให้เข้าใจเรื่องนี้ก็จบลงแล้ว”
“แล้วพี่หญิงเล่าขอรับ หากต้าเหลียงสู่ขอท่าน แล้วฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสจะทำเช่นไรขอรับ”
“ฮ่องเต้ยอมส่งองค์หญิงไปแต่งงาน แต่ไม่มีทางยอมให้พี่แต่งงานไปอยู่แคว้นอื่นอย่างแน่นอน อีกอย่างพี่เคยสาบานไว้ก่อนหน้านี้แล้ว คนทั้งเมืองหลวงต่างรับรู้กันดี ฮ่องเต้ไม่มีทางบังคับฝืนใจพี่ได้หรอก” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยปลอบต่งฉางหยวน
ต่งฉางหยวนเม้มปากคิดตาม จากนั้นโค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียน “ฉางหยวนคิดมากไปเอง ขอบพระคุณพี่หญิงที่ช่วยชี้แนะขอรับ”
“ฉางหยวนขยันหมั่นเพียรและมีความสามารถ แม้สอบข้อเขียนจะไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่พี่มั่นใจว่าฉางหยวนต้องสอบได้ลำดับที่ดีในการสอบปากเปล่าแน่นอน”
ต่งฉางหยวนฟังน้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนราวกับสายน้ำของไป๋ชิงเหยียน เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน เห็นใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ชายหนุ่มจึงพยักหน้า “ฉางหยวนจะไม่ทำให้พี่หญิงผิดหวังขอรับ”
…
วันนี้อากาศดี กระทั่งองค์ชายสี่เว่ยฉี่เหิงแห่งแคว้นต้าเหลียงยังออกมานั่งเรือเล่น เขาคิดว่าอาจบังเอิญพบเจอสตรีงดงามจากตระกูลสูงศักดิ์สักคนเอาไว้ผูกไมตรี ผู้ใดจะคิดว่าองค์ชายสี่ผู้สง่างามแห่งแคว้นต้าเหลียงขี่ม้ามาตลอดทาง เขาพบเจอสตรีสูงศักดิ์มากมาย ทว่า ไม่มีสตรีนางใดเข้าตาของเว่ยฉี่เหิงสักคน
องค์ชายสี่เว่ยฉี่เหิงเอนกายพิงเสาบนเรืออย่างเบื่อหน่าย ให้อาหารปลาในน้ำอย่างไม่มีอันใดทำ เขามองไปรอบๆ กายอย่างหมดสนุก เห็นเรือของตระกูลต่งแล่นผ่านหน้าไปพอดี
เว่ยฉี่เหิงเหลือบมองไปยังเรือที่แล่นผ่านเรือของเขาแวบหนึ่ง มองไม่ค่อยเห็นอันใด…ทว่า ขณะที่เรือแล่นผ่านไปจนถึงท้ายเรือ บุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ปรากฏแก่สายตาเขา เว่ยฉี่เหิงตะลึงงัน กวาดสายตามองตามสตรีร่างผอมเพรียวที่กำลังสนทนาอยู่กับบุรุษรูปงามผู้นั้น
ต้นหลิวบนฝั่งพัดเอนไปมา กระแสน้ำในทะเลสาบกระเพื่อมเล็กน้อย แขนเสื้อของสตรีนางนั้นปลิวสยายตามแรงลม มองดูไกลๆ ราวกับเทพธิดาที่กำลังจะลอยกลับสรวงสวรรค์ งดงามราวกับภาพวาดที่ไม่มีตัวตน
“นั่น…นั่นใช่หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฝูหรือไม่” เว่ยฉี่เหิงหันกลับไปตะโกนถามองครักษ์และคนบังคับเรือ “เร็วๆ รีบตามเรือลำนั้นไปเร็วเข้า!”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึงจวนไป๋ ป้ายจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ถูกแขวนแทนป้ายจวนไป๋เรียบร้อยแล้ว
เรื่องที่นางได้รับการแต่งตั้งเป็นเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนมายินดีที่จวนไม่หยุดหย่อน
เมื่อเดินมาถึงเรือนชิงฮุย ถงหมัวมัวกำลังสั่งให้บ่าวรับใช้เปลี่ยนผ้าม่าน อากาศอุ่นลงแล้ว เปลี่ยนเป็นผ้าม่านสีอ่อนจะทำให้รู้สึกสบายขึ้น
ต่งซื่อสั่งให้คนนำของกำนัลทั้งหมดที่ผู้คนส่งมายินดีมาที่เรือนชิงฮุย ขณะที่ฉินหมัวมัวกำลังช่วยชุนเถาจดรายละเอียดของกำนัลทั้งหมดบันทึกลงในคลังเก็บของ นางเปิดดูของที่เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยส่งมา ทว่า กลับเห็นว่าในกล่องไม้มะฮอกกานีมีเพียงแหวนปานจื่อวงหนึ่งและจดหมายอีกหนึ่งฉบับ
ฉินหมัวมัวตะลึงงัน รีบนำกล่องไม้มะฮอกกานีไปให้ไป๋ชิงเหยียนพร้อมกับชุนเถา
ไป๋ชิงเหยียนได้ฟังจึงวางพู่กันในมือลง “หมัวมัวเอามาให้ข้าดูหน่อย…”