สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 302 กว้างไกล
ไป๋ชิงเหยียนเห็นว่าต่งซื่อเสียใจจริงๆ หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าให้มารดา กล่าวปลอบ “ทว่า เรื่องวาสนามันไม่แน่ไม่นอน หากวันใดข้าเจอคนที่เหมาะสมที่จะแต่งเข้าตระกูล และข้าชอบพอในตัวเขา ข้าจะไม่ปิดบังท่านแม่ จะรีบบอกท่านแม่เป็นคนแรกเลยเจ้าค่ะ ดีหรือไม่เจ้าคะ”
“จริงๆ นะ” ต่งซื่อรับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของไป๋ชิงเหยียนแล้วซับน้ำตาบริเวณหางตา
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “อาเป่าเคยโกหกท่านแม่ด้วยหรือเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าทำให้ต่งซื่อไม่สบายใจอีกจึงถามเปลี่ยนเรื่อง
“พรุ่งนี้มีสอบหน้าพระที่นั่ง ฉินหล่างและน้องฉางหยวนล้วนลงสอบ คนหนึ่งคือเขยของตระกูลเรา อีกคนคือหลานชายแท้ๆ ของท่านแม่ ท่านแม่เตรียมของขวัญไว้แล้วหรือไม่เจ้าคะ”
“ให้คนนำไปให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ต่งซื่อกล่าวถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมา
“หวังว่าครั้งนี้ฉางหยวนจะไม่เสียสมาธิอีก หลานชายสองคนของเสนาบดีหลู่และหลานชายของราชครูเฉินล้วนเป็นตัวเต็งในการสอบครั้งนี้ ทว่า ขอแค่ฉางหยวนของเรามีสติ คงผ่านจิ้นซื่อ[1]ขั้นที่สองได้อย่างไม่มีปัญหา”
ราชครูเฉินเคยได้ตำแหน่งจ้วงหยวนมาก่อน จงซูซื่อหลาง[2]ซึ่งเป็นบุตรชายของเขาก็เคยได้ตำแหน่งจ้วงหยวน หากครั้งนี้หลานชายของเขาได้ตำแหน่งนี้ไปเช่นเดียวกัน เขาจะกลายเป็นตระกูลจ้วงหยวนขึ้นมาทันที
ส่วนอัครมหาเสนาบดีหลู่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง เขาเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ได้ตำแหน่งทั่นฮวาผู้รูปงามในตอนนั้น บุตรชายก็สอบได้จิ้นซื่อขั้นที่สอง
“น้องฉางหยวนเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ผู้เฒ่าหลู ข้าคิดว่าอย่างน้อยน้องฉางหยวนก็คงได้ตำแหน่งทั่นฮวาเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกอดแขนต่งซื่อพลางเอ่ยปลอบ
“ดังนั้นท่านแม่เตรียมของขวัญแสดงความยินดีให้ญาติผู้น้องฉางหยวน และน้องเขยรองฉินหล่างอย่างสบายใจเถิดเจ้าค่ะ!”
แต่ไรมาผู้ที่ได้รับตำแหน่งทั่นฮวาล้วนเป็นบุรุษรูปงาม ต่งฉางหยวนไม่เพียงแต่มีบุคลิกภาพที่ดี แต่เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามอ่อนโยนอีกด้วย ทว่า อาจเด็กไปสักหน่อยเท่านั้น
แต่ก็เพราะยังเด็กอยู่นี่แหล่ะ อนาคตถึงยังกว้างไกล
หญิงสาวเชื่อว่าหากไม่มีเรื่องของตระกูลไป๋เป็นตัวถ่วงท่านลุงและท่านน้าชาย ตระกูลต่งมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ไป๋ชิงเหยียนส่งต่งซื่อกลับเรือนของตัวเอง เมื่อเดินออกมาก็เห็นสาวใช้ของเรือนชิงฮุยวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาอย่างรีบร้อน
เมื่อสาวใช้เห็นไป๋ชิงเหยียนก็รีบทำความเคารพ จากนั้นกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คนเฝ้าประตูมารายงานว่าทางวังหลวงส่งคนมาบอกว่ามีเรื่องด่วนทางทหาร ให้คุณหนูใหญ่รีบเข้าวังด่วนเจ้าค่ะ”
เรื่องด่วนทางทหารอย่างนั้นหรือ
บัดนี้ต้าจิ้นทำสัญญาสงบศึกกับซีเหลียงแล้ว หรงตี๋กำลังขัดแย้งกันเองภายใน ต้าเยี่ยนมอบตัวประกันให้ต้าจิ้น กระทั่งจักรพรรดิต้าเยี่ยนเองก็ยังประทับอยู่ที่ต้าจิ้น
เช่นนั้นก็คงเหลือเพียง…ต้าเหลียง
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่กองทัพของพวกนางจะเดินทางกลับมายังเมืองหลวง รัชทายาทกล่าวกับนางว่าต้าเหลียงนำกองทัพมาประชิดชายแดนของต้าจิ้นโดยยังไม่รู้สาเหตุ ตอนนี้คงรู้จุดประสงค์ที่ชัดเจนแล้วว่าพวกเขามุ่งเป้ามาที่ต้าจิ้น
ทว่า องค์ชายสี่ของต้าเหลียงยังอยู่ในเมืองหลวงของต้าจิ้น ต้าเหลียงเริ่มลงมือตอนนี้…ไม่กลัวว่าต้าจิ้นจะจับองค์ชายสี่ไว้เป็นตัวประกันอย่างนั้นหรือ
ชุนเถาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนซึ่งกำลังใช้ความคิดอยู่ ในใจไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนไป นางกลัวว่าหากไป๋ชิงเหยียนไป…หญิงสาวต้องไปออกรบอีก
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปหาชุนเถา “พอข้าจากไป เจ้าไปเรียนให้ท่านแม่ทราบด้วย อย่าให้ท่านเป็นกังวล ข้าจะพยายามกลับมาให้เร็วที่สุด”
ชุนเถาพยักหน้า “เจ้าค่ะ!”
วังหลวงส่งคนมาแจ้งข่าวว่าเป็นเรื่องด่วนทางทหาร ไป๋ชิงเหยียนจึงขี่ม้าเร็วไปยังวังหลวง
เมื่อหญิงสาวไปถึง รัชทายาท จางตวนรุ่ย อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่า อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาหลู่เซียง เสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจง เสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่ง รองเสนาบดีกรมทหาร รองเสนาบดีกรมการคลังล้วนอยู่กันครบ
เสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจงและเสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งกำลังยืนทะเลาะกันอยู่หน้าแผนที่ซึ่งขันทีนำออกมาวางอย่างไม่ยอมลงให้กันแต่อย่างใด
เดิมทีเสียงของเสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจงก็ดังมากอยู่แล้ว เขาตะคอกใส่หน้าเสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด “ต้าเหลียงตั้งกองทัพอยู่ที่ภูเขาหงเชวี่ยซึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่างต้าเหลียง และต้าจิ้น สายลับที่ต้าเหลียงส่งมาสืบแผนที่ และกองกำลังทหารของต้าจิ้นที่ภูเขาชุนมู่ถูกจับตัวได้หมดแล้ว เจ้ายังบอกว่าทำสงครามไม่ได้อีกหรือ!”
เสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งถูกตะคอกจนน้ำลายกระเด็นเต็มใบหน้า เขาสะบัดแขนเสื้อพลางถอยหลังไปสามก้าวเพื่อเว้นระยะห่างจากเสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจง จากนั้นกล่าวขึ้น “สงครามที่หนานเจียงในครั้งนี้ กรมทหารของพวกเจ้าลองบอกมาสิว่าทำทหารตายไปเท่าใด เราไม่ต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ทหารที่ตายไปเหล่านี้หรืออย่างไร ซีเหลียงยังไม่ได้ส่งเงินชดใช้มาให้ คณะทูตจากแคว้นต่างๆ เดินทางมาร่วมอวยพรงานคล้ายวันประสูติของฮ่องเต้ พวกเราต้องดูแลพวกเขาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรพรรดิต้าเยี่ยนเสด็จมาด้วยพระองค์เองเช่นนี้อีก กรมการคลังไม่อยากให้แคว้นอื่นดูแคลนแคว้นของเรา พวกเราจัดงานนี้อย่างสุดความสามารถแล้ว กรมทหารของพวกเจ้าอยากได้เสบียงอย่างนั้นหรือ…ข้าจะไปหาเสบียงจากที่ใดมาให้พวกท่านกัน!”
“ฝ่าบาท คุณหนูใหญ่ไป๋มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เกาเต๋อเม่าเข้าไปใช้มือป้องปากกระซิบข้างหูของฮ่องเต้
ฮ่องเต้เขวี้ยงฎีกาไปบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด จากโบกมืออย่างเหลืออด “ให้นางเข้ามา!”
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามา เสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจงจึงไม่โวยวายอีก เขาถอยหลังไปยืนอยู่ด้านข้าง มองดูไป๋ชิงเหยียนคุกเข่าคำนับฮ่องเต้อย่างนอบน้อม
รัชทายามองฮ่องเต้แวบหนึ่ง เมื่อเห็นพระองค์พยักหน้า เขาจึงรีบกล่าวขึ้น “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่รีบลุกขึ้นเถิด! เมื่อครู่เสด็จพ่อได้สารลับมาหนึ่งฉบับ กล่าวว่าต้าเหลียงตั้งกองทัพอยู่ที่ภูเขาหงเชวี่ย แถมยังส่งสายลับมาสืบแผนที่และกองกำลังที่ภูเขาชุนมู่อีกด้วย เหล่าขุนนางตกลงกันไม่ได้ เราเลยทูลขอให้เสด็จพ่อเชิญเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาร่วมปรึกษาหารือด้วยกัน”
ตอนอยู่นอกตำหนัก ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งอวดครวญว่าไม่มีเงินทำสงคราม
ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง…
หญิงสาวนึกถึงเรื่องที่ต้าเยี่ยนจะให้ความช่วยเหลือหรงตี๋ขึ้นมาได้ คาดเดาว่าองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงที่ถูกต้าจิ้นจับเป็นตัวประกันผู้นี้อาจเป็นหมากตัวหนึ่งของเซียวหรงเหยี่ยน เพื่อให้ต้าจิ้นเข้าไปพัวพันกับต้าเหลียง…ต้าเยี่ยนของพวกเขาจะได้มีเวลาจัดการกับหรงตี๋อย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งใดต้องกังวล
ต้าเยี่ยนสนับสนุนหรงตี๋ สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลที่สุดก็คือต้าเหลียงและต้าจิ้น หากต้าเหลียงกับต้าจิ้นทำสงครามกัน สองแคว้นนี้จะได้ไม่มีเวลามาสร้างปัญหาให้ต้าเยี่ยนตอนที่ต้าเยี่ยนช่วยเหลือหรงตี๋ สามารถทำให้ต้าเหลียงและต้าจิ้นสูญเสียทั้งสองแคว้น ถึงตอนนั้นต้าเยี่ยนจะได้ครอบครองหรงตี๋ ทว่า ต้าจิ้นและต้าเหลียงก็สูญเสียกำลังทหารไปไม่น้อยแล้ว คงไม่มีเวลาสนใจ…หรือกล่าวได้ว่าไม่มีแรงมาสนใจความเคลื่อนไหวของต้าเยี่ยนแล้ว
ใจของไป๋ชิงเหยียนกระตุกวูบ
ไป๋ชิงเหยียนไม่กลัวการทำสงคราม ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนจากการทำสงคราม
การทำสงครามคือการล้างผลาญเงิน เสบียงและกำลังคน
กรมการคลังไม่มีเงินก็ต้องเก็บภาษีจากชาวบ้านมากขึ้น
กรมทหารไม่มีคนก็ต้องเกณฑ์ชาวบ้านมาออกรบ
แคว้นต้าจิ้นไม่จำเป็นต้องทำสงครามในครั้งนี้
“ภูเขาหงเชวี่ยติดกับเขตชายแดนของต้าจิ้นก็จริง แต่ก็ติดกับชายแดนของหรงตี๋เช่นเดียวกัน บางทีต้าเหลียงอาจเตรียมให้การช่วยเหลือหรงตี๋ก็ได้เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเบา
“ไม่น่าใช่ จักรพรรดิต้าเยี่ยนรับปากว่าจะช่วยเหลือเป่ยหรงฟื้นฟูระบอบการปกครองเดิมแล้ว จักรพรรดิต้าเยี่ยนตรัสกับเสด็จพ่อเอง กองทัพหลักของต้าเยี่ยนออกเดินทางจากหู้อี้ผ่านเขตชายแดนของแคว้นเราไปยังเป่ยหรง” รัชทายาทยืนเอามือไขว้หลัง มองฮ่องเต้จากนั้นกล่าวต่อ “เดิมทีเรายังคิดว่าต้าเยี่ยนอาจถือโอกาสนี้ยึดครองหรงตี๋ ทว่า เสด็จพ่อทรงพระปรีชาชาญ เตือนเราว่าโอรสที่เกิดจากฮองเฮาของจักรพรรดิต้าเยี่ยนเป็นตัวประกันอยู่ที่ต้าจิ้น ต้าเยี่ยนเป็นแคว้นที่ยากจน พวกเขาคงอยากช่วยเหลือเป่ยหรงเพื่อแลกกับผลประโยชน์บ่างอย่างเท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง ลอบถอนหายใจในใจ ช่างฉลาดจริงๆ! เรียกว่าคิดไปเองว่าฉลาดได้หรือไม่นะ
ที่จักรพรรดิต้าเยี่ยนส่งตัวประกันให้ต้าจิ้นก็เพราะต้องการลดความหวาดระแวงของต้าจิ้นลง
ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิต้าเยี่ยนหรือเซียวหรงเหยี่ยนล้วนเป็นคนมีความทะเยอทะยาน และโหดร้ายด้วยกันทั้งคู่
———————————————
[1] จิ้นซื่อ ผู้ที่ผ่านการสอบหน้าพระตำหนักจะเรียกว่าจิ้นซื่อ โดยจิ้นซื่อแบ่งออกเป็นสามลำดับ จิ้นซื่อขั้นที่หนึ่ง ซึ่งมีเพียงสามคน คือ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยนและทั่นฮวา จิ้นซื่อขั้นที่สอง และจิ้นซื่อขั้นที่สาม
[2] จงซูซื่อหลาง ทำงานในสำนักเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้ช่วยของจงซูลิ่งหรือหัวหน้าฝ่ายขวา