สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 305 ประกาศผล
“ตอนที่บ่าวกลับมา บ่าวบังเอิญเจอกับหลัวหมัวมัวที่เพิ่งไปส่งคุณหนูรองที่จวนฉินกลับมา หลัวหมัวมัวเล่าให้บ่าวฟังว่าคุณหนูรองบังเอิญเจอกับฮูหยินรองของจวนโซ่วซานปั๋วระหว่างทางกลับจวนเจ้าค่ะ”
“คุณหนูรองแสร้งทำทีเป็นโมโห กล่าวว่าชุนซิ่งหวังสูงอยากไปเป็นอนุที่จวนเสนาบดีกรมการคลัง อีกทั้งเล่าเรื่องที่ชุนซิ่งขโมยของดูต่างหน้าของฮองเฮาองค์ก่อนจากคุณหนูใหญ่ไปเป็นสินเดิมของตัวเองด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูรองกล่าวว่าจะรีบกลับไปดูว่าจวนของตัวเองมีบ่าวรับใช้ที่ก่อนหน้านี้ตระกูลไป๋จัดหามาให้และเลี้ยงไม่เชื่องอย่างชุนซิ่งอยู่บ้างหรือไม่ หากมีจะไม่กล้าใช้อีกเจ้าค่ะ”
ถงหมัวมัวกล่าวจบก็ยิ้มออกมา “คุณหนูรองคงกลัวว่าหากต่อไปชุนซิ่งทำเรื่องขายหน้าอันใดขึ้นมา ผู้อื่นจะคิดว่าเป็นความผิดของคุณหนูใหญ่จึงช่วยจัดการเรื่องนี้แทนคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ คุณหนูรองช่างหวังดีต่อคุณหนูใหญ่จริงๆ เจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก “ชุนซิ่งคงไม่ได้เป็นอนุจวนเสนาบดีกรมการคลังแล้ว”
ถงหมัวมัวไม่ได้ถามต่อว่าเหตุใดชุนซิ่งจึงไม่ได้เป็นอนุจวนเสนาบดีแล้ว ในเมื่อคุณหนูใหญ่ของนางบอกว่าไม่ได้เป็น ชุนซิ่งต้องไม่ได้เป็นแน่ๆ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ถงหมัวมัวก็นึกถึงมารดาของชุนซิ่งที่ออกโรงปกป้องชุนซิ่งอย่างออกนอกหน้าในวันนี้ขึ้นมา หากมารดาของชุนซิ่งรู้ว่าชุนซิ่งไม่มีโอกาสได้แต่งเข้าไปเป็นอนุจวนเสนาบดีกรมการคลัง อีกทั้งไม่ได้เป็นสาวใช้ใหญ่ข้างกายของจวิ้นจู่แล้ว ต่อไปคงไม่มีตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลใดกล้าใช้ครอบครัวของชุนซิ่งอีก มารดาของนางจะจัดการกับชุนซิ่งเช่นไรกันนะ
วันนี้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเรื่องนี้ต่อหน้าฮ่องเต้ อีกทั้งกล่าวออกมาต่อหน้าองค์รัชทายาทและเสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งด้วย ไม่ว่าฉู่จงซิ่งและหลี่เม่าตั้งใจจะหลอกใช้ชุนซิ่งทำสิ่งใด บัดนี้ชุนซิ่งก็เป็นเพียงหมากที่ไร้ประโยชน์แล้ว
หากกล่าวตามตรง ชุนซิ่งไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อนาง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่อาจเอาตระกูลไป๋เข้าไปเสี่ยงอันตรายได้ เมื่อรู้ว่าฉู่จงซิ่งและหลี่เม่าวางแผนหลอกใช้ชุนซิ่งมาทำร้ายตระกูลไป๋หรือทำร้ายนาง นางจึงเลือกที่จะสละชุนซิ่งทิ้ง
ตอนนั้นท่านปู่ของนางเมตตาขอให้ฮ่องเต้ไว้ชีวิตลู่เทียนจัว ทว่า ลู่เทียนจัวกลับวกกลับมาเอาชีวิตของนาง
ดังนั้น ความเมตตาและปราณี มีเพียงคนที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากพอเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะมอบมันให้ผู้อื่นได้ บัดนี้นางเป็นเพียงแมงเม่าที่ยังเอาตัวเองไม่รอด นางไม่มีความเมตตาหลงเหลือให้ผู้อื่น หากมีสิ่งนั้นไม่สู้เอามาสงสารตัวเองและคนในครอบครัวดีกว่า
แม้จะจัดการเรื่องชุนซิ่งเรียบร้อยแล้ว ทว่า หากฉู่จงซิ่งและหลี่เม่าต้องการจัดการนางขึ้นมาจริงๆ แค่การกำจัดชุนซิ่งไม่ได้ทำให้พวกเขาเดือดร้อนสักเท่าใด ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีสิ่งใดรอนางอยู่ในภายภาคหน้ากันแน่
ด้านหลังของนางคือเหล่าสตรีของตระกูลไป๋ หากนางไปจากเมืองหลวง…แล้วหลี่เม่าและฉู่จงซิ่งทำสิ่งใดขึ้นมา ตอนนั้นคงยากที่จะแก้ไขได้แล้ว
“ถงหมัวมัวให้ลุงผิงส่งคนที่ไว้ใจได้ไปแฝงตัวสืบข่าวตามโรงเหล้าต่างๆ ที่เหล่าบัณฑิตที่มาสอบขุนนางคราวนี้ชุมนุมกันอยู่ด้วยเถิด ไปสืบดูว่ามีบัณฑิตที่มากความสามารถ อนาคตไกลแต่สอบไม่ติดอยู่บ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งถงหมัวมัวอย่างละเอียด “สืบดูว่ามีผู้ใดบ่นว่าการสอบครั้งนี้ไม่ยุติธรรมบ้างหรือไม่”
ทุกปีของการสอบชุนเหวยมักจะมีบัณฑิตผู้ทะนงไม่ยอมรับผลการสอบ มีการทุจริตข้อสอบเกิดขึ้นทุกปี เพียงแค่ไม่มีคนกล้าเปิดโปงเรื่องนี้ออกมาเท่านั้น บางคนเคยอาละวาด…ทว่า พวกเขากลับหายสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างลึกลับ ไม่ก็ยอมจำนนต่ออำนาจเงินทองที่มากองอยู่ตรงหน้า
หลายปีมานี้ ตระกูลสูงศักดิ์ต่างติดสินบนให้ผู้จัดสอบ เหล่าบัณฑิตยากจนจึงสอบติดน้อยลงทุกปี ไม่มีโอกาสแสดงความสามารถของตนเองออกมา
แม้การที่ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งเริ่มเตรียมการตอนนี้อาจจะดูช้าไปหน่อย แต่ก็ยังไม่สายเกินไป
หากสืบได้ว่ามีการทุจริตในการสอบครั้งนี้ บัณฑิตเหวินเจิ้นคังจากสำนักฮั่นหลินซึ่งเป็นผู้คุมสอบ…และเป็นพวกของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายคงไม่รอด หากสูญเสียบัณฑิตเหวินเจิ้นคังที่มีความสามารถในการเป่าหูฮ่องเต้ไป อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายก็คงเหมือนถูกตัดแขนไปข้างหนึ่ง
แววตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่งสงบราวกับสายน้ำ ในเมื่อหลี่เม่าเอื้อมมือเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของนางถึงเพียงนี้ นางก็จะทำให้หลี่เม่ารับรู้ความเจ็บปวดจากการโดนตัดแขน
“นอกจากนี้ส่งคนไปจับตาดูตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ต่างๆ ในเมืองหลวงที่มีลูกหลานเข้าสอบในครั้งนี้เอาไว้ด้วย สืบว่ามีตระกูลใดบ้างที่ซื้อกระดาษแดงสำหรับห่อเงินรางวัล พลุและจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองล่วงหน้าแล้วบ้าง”
ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวสำทับ “จากนั้นสืบดูว่าตระกูลใดซื้อข้าวสารจำนวนมากล่วงหน้าเพื่อเตรียมบริจาคทานก่อนการสอบหน้าพระที่นั่งจะสิ้นสุดลงบ้าง…”
แต่ไรมาหากบุตรหลานของตระกูลสูงศักดิ์เข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่ง พวกเขาจะเตรียมห่อเงินใส่กระดาษสีแดง เตรียมพลุและงานเลี้ยงฉลองภายในครอบครัว เมื่อบุตรหลานสอบเสร็จแล้วคิดว่าตนเองน่าจะสอบผ่าน ตระกูลนั้นๆ ก็จะรีบส่งคนไปซื้อข้าวสารจำนวนมากเอาไว้ เมื่อประกาศผลสอบ พวกเขาจะฉลองครั้งยิ่งใหญ่ บริจาคเงินและทำโจ๊กแจกทาน ยิ่งสอบได้จิ้นซื่อขั้นที่สอง…ยิ่งต้องฉลองอย่างยิ่งใหญ่
ทว่า หากได้จิ้นซื่อขั้นที่สาม พวกเขาจะแจกแค่เงินรางวัลเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น
หลายปีมานี้ตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ในเมืองหลวงติดสินบนกันจนเคยชินแล้ว เบื้องล่างไม่มีผู้ใดกล้าออกมาคัดค้าน เบื้องบนก็ไม่มีคนควบคุม ตระกูลสูงศักดิ์จึงยิ่งได้ใจ ต่างจัดเตรียมงานฉลองก่อนที่จะประกาศผลสอบเพราะกลัวจะเตรียมงานไม่ทัน หรือกลัวว่าบุตรหลานของตัวเองได้ลำดับดีกว่าแต่จัดงานยิ่งใหญ่สู้ตระกูลอื่นไม่ได้แล้วจะโดนดูถูกเอาได้
ดังนั้นหากสืบจากการเคลื่อนไหวของตระกูลเหล่านี้ ก็คงพอจะเดาได้ว่าผู้ใดจะติดหนึ่งในสิบอันดับแรกบ้าง
ถงหมัวมัวพยักหน้า “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ”
วันรุ่งขึ้นคือการสอบหน้าพระที่นั่ง ฮูหยินสองหลิวซื่อมองส่งไป๋จิ่นซิ่วและฉินหล่างจากไป จากนั้นเข้าไปสวดมนต์ขอพรอยู่กับฮูหยินสี่ที่โถงบูชาเล็ก
ตกเย็น ทุกคนมานั่งทานอาหารร่วมกันอย่างครึกครื้นอยู่ที่เรือนขององค์หญิงใหญ่ ฮูหยินสามหลี่ซื่อเล่าเรื่องนี้ให้องค์หญิงใหญ่ฟัง ฮูหยินสองหลิวซื่อแย้งว่าตนแค่อยากหาที่พึ่งให้ใจสงบเท่านั้น
เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จกลับไปที่เรือน กระทั่งต่งซื่อเองก็สวดมนต์ขอพรให้ให้ต่งฉางหยวนและฉินหล่างสอบได้ลำดับดีๆ เช่นกัน
หลิ่วซื่อนอนไม่หลับ วันต่อมานางส่งคนไปสืบข่าวหลายต่อหลายครั้ง จวบจนชุ่ยปี้สาวใช้ข้างกายของไป๋จิ่นซิ่วรายงานกลับมา นางจึงสบายใจ
การสอบหน้าพระที่นั่งสบายกว่าการสอบครั้งอื่นๆ มาก เพราะเป็นการสอบต่อหน้าพระพักตร์
ฮ่องเต้เป็นคนตั้งหัวข้อ ประทับจิบชาอยู่บนบัลลังก์มังกร กวาดตามองดูบุรุษมากมายนั่งเรียงรายอยู่หน้าท้องพระโรง เขารู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วจริงๆ
คงเป็นเพราะคิดเช่นนี้จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ฮ่องเต้ขี้เกียจลุกไปเดินดู โบกมือสื่อให้องค์รัชทายาทรับช่วงต่อ
เพราะฉินหล่างคือน้องเขยของไป๋ชิงเหยียน องค์รัชทายาทจึงหยุดอยู่ที่ฉินหล่างนานหน่อย ทว่า เขาไม่ได้เพ่งมองว่าฉินหล่างเขียนสิ่งใด เพียงแค่รู้สึกว่าลายมือของชายหนุ่มสะอาดสะอ้านดี
เมื่อการสอบหน้าพระที่นั่งจบลง ฮูหยินสองหลิวซื่อส่งคนไปสอบถามสถานการณ์ แม้ตอนนี้ฉินหล่างจะไม่รู้ว่าตนจะสอบได้ลำดับที่เท่าใด ทว่า เขาคิดว่าเขาทำเต็มที่ที่สุดแล้ว เพียงแต่คราวนี้มีคนมีความสามารถมากมาย จะได้ลำดับที่เท่าใดปล่อยให้สวรรค์ลิขิตก็แล้วกัน
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับรู้สึกว่าฉินหล่างคงได้ลำดับต้นๆ
ฉินหล่างคือคนที่ฮ่องเต้เคยตรัสชมไว้ว่าเป็นแบบอย่างของบุรุษตระกูลสูงศักดิ์ ผู้คุมสอบต้องเห็นแก่ฮ่องเต้อยู่แล้ว
ผลสอบจะติดประกาศในวันมะรืน