สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 308 โมโหมากกว่าเดิม
ไม่นาน เกาเต๋อเม่าวิ่งเข้ามาด้านในพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าของตัวเอง คุกเข่าลงบนพื้น รายงาน
“ทูลฝ่าบาท ผู้ที่ตีกลองเติงเหวินในครั้งนี้คือบัณฑิตที่สอบไม่ผ่านการสอบครั้งนี้พะย่ะค่ะ พวกเขาฟ้องว่าการสอบครั้งนี้มีการทุจริต ขอให้ฝ่าบาทคืนความยุติธรรมแก่พวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ชะงักไปเล็กน้อย ความหงุดหงิดในใจลดลง สีพระพักตร์เคร่งขรึม “เหล่าบัณฑิตมีหลักฐานหรือไม่”
“ทูลฝ่าบาท ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่แกนนำที่อยู่ด้านนอกตะโกนว่าเจ็ดในสิบอันดับแรกของการสอบครั้งนี้ล้วนเป็นลูกหลานตระกูลขุนนางชั้นสูงพ่ะย่ะค่ะ มีหลู่หยวนชิ่ง หลู่หยวนเป่า เฉินเจาลู่ อู่อันปัง จางรั่วไหว หลินเฉาตงและวังเฉิงอวี้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขาไม่สงสัยในความสามารถของหลู่หยวนชิ่ง หลู่หยวนเป่าและเฉินเจาลู่ ทว่า คนไร้ความสามารถอย่างอู่อันปัง จางรั่วไหว หลินเฉาตงและวังเฉิงอวี้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
เกาเต๋อเม่าเงยหน้ามองใบหน้าที่เคร่งขรึมลงทุกทีของฮ่องเต้ กล่าวต่อ “แกนนำยังกล่าวอีกว่าก่อนที่จะประกาศผลสอบ วังเฉิงอวี้และหลินเฉาตงที่ซื้อจวนในเมืองหลวง อีกทั้งอู่อันปังที่อาศัยอยู่จวนท่านตาล้วนซื้อข้าวของสำหรับฉลองและข้าวสารสำหรับทำโจ๊กบริจาคทานไว้ล่วงหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ
หลู่หยวนชิ่ง หลู่หยวนเป่า เฉินเจาลู่ อู่อันปัง จางรั่วไหว หลินเฉาตงและวังเฉิงอวี้ เจ็ดคนนี้คือเจ็ดในสิบของรายชื่อเมื่อครู่นี้ชัดๆ!
ฮ่องเต้ขบกรามถาม “เหวินเจิ้งคังและรองผู้คุมสอบอยู่ที่ใด ให้ทหารรักษาพระองค์ไปจับตัวพวกเขามาเดี๋ยวนี้ ห้ามพวกเขาออกนอกวังเด็ดขาด!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เกาเต๋อเม่ารีบวิ่งออกไปด้านนอก
เกาเต๋อเม่าคือขันทีใหญ่ข้างกายของฮ่องเต้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่ามีการทุจริตในการสอบ ตระกูลสูงศักดิ์ติดสินบนผู้คุมสอบ ให้ผู้อื่นเข้าไปสอบแทนมีให้เห็นอยู่ถมไป
การสอบคราวที่แล้วเกาเต๋อเม่าก็รู้สึกแล้วว่าหากขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ยังทำเช่นนี้ต่อไป ฮ่องเต้ต้องทรงทราบเรื่องนี้ในสักวัน นึกไม่ถึงเลยว่า…ครั้งนี้จะทรงทราบเรื่องแล้วจริงๆ
ฮ่องเต้พยายามข่มโทสะเอาไว้ น้ำเสียงเยือกเย็นจนคนฟังเสียวสันหลังวูบ “รัชทายาท เจ้าไปนำข้อสอบของการสอบหน้าพระที่นั่งครั้งนี้มาให้เราทั้งหมด ส่งคนไปตามอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน ขุนนางสำนักศึกษาและบัณฑิตชั้นสูงมาที่นี่ทั้งหมด จากนั้นเจ้าจับตาดูพวกเขาให้พวกเขาตรวจสอบข้อสอบทุกฉบับอย่างละเอียด”
“ลูกรับทราบพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทรับคำพลางออกไปจัดการอย่างเร่งรีบ
ฮ่องเต้พิโรธจนร่างสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง หากมีการทุจริตในการสอบครั้งนี้จริงๆ เหวินเจิ้งคงสมควรตาย!
เหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงยังไม่จากไป จักรพรรดิต้าเยี่ยนจะออกเดินทางกลับแคว้นในวันพรุ่งนี้ เหวินเจิ้งคังก่อคดีทุจริตในการสอบขึ้นมาเช่นนี้ช่างทำให้เขาขายหน้าจริงๆ
ที่สำคัญการสอบขุนนางมีไว้เพื่อคัดสรรคนมีความสามารถมาช่วยพัฒนาและดูแลแคว้น แม้เขาจะชอบขุนนางขี้ประจบประแจง ไม่ชอบขุนนางที่มากความสามารถและมีบารมีเหนือเขาอย่างเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง ทว่า เขาก็รู้ดีว่าหากราชสำนักไม่มีคนมีความสามารถเลยหรือขาดคนมีความสามารถไป แคว้นต้าจิ้นก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้
“เรียกตัวผู้พิพากษาศาลต้าหลี่หลู่จิ้นมาด้วย!” ฮ่องเต้เบิกตาโพลง แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร
นอกประตูอู่เต๋อเหมิน เหล่าบัณฑิตที่สอบไม่ผ่านในครั้งนี้ต่างทยอยกันมาคุกเข่าตะโกนร้องว่ามีการทุจริตการสอบอยู่ที่หน้าประตูวัง ขอร้องให้ฮ่องเต้คืนความยุติธรรมให้พวกเขา เสียงอึกทึกครึกโครมเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงในทันที
ตระกูลสูงศักดิ์ที่ถูกกล่าวหาต่างเริ่มกระสับกระส่าย อยากทำลายของเฉลิมฉลองที่เตรียมไว้ล่วงหน้า แต่ก็กลัวจะถูกผู้อื่นจับได้เสียก่อน พวกเขาเริ่มนั่งไม่ติด ไม่รู้จะทำเช่นไรดี
ขนาดหลู่เซียงยังกระสับกระส่ายเช่นเดียวกัน เขาเรียกบรรดาลูกชายลูกสะใภ้ทั้งสี่มารวมตัวกัน สอบถามพวกเขาว่ามีการติดสินบนผู้คุมสอบบ้างหรือไม่ จัดเตรียมของเฉลิมฉลองล่วงหน้าไว้หรือไม่ ซื้อข้าวสารสำหรับทำโจ๊กบริจาคไว้หรือไม่
หลู่หยวนเผิงที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากหอบรรพชนกำลังนั่งจิบชาอยู่อย่างสบายใจก็ได้ยินบิดามารดาถูกท่านปู่เรียกตัวไปพบ
หลู่หยวนเผิงกลัวว่าท่านปู่เกิดอยากสั่งสอนเขาขึ้นมาอีก จึงรีบวางชาลงบบนโต๊ะพลางแอบย่องตามไปดู ชายหนุ่มมองรอดช่องทางหน้าต่างเข้าไปในห้อง
“สารเลว!” หลู่เซียงเขวี้ยงถ้วยชาลงบนพื้นโมโห “พวกเจ้าสี่คนเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร หยวนชิ่ง หยวนเป่าเป็นเด็กมีความสามารถโดดเด่นอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ติดสินบน พวกเขาก็สอบติดจิ้นซื่อขั้นที่สองอยู่แล้ว! เหวินเจิ้นคังเป็นผู้ใดกัน จวนอัครมหาเสนาบดีอย่างข้าต้องเอาของไปติดสินบนสุนัขรับใช้อย่างนั้นด้วยหรือ!”
“ท่านพ่อ จะกล่าวเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ตระกูลอื่นติดสินบนกันหมด หากเราไม่ให้…จากที่ควรจะสอบติดจิ้นซื่อขั้นที่สอง อาจตกไปอยู่จิ้นซื่อขั้นที่สามก็ได้นะเจ้าคะ ไม่แน่เหวินเจิ้นคังอาจเล่นตุกติกจนทำให้เด็กทั้งสองคนสอบไม่ติดเลยก็ได้เจ้าค่ะ ปีก่อนๆ ก็มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่นะเจ้าคะ!” สะใภ้คนโตของหลู่เซียงกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
“ความคิดของสตรี!” หลู่เซียงโมโหจนปวดขมับ “ข้าเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา แซ่เหวินผู้นั้นกล้าหรืออย่างไร!”
บุตรชายคนที่สามของหลู่เซียงซึ่งเป็นบิดาของหลู่หยวนเผิงขมวดคิ้วแน่นพลางกล่าวขึ้น “เหวินเจิ้งคังเป็นคนเช่นไรผู้อื่นอาจไม่ทราบ แต่ท่านพ่อไม่ทราบจริงๆ หรือขอรับ คำโบราณกล่าวว่ายินดีล่วงเกินวิญญูชน แต่จะไม่ล่วงเกินคนถ่อยเด็ดขาด ตอนนี้ฝ่าบาททรงโปรดปรานเหวินเจิ้นคัง ข้ากับท่านพี่ก็แค่เอนเอียงไปตามอำนาจในตอนนี้เท่านั้น พวกเข้าไม่ได้ขอให้เหวินเจิ้นคังช่วยเด็กทั้งสอง ขอแค่ไม่ขัดขาทั้งคู่ก็พอขอรับ!”
“นั่นสิเจ้าคะท่านพ่อ ท่านก็บอกเองว่าเด็กทั้งสองต้องติดจิ้นซื่อจั้นที่สองแน่นอน เพราะอย่างนี้ลูกและน้องสะใภ้สามจึงปรึกษาหารือกันว่าจะซื้อของมาเตรียมไว้ก่อน เพราะการที่ตระกูลเราสอบติดถึงสองคนถือเป็นเรื่องที่น่าเฉลิมฉลองเจ้าค่ะ!” สะใภ้คนโตของหลู่เซียงกล่าวขึ้น
มารดาของหลู่หยวนเผิงมองบนใส่พี่สะใภ้คนโต พี่สะใภ้ใหญ่ผู้นี้…เวลามีเรื่องดีๆ ไม่เคยนึกถึงนาง เมื่อมีเรื่องไม่ดีมักลากนางลงไปเกี่ยวด้วยเสมอ
“ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นตอนที่พี่สะใภ้ใหญ่เสนอ ลูกจึงตอบตกลงเจ้าค่ะ นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นปัญหาเช่นนี้ ท่านพ่อโปรดชี้แนะด้วยเจ้าค่ะว่าควรทำเช่นไรต่อไปดี” มารดาของหลู่หยวนเผิงย่อกายขอขมาหลู่เซียงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
หลูเซียงเป็นคนเช่นไร เขาจะดูไม่ออกเลยหรือว่าลูกสะใภ้คนโตและลูกสะใภ้คนที่สามต้องการทำสิ่งใด เขาจึงโมโหยิ่งกว่าเดิม
“เกิดปัญหาขึ้น ไม่คิดช่วยกันแก้ไข กลับโยนความผิดให้กันไปมาเช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกัน! พวกเจ้าช่างเป็นลูกสะใภ้ที่ดีของข้าจริงๆ!” สีหน้าของหลูเซียงเคร่งขรึมลงกว่าเดิม
“ครั้งนี้ข้าคงต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อสารภาพเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“เช่นนั้นเด็กสองคนจะทำเช่นไรเล่าขอรับ” บิดาของหลู่หยวนเผิงตกใจ
“พ่อของแกไปด้วยตัวเอง เด็กสองคนนั่นอาจยังมีโอกาสได้สอบใหม่อีกครั้ง หากไม่ไป อนาคตของเด็กสองคนนั่นจบเห่แน่นอน!” หลู่เซียงกำที่พิงแขนของเก้าอี้แน่น ขบกรามแน่น
“ฮ่องเต้ต้องให้ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่หลู่จิ้นเป็นคนสืบสวนเรื่องนี้อย่างแน่นอน พวกเจ้าทั้งสองคนรีบไปสารภาพความจริงกับผู้พิพากษาหลู่จิ้นเดี๋ยวนี้เลย! พวกเราเคลื่อนไหวเร็วเท่าใด ฮ่องเต้ก็จะทรงลงโทษเบาเท่านั้น!”
“แต่ว่าท่านพ่อ…เช่นนี้เท่ากับพวกเราล่วงเกินตระกูลทุกตระกูลที่ติดสินบนเหวินเจิ้งคังเลยนะขอรับ!” บุตรชายคนโตของหลู่จิ้นขมวดคิ้วแน่น “ที่สำคัญผู้ที่ไปฟ้องร้องก็กล่าวแล้วว่าพวกเขายอมรับความสามารถของหลู่หยวนชิ่งและหลู่หยวนเป่านะขอรับ!”
“เพราะคนพวกนั้นยอมรับ แต่พวกเราดันทำเรื่องทุจริตเช่นนี้อย่างไรเล่า ตระกูลหลู่จึงต้องไปสารภาพกับฮ่องเต้และศาลต้าหลี่ตามตรง!”