สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 309 ผลกระทบ
หลู่เซียงกวาดสายตามองดูบุตรชายทั้งสองของตัวเอง จากนั้นสายตาหยุดอยู่ที่ลูกสะใภ้ทั้งสองที่มีสีหน้าไม่เต็มใจ เขาพยายามข่มโทสะไม่ให้ตวาดสั่งสอนลูกสะใภ้ทั้งสอง กล่าวเสียงจริงจัง “มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เมื่อเรื่องแดงขึ้นว่ามีการทุจริตในการสอบจริงๆ คะแนนในครั้งนี้คงเป็นโมฆะ เด็กทั้งสองคนจึงจะมีโอกาสสอบใหม่อีกครั้ง มิเช่นนั้นฮ่องเต้คงไม่ให้บัณฑิตที่ติดสินบนในการสอบเข้าสอบอีกเลยตลอดชีวิต เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้าได้กลายเป็นคนทำลายอนาคตของเด็กทั้งสองจริงๆ แน่!”
นึกถึงเรื่องโง่เง่าที่ลูกสะใภ้ทั้งสองคนทำลงไป หลู่เซียงยิ่งรู้สึกเดือดดาลขึ้นทุกที
“หยวนเป่ายังไม่เท่าใด หยวนชิ่งคืออนาคตของตระกูลหลู่ เจ้าอยากให้บุตรของพวกเจ้าสิ้นอนาคตเพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ!” หลู่เซียงตวาดเสียงสูงอย่างทนไม่ไหว “บัดนี้มีคนไปตีกลองเติงเหวินร้องทุกข์ พวกเจ้าคิดว่าตระกูลต่างๆ ที่ติดสินบนเหวินเจิ้งคังจะไม่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องหรืออย่างไรกัน ระหว่างการล่วงเกินผู้อื่นกับอนาคตของบุตรชายของพวกเจ้า อนาคตของตระกูล พวกเจ้าคิดเอาเองก็แล้วกันว่าสิ่งใดสำคัญกว่ากัน”
“ลูกผิดไปแล้วขอรับ!” บุตรชายคนโตของหลู่เซียงรีบก้มศีรษะขอขมา
“อย่ามัวรีรอ พวกเจ้ารีบไปที่ศาลต้าหลี่บัดนี้เลย ข้าจะเข้าวัง” น้ำเสียงของหลู่เซียงหนักแน่น
หลู่หยวนเผิงได้ยินถึงตรงนี้ก็ใจเต้นรัว บิดามารดาของเขาใจกล้าถึงขนาดติดสินบนผู้คุมสอบเลยหรือ!
เมื่อนึกได้ว่ามีคนไปตีกลองร้องทุกข์อยู่ที่ประตูอู่เต๋อ ต้องมีเรื่องสนุกให้ดูอย่างแน่นอน หลู่หยวนเผิงรีบกลับไปที่เรือนของตัวเอง เรียกหาบ่าวรับใช้ชาย จากนั้นออกจากจวนไปดูเรื่องสนุก
ตระกูลของเขามีท่านปู่อยู่ ที่สำคัญท่านปู่วางแผนเรื่องทุกอย่างไว้หมดแล้ว คงไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรอก
จวนของหลู่เซียงลงมือจัดการเรื่องทุกอย่างอย่างรวดเร็ว บุตรชายทั้งสองคนของหลู่เซียงไปที่ศาลต้าหลี่ ทว่า ผู้พิพากษาหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่ถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าไปในวังหลวงแล้ว บัดนี้เขากำลังเกลี้ยกล่อมผู้ร้องทุกข์อยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อ
เมื่อหลู่เซียงเข้าไปถึงวังหลวงก็ร้องห่มร้องไห้กับฮ่องเต้ สารภาพว่าลูกสะใภ้ทั้งสองคนของเขาติดสินบนเหวินเจิ้งคัง บุตรชายทั้งสองคนของเขาทำลายอนาคตของหลานชายทั้งสองที่เขาอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ขอให้ฮ่องเต้ลงโทษบุตรชายทั้งสองคนของเขาด้วย
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรคำตอบของหลานชายของหลู่เซียงทั้งสองคนแล้ว เขารู้สึกว่าหลานชายทั้งสองของหลู่เซียงมีความสามารถอย่างแท้จริง
เมื่อได้ยินหลู่เซียงเล่าว่าตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนมอบของขวัญให้เหวินเจิ้นคัง ลูกสะใภ้ทั้งสองของเขากลัวว่าหากไม่มอบของขวัญให้เหมือนกับผู้อื่น เหวินเจิ้นคังอาจขัดขาเด็กทั้งสองได้ สีหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขรึมลงมากกว่าเดิม
ฮ่องเต้นึกไม่ถึงเลยว่าเหวินเจิ้นคังจะใจกล้ามากถึงเพียงนี้ กล้ารับสินบนภายใต้จมูกเขาเลยหรือ
มิน่าเล่า…เขาถึงรู้สึกว่ามาตรฐานของการสอบเข้มงวดสู้เมื่อก่อนไม่ได้
“เมื่อกระหม่อมได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกละอายใจไม่กล้าสู้หน้าฝ่าบาทเลยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอบรมสั่งสอนบุตรไม่ดี กระหม่อมยินดีรับโทษทุกประการพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้พยายามข่มโทสะที่อยู่ในใจเอาไว้ มองดูหลู่เซียงที่กำลังปาดน้ำตาอยู่ เขารู้ดีว่าหลู่เซียงเป็นคนระมัดระวังและรอบคอบ ครั้งนี้เป็นเพราะบุตรชายและลูกสะใภ้สร้างปัญหาจนเดือดร้อนไปถึงหลานชายทั้งสองคน ฮ่องเต้ตรัสขึ้น “ราชสำนักจัดสอบขุนนางเพราะต้องการเฟ้นหาคนมีความสามารถมารับใช้บ้านเมือง เราอ่านข้อสอบของหลานชายทั้งสองคนของเจ้าแล้ว ไม่เลวทีเดียว ทว่า เมื่อกลับไป เจ้าต้องอบรมสั่งสอนบุตรชายทั้งสองของเจ้าให้ดี”
หลู่เซียงได้ยินเช่นนี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอย่างจริงใจ “แม้ฝ่าบาทจะทรงเมตตา ทว่า กระหม่อมสั่งสอนบุตรไม่ดี รู้สึกละอายใจนักพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดถอดยศของกระหม่อมเพื่อเป็นตัวอย่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ ให้คนอื่นๆ ในราชสำนักได้เห็น จะได้ไม่กล้าทำเช่นนี้อีก หลังจากนี้ราชสำนักของเราจะได้มีแต่ความโปร่งใส ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่กระหม่อมได้ทำเพื่อฝ่าบาท ตอบแทนความเมตตาที่ฝ่าบาททรงมีให้กระหม่อมเสมอมาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ในยินเช่นนี้ ความโกรธในใจที่มีต่อหลู่เซียงสลายไปในทันที ฮ่องเต้ถอนหายใจออกมา น้ำเสียงอ่อนโยนลงกว่าเดิม “เกาเต๋อเม่า พยุงหลู่เซียงขึ้น”
“กระหม่อมทำผิดต่อฝ่าบาท มิกล้าลุกพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่เซียงกล่าวเสียงสะอื้นอย่างจริงใจ
“หลู่เซียง เจ้าคอยช่วยเหลือเราตั้งแต่ที่เราขึ้นครองราชย์ เรารับรู้เสมอมา ครั้งนี้เจ้าติดสินบนในการสอบเพราะถูกสถานการณ์บีบบังคับ หลู่เซียงเข้าวังมาสารภาพกับเราโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวเช่นนี้ถือว่าหายกันแล้ว เจ้ากลับไปเถิด!”
“กระหม่อมขอบพระทัยที่ทรงเมตตาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะสำนึกบุญคุณของฝ่าบาทจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปกระหม่อมจะอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้ดี ให้พวกเขาเป็นข้าราชบริพารที่มีความสามารถคอยรับใช้ฝ่าบาท ตอบแทนบุญคุณของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้าอย่างพอใจ “เกาเต๋อเม่า ส่งหลู่เซียงด้วย”
เกาเต๋อเม่ารีบเดินนำหลู่เซียงออกไปด้านนอกด้วยความนอบน้อม หลู่เซียงคำนับขอบคุณอีกครั้งอย่างนอบน้อม จากนั้นค่อยๆ เดินออกมาจากท้องพระโรง
ฉินหล่างเข้าร่วมการสอบในครั้งนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อไป๋จิ่นซิ่วได้ยินเรื่องนี้ หญิงสาวจึงนั่งไม่ติด สั่งให้คนในจวนห้ามวิจารณ์เรื่องนี้โดดเด็ดขาด จากนั้นนั่งรถม้าไปยังจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่
หลิวซื่อและต่งซื่อก็นั่งไม่ติดเช่นเดียวกัน กลัวว่าเรื่องนี้จะเดือดร้อนมาถึงฉินหล่างและต่งฉางหยวน
เมื่อได้ยินว่าไป๋จิ่นซิ่วมา หลิวซื่อรีบออกไปต้อนรับทันที
ไป๋จิ่นซิ่วจับมือมารดาแน่น จากนั้นเดินผ่านประตูชุ่ยฮวาเข้าไปด้านใน กล่าวขึ้น “ตอนนี้เมืองหลวงกำลังวุ่นวายยกใหญ่ เมื่อครู่พี่สะใภ้ฝั่งตระกูลท่านยายของฉินหล่างก็มาสอบถามเรื่องนี้ที่จวนแทนท่านน้าชายของฉินหล่างเจ้าค่ะ กลัวว่าข้าจะติดสินบนเช่นเดียวกัน บัดนี้ตระกูลที่มีบัณฑิตสอบคัดเลือกขุนนางในรอบนี้ หากไม่ไปร้องทุกข์ที่หน้าประตูอู่เต๋อ ก็คงกำลังกลัวว่าเรื่องที่ตนติดสินบนจะแดงออกไปเจ้าค่ะ! ก่อนข้าจะมาที่นี่ ข้าได้ยินว่าหลู่เซียงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังแล้ว บุตรชายคนโตและคนที่สามของหลู่เซียงก็ไปที่ศาลต้าหลี่แล้วเจ้าค่ะ”
หลิวซื่อเป็นเพียงสตรีจวนหลัง เมื่อได้ยินก็ตกใจจนขวัญเสีย “เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อลูกเขยหรือไม่”
“ตระกูลเราไม่ได้ติดสินบน ทว่า หากตรวจสอบแล้วว่ามีการทุจริตในการสอบครั้งนี้จริงๆ คะแนนในครั้งนี้คงเป็นโมฆะ! ฉินหล่างคงต้องสอบใหม่อีกครั้งเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วเล่าให้มารดาฟังจบก็กล่าวต่อ “ท่านแม่กลับเรือนไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะไปปรึกษาพี่หญิงใหญ่ เราอย่างเพิ่งร้อนใจไปเจ้าค่ะ!”
“จริงด้วย! เจ้าไปปรึกษาอาเป่าก่อน อาเป่าเป็นคนมีความคิด!” หลิวซื่อพยักหน้า
ไป๋จิ่นซิ่วจับมือชุ่ยปี้เดินไปยังเรือนชิงฮุย เมื่อไปถึงก็เห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังฝึกฝนหอกเงินหงอิง ยกหอกแทงซ้ำไปที่เดิมอย่างต่อเนื่อง
“พี่หญิงใหญ่…”
“คุณหนูรอง!” ชุนเถาทำความเคารพด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเสียงของไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงเหยียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อลดหอกในมือลง เก็บหอกเข้าที่ จากนั้นรับผ้าขนหนูจากชุนเถามาซับเหงื่อที่ใบหน้าและฝ่ามือ “เจ้ามาเพราะเรื่องทุจริตในการสอบอย่างนั้นหรือ”
ไป๋จิ่นซิ่วถลกชายกระโปรงขึ้นพลางเดินเข้าไป พยักหน้าน้อยๆ “บัดนี้ผู้พิพากษาหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่กำลังเกลี้ยกล่อมผู้ร้องทุกข์อยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อเจ้าค่ะ พวกเหวินเจิ้นคังยังไม่ออกมาจากวังหลวง คงโดนขังอยู่ด้านในเจ้าค่ะ ขอแค่พิสูจน์ได้ว่ามีการทุจริตจริงๆ ผู้คุมสอบและรองผู้คุมสอบในครั้งนี้คงไม่รอดแน่เจ้าค่ะ คะแนนสอบในครั้งนี้คงเป็นโมฆะเช่นเดียวกัน!”
“ดังนั้นตอนนี้เจ้าจะกระวนกระวายไม่ได้ กลับไปให้ฉินหล่างเตรียมตัวสอบใหม่ให้ดี เตรียมสติให้พร้อมตลอดเวลา ครั้งนี้คงต้องสอบใหม่อีกครั้ง!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว
“พี่หญิงใหญ่ เรื่องนี้…” ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกว่าพี่หญิงใหญ่สงบนิ่งเกินไป ไม่ได้เป็นกังวลใดๆ นางรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของพี่หญิงใหญ่จึงเอ่ยถามเสียงเบาหวิว “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเราหรือไม่เจ้าคะ”