สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 317 พบกันโดยบังเอิญ
รอบกายเงียบสนิทลง บรรดาบัณฑิตแห่งสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนต่างพากันเข้าไปใกล้ผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิง สีหน้าแสดงความนับถือ ราวกับว่ากำลังฟังปรัชญาที่ล้ำค่าจากผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิง
ผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิงในชุดเสื้อคลุมยาวตัวใหญ่มองไปยังเหล่าบัณฑิตวัยละอ่อนที่กำลังตั้งใจฟังเขา น้ำเสียงอ่อนโยนไม่เร่งรีบ “การสังหารกองกำลังหลักของซีเหลียงจะทำให้ซีเหลียงไม่มีกำลังมารุกรานต้าจิ้นอย่างน้อยห้าปี ทำให้ชาวบ้านแถบชายแดนของต้าจิ้นใช้ชีวิตอย่างสงบสุขห้าปี ครั้งนี้เจิ้นกั๋วอ๋องทำไม่สำเร็จ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนสานต่อปณิธานของท่านปู่นาง เอาชนะได้ด้วยกำลังของกองทัพไป๋เพียงหนึ่งหมื่นนาย แม้จะสังหารราบคาบ ทว่า นางไม่ได้ทำไปเพื่อชาวบ้านต้าจิ้นแถบชายแดน สร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าอย่างนั้นหรือ”
เหล่าบัณฑิตเงียบกริบ มองไปที่นักปราชญ์ผู้เฒ่าที่ผมขาวโพลน แผ่นหลังโค้งงอเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าตามอย่างไม่รู้ตัว
“จำได้ว่าครั้งแรกที่ไป๋ชิงเหยียนกลับมาจากสงคราม ข้าถามนางว่าเห็นสิ่งใด ได้ยินสิ่งใดจากสนามรบบ้าง ไป๋ชิงเหยียนตอบว่านางเห็นกองกระดูกที่กองรวมกันราวกับภูเขาในดินแดนแห้งแล้ง หลุมศพกลาดเกลื่อน ที่นาที่อุดมสมบูรณ์ไม่มีคนคอยดูแล สิ่งมีชีวิตตายจาก นั่นคือโศกนาฏกรรมซึ่งคนที่อยู่ในเมืองหลวงที่สะดวกสบายไม่เคยพบเห็น นางยินดีใช้ความสามารถทั้งหมดของนาง สละชีพเพื่อคืนความสงบสุขให้ใต้หล้าแห่งนี้ ตอนนั้นนางอายุเพียงสิบสามปี แต่กลับมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ รักและมีความเมตตาต่อใต้หล้า แม้ข้าจะเป็นอาจารย์ของนาง แต่ก็ยังยอมรับว่าสู้นางไม่ได้”
เมื่อเห็นผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิงโบกมือส่ายหน้าน้อยๆ บรรดาบัณฑิตที่ยืนถือโคมไฟอยู่หน้าประตูพระราชวังขอบตาร้อนผ่าว พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าสตรีคนหนึ่งจะมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้…
สละชีพของตัวเองเพื่อคืนความสงบสุขให้ใต้หล้า
เด็กสาวที่อายุเพียงสิบสามปีมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่และแกร่งกล้าถึงเพียงนี้ บัณฑิตที่เอาแต่อ่านตำราอย่างพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน เหล่าบุรุษที่โจมตีไป๋ชิงเหยียนจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน
ไป๋ชิงเหยียนยืนจูงม้าอยู่จากที่ไกลๆ มองดูอาจารย์ที่อายุเกินห้าสิบปียืนนิ่งอยู่หน้าประตูวังท่ามกลางสายลมทั้งๆ ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ท่านกำลังกล่าวแก้ตัวแทนนาง ความรู้สึกซาบซึ้งเอ่อล้น ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ
ไป๋จิ่นจื้อก็รู้สึกซาบซึ้งใจเช่นเดียวกัน เด็กสาวเดินเข้าไปสองก้าวพลางกระซิบเสียงเบา “พี่หญิงใหญ่…ท่านอาจารย์ช่างดีจริงๆ เจ้าค่ะ”
บรรยายกาศรอบตัวเงียบสงัด มีแต่เสียงลมพัด
ผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิงตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง เอ่ยขึ้นเสียงสะอื้น “ตอนนั้นเจิ้นกั๋วอ๋องจูงเด็กสาวตัวน้อยมาขอให้ข้าช่วยสั่งสอนนาง ข้าถามว่าสตรีไม่มีความรู้ถึงจะเรียกว่าคุณธรรม เหตุใดต้องร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้ด้วย”
“เจิ้นกั๋วอ๋องตอบว่า การเรียนจะทำให้รู้ว่าสิ่งใดคือมารยาท ศีลธรรม ความเที่ยงตรงและความอัปยศ! ข้าไม่ขอให้หลานสาวรอบรู้ทุกเรื่องในใต้หล้า ขอเพียงนางรู้ว่าสิ่งใดคือมารยาท ศีลธรรม ความเที่ยงตรงและความอัปยศ! ปฏิบัติตนอย่างเที่ยงตรงไม่ทำผิดต่อคนทั้งใต้หล้า ไป๋ชิงเหยียนหลานสาวคนโตของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงไม่ทำให้เจิ้นกั๋วอ๋องต้องผิดหวัง แม้นางจะเป็นสตรี ทว่า มีความสามารถในการปกครองแคว้น มีวรยุทธในการปกป้องแผ่นดิน พวกเจ้าควรเรียนรู้จากนางให้มากถึงจะถูก เหตุใดจึงมารวมตัวกันที่นี่เพื่อโจมตีผู้สร้างประโยชน์ให้แก่แคว้นต้าจิ้นด้วย”
ผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิงกวาดสายตามองไปยังเหล่าบัณฑิตที่ก้มหน้าลงอย่างละอายใจและอับอาย “ชีวิตนี้ข้ามีลูกศิษย์ทั้งหมดสี่สิบสามคน มีเพียงไป๋ชิงเหยียนที่เป็นสตรีเพียงคนเดียว ทว่า ข้ากลับภูมิใจในตัวลูกศิษย์คนนี้ยิ่งนัก!”
ลมหนาวพัดเข้าดวงตาที่ร้อนผ่าวของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองที่แทบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
หากท่านอาจารย์รู้ว่านางไม่ใช่เด็กสาวอายุสิบสามที่มีแต่ใจที่งดงามและเที่ยงตรงผู้นั้นแล้ว เขาจะยังภูมิใจในตัวนางหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังอาจารย์ของตัวเอง คุกเข่าลงคำนับแนบพื้นหนึ่งครั้ง จากนั้นก้าวขึ้นไปบนหลังม้า “ไปเถิด!”
ไป๋จิ่นจื้อโค้งคำนับผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิงเช่นเดียวกัน จากนั้นก้าวขึ้นม้าตามหลังไปชิงเหยียนไป
ผู้ดูแลหลิวพาองครักษ์ที่ติดตามไปคุ้มครองไป๋ชิงเหยียนที่ซั่วหยางในครั้งนี้ขี่ม้าออกไปยังนอกเมือง
วันที่เจ็ด เดือนสี่ ยามซื่อ คดีการทุจริตข้อสอบสิ้นสุดลง
ฮ่องเต้มีพระราชโองการประหารผู้คุมสอบทั้งหมดที่รับสินบนในครั้งนี้ ตระกูลเหวินเจิ้นคังถูกกวาดล้าง บุรุษถูกเนรเทศ สตรีถูกลดฐานะเป็นทาส ผู้สอบที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตไม่สามารถเข้าสอบได้อีกตลอดชีวิต เดือดร้อนทั้งตระกูล ทายาทภายในสามรุ่นของตระกูลนั้นๆ ห้ามเข้าร่วมการสอบขุนนาง การจัดสอบขุนนางจะจัดขึ้นอีกครั้งในเดือนสอง ปีหน้า
เมื่อข่าวประกาศออกมา บรรดาผู้สอบต่างยินดีปรีดา ต่างกลับไปเตรียมตัวสอบใหม่ที่จวนของตัวเอง หวังว่าปีหน้าจะทำข้อสอบได้ดีๆ
ต่งชิงผิงสั่งให้คนนำจดหมายไปแจ้งข่าวให้ต่งชิงเยว่น้องชายของเขาที่อยู่เติงโจวทราบ กล่าวว่าให้ต่งฉางหยวนอยู่เมืองหลวงต่อเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบในปีหน้า จะได้ไม่ต้องลำบากเดินทางไปมาอีกรอบ เขาบอกกับต่งชิวเยว่ว่าเดิมทีต่งฉางหยวนติดหนึ่งในสาม ครั้งหน้าเขาต้องสอบได้ดีกว่านี้อย่างแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเร็วมุ่งหน้าไปยังซั่วหยางโดยไม่หยุดพักผ่อน ในที่สุดก็ไปถึงเมืองซั่วหยางในยามซวี
ตอนนั้นท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทลงแล้ว แสงดาวเริ่มส่องแสงระยิบระยับ บนท้องฟ้าเหลือเพียงแสงสีแดงเพียงเล็กน้อย
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปีแล้ว ซั่วหยางไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
ตลาดกลางคืนเริ่มต้นขึ้นแล้ว โคมไฟส่องสว่างราวกับช่วงกลางวัน
พ่อค้าแม่ค้าแขวนโคมไฟหนังแกะไว้ที่หน้าร้าน ต่างตะโกนขายของ ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ครึกครื้นยิ่งนัก
ไป๋จิ่นจื้อยังไม่เคยเห็นตลาดตอนกลางคืนของเมืองซั่วหยาง เด็กสาวรู้สึกประหลาดใจมาก ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากม้าและเดินเล่นเป็นเพื่อนไป๋จิ่นจื้อ
ผู้ดูแลหลิวสั่งให้คนไปจองโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในซั่วหยาง เพราะไป๋ชิงเหยียนเดินทางอย่างเร่งรีบ ผู้ดูแลหลิวจึงไม่ได้ให้คนเตรียมการไว้ล่วงหน้า ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้ตระกูลบรรพบุรุษรู้ตัว ดังนั้นจึงต้องพักที่โรงเตี๊ยม
ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมขอโทษคนที่ผู้ดูแลหลิวสั่งให้ไปจองโรงเตี๊ยมอย่างนอบน้อม ลูกน้องของผู้ดูแลหลิวคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นส่งคนไปหาโรงเตี๊ยมอื่นและส่งคนไปรายงานให้ผู้ดูแลหลิวทราบ
ผู้ดูแลหลิวได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น “ทั่วทั้งซั่วหยางมีเพียงที่นั่นที่มีเรือนแยก พวกเราไม่เป็นอันใด ทว่า จะลำบากคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่ไม่ได้เด็ดขาด”
ไป๋ชิงเหยียนที่จูงม้ายืนอยู่เป็นเพื่อนไป๋จิ่นจื้อที่กำลังเลือกหน้ากากอยู่ได้ยินจึงกล่าวขึ้น “ลุงหลิว เปลี่ยนที่เถิด”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็ได้ยินคนเรียกนาง “จวิ้นจู่?”
ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองก็เห็นเยว่สือหันกลับไปเรียกเซียวหรงเหยี่ยนอย่างตื่นเต้น “นายท่านขอรับ!”
เซียวหรงเหยี่ยนที่ยืนอยู่หน้าแผงขายของเล่นหันกลับมา ดวงตาลึกล้ำส่อแววประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนแสงสีส้มส่องกระทบดวงตาจนแววตาของชายหนุ่มอ่อนโยนลงชั่วครู่ เขาวางของเล่นในมือลง สั่งให้เยว่สือซื้อเอาไว้ จากนั้นเดินไปหาไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นมาได้ หญิงสาวแอบลูบไปที่ถุงเงินซึ่งมีหยกจักจั่นอยู่อย่างแผ่วเบา นางยังไม่ได้คืนหยกจักจั่นให้เซียวหรงเหยี่ยนเลย
ไป๋จิ่นจื้อที่ถือหน้ากากเสืออยู่ในมือมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยน ดวงตาของนางเป็นประกาย “เซียวเซียนเซิง!”
เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ เอ่ยถามอย่างไม่รีบร้อน “เหตุใดคุณหนูใหญ่ไป๋จึงมาอยู่ที่ซั่วหยางได้ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพกลับพลางเอ่ยตอบ “ตระกูลบรรพบุรุษอยู่ที่ซั่วหยาง…”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า “โชคดีได้พบกันโดยบังเอิญ หากคุณหนูใหญ่ไป๋ไม่รังเกียจ เดินเล่นด้วยกันสักครู่ดีหรือไม่ขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อใช้หน้ากากซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ เอ่ยสนับสนุน “พี่หญิงใหญ่ อย่างไรเสียเราก็ยังจองโรงเตี๊ยมไม่ได้ ไปเดินเล่นกับเซียวเซียนเซิงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”