สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 320 ไม่กล้าวอกแวก
แววตาที่เซียวหรงเหยี่ยนมองไป๋ชิงเหยียนในครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ที่เมืองหวั่นผิง ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยการค้นหาปนไม่แน่ใจ
แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนร้อนแรงเกินไป ราวกับต้องการครอบครองไป๋ชิงเหยียนให้ได้ ไม่ว่าไป๋ชิงเหยียนมีใจให้เขาหรือไม่ก็ตาม
ในเมื่อเส้นบางๆ ทลายลงแล้ว ไป๋ชิงเหยียนจึงอยากกล่าวให้ชัดเจนในครั้งเดียว
“เซียวเซียนเซิง ข้าเข้าใจความหมายที่ท่านกล่าวตอนอยู่บนเรือดี” ไป๋ชิงเหยียนวางหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนลงบนโต๊ะหิน น้ำเสียงราบเรียบ “ทว่า ข้าไม่เหมาะที่จะมีความรัก”
“ข้ามีท่านแม่ บรรดาท่านอาสะใภ้และน้องๆ ต้องปกป้อง ส่วนท่านมีต้าเยี่ยนทั้งแผ่นดินต้องดูแล ข้าต้องปกป้องเกียรติยศของตระกูลไป๋ ท่านต้องฟื้นฟูแคว้นต้าเยี่ยนให้รุ่งเรืองเหมือนสมัยของจีโฮ่ว กระทั่งต้องการครอบครอบใต้หล้า”
รอยยิ้มในดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนค่อยๆ จางหายไป เขามองดูใบหน้าเย็นชาสมบูรณ์แบบของหญิงสาวที่ถูกแสงจันทร์ส่องประทบนิ่ง
“ข้าใช้ชีวิตแต่ละก้าวในแคว้นต้าจิ้นอย่างอยากลำบาก แคว้นต้าเยี่ยนและแคว้นอื่นก็คงเหมือนกัน” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนแผ่วเบา “หนทางข้างหน้าช่างยากลำบากนัก พวกเราอ่อนแอถึงเพียงนี้ จะกล้าวอกแวก จะกล้าให้ความรักเข้ามามีอิทธิพลเหนือสิ่งอื่นได้อย่างไรกัน”
สายตาของเซียวหรงเหยี่ยนหยุดอยู่ที่หยกจักจั่น ก้าวไปด้านหน้าสองก้าว นิ้วเรียวยาวหยิบหยกจักจั่นขึ้นมา เงยหน้ามองดูไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ “ดังนั้นท่านไม่กล้ามีใจให้ข้าอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูจมูกโด่งคมสันและเบ้าตาลึกของเซียวหรงเหยี่ยน กำมือที่อยู่ข้างกายแน่น กล่าวตามตรง
“อนาคตของตระกูลไป๋ยังไม่แน่นอน มีแต่อันตรายเต็มไปหมด ข้าไม่กล้ามีใจ”
เซียวหรงเหยี่ยนกำหยกจักจั่นแน่น ก้าวขาไปหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว ไป๋ชิงเหยียนเตรียมถอยหนีแต่ถูกเซียวหรงเหยี่ยนรั้งข้อมือไว้เสียก่อน
ชายหนุ่มดึงหญิงสาวกลับมายืนอยู่ด้านหน้าเช่นเดิม จ้องมองไป๋ชิงเหยียนนิ่งด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง กระซิบเสียงแผ่วต่ำ “ไป๋ชิงเหยียน ขอแค่เจ้าไม่รักเกียจข้า ข้าก็ยังมีโอกาส ข้าเคยบอกแล้วว่าหนทางของพวกเรายังอีกยาวไกล!”
ขนตายาวงามของไป๋ชิงเหยียนสั่นไหวเล็กน้อย นางถูกเซียวหรงเหยี่ยนยัดหยกจักจั่นใส่มืออีกครั้ง
หญิงสาวอยากปฏิเสธ ทว่า มือกลับถูกเซียวหรงเหยี่ยนกำไว้แน่น “ถือว่าเป็นของคุ้มครองกายอย่างหนึ่งก็แล้วกัน เก็บไว้ข้ากายเพื่อคุ้มครองเจ้า ในชีวิตของท่านแม่แทบไม่มีคนรู้ใจนาง เจ้าถือได้ว่าเป็นคนรู้ใจของนาง”
กล่าวจบ เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ “พักผ่อนเถิด หากมีสิ่งใดที่ข้าช่วยได้ บอกข้าได้เสมอ”
มองส่งเซียวหรงเหยี่ยนเดินจากไปจากเรือนหรู ไป๋ชิงเหยียนก้มลงมองหยกจักจั่นในฝ่ามือของตัวเองท่ามกลางแสงจันทร์อันเยือกเย็น
ทำอย่างไรเซียวหรงเหยี่ยนจึงจะเข้าใจว่าหัวใจของนางไม่มีความรักแบบเด็กสาวหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
ในใจของนางเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมจากชาติที่แล้ว เต็มไปด้วยจุดจบของคนที่นางรัก แม้กระทั่งหลับตาก็เห็นตระกูลไป๋นองไปด้วยเลือด
ความปรารถนาในชาตินี้ของนางคือการคุ้มครองครอบครัวให้ปลอดภัย สานต่อปณิธานของท่านปู่ ไม่มีเวลาให้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เช่นนี้หรอก
ผู้ดูแลหลิวที่รออยู่ด้านนอกเห็นว่าเซียวหรงเหยี่ยนไปแล้วจึงเดินเข้ามาทันที “คุณหนูใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนเก็บหยกจักจั่นไว้ในถุงเงินตามเดิม กล่าวกับผู้ดูแลหลิว
“พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาเสี่ยวซื่อกลับไปที่ตระกูลบรรพบุรุษ รบกวนลุงหลิวหาวิธีลากคนในตระกูลบรรพบุรุษเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของหอเทียนเซียงให้ได้มากที่สุด!”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองผู้ดูแลหลิว “จากนั้นหาทางแพร่กระจายข่าวเรื่องที่ข้ากลับมาซั่วหยางแต่ไม่ไปพักที่จวนบรรพบุรุษไป๋ให้รู้ไปถึงหูของทางการก่อนวันพรุ่งนี้ให้ได้”
ในเมื่อทุกคนรับรู้ว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่คือคนของรัชทายาท เช่นนั้นนางก็จะยืมบารมีของรัชทายาทสักหน่อย ทำให้ทางการพวกนั้นได้รู้ว่าคนสนิทของรัชทายาทเดินทางกลับมาซั่วหยางอย่างกะทันหัน พวกนั้นจะไม่รีบเข้ามาประจบนางหรืออย่างไรกัน
นางไม่ใช่ท่านปู่ที่ต่อให้โมโหบรรพบุรุษตระกูลไป๋มากเพียงใดก็ไม่มีทางยอมให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะได้
…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง หน้าโรงเตี๊ยมมีเกี้ยวจอดอยู่ถึงสองคัน เจ้าเมืองในชุดธรรมดาลงมาจากเกี้ยว เขามองเห็นนายอำเภอกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่กับลูกน้องที่ร้านฝั่งตรงข้ามโรงเตี๊ยม
เมื่อนายอำเภอเห็นเจ้าเมืองก็รีบวางตะเกียบในมือลง ใช้มือเช็ดปาก จากนั้นวิ่งไปหยุดอยู่หน้าเจ้าเมืองพลางทำความเคารพ “ใต้เท้า!”
เจ้าเมืองมองหน้านายอำเภอนิ่งๆ พลางกล่าวขึ้น “นึกไม่ถึงว่าสายข่าวของนายอำเภอจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ รู้เหมือนกันว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาแล้ว”
“ข้าเพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้านี้เองขอรับ นี่ไง ข้ารีบบึ่งมาที่นี่โดยยังไม่ได้ทานอาหารเช้า ข้าคิดว่าจวิ้นจู่คงยังไม่ตื่นนอน จึงหาของทานรองท้องก่อนขอรับ ใต้เท้าจะทานด้วยกันหรือไม่ขอรับ” นายอำเภอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำประชดของเจ้าเมือง
นายอำเภอบ่นอุบอิบอยู่ในใจ มาเพื่อเอาใจเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เพื่อประจบประแจงรัชทายาทเหมือนกัน เหตุใดต้องทำวางมาดด้วย
เจ้าเมืองโบกมือปฏิเสธ เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา “ไม่ล่ะ นายอำเภอทานเถิด”
กล่าวจบ เจ้าเมืองส่งสัญญาณให้ลูกน้องนำบัตรเทียบไปส่งให้ไป๋ชิงเหยียนเพื่อขอเข้าพบ
ผู้ใดจะคิดว่าคนของเจ้าเมืองยังไม่ทันเข้าไปในโรงเตี๊ยม ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมพอดี ด้านหลังมีองครักษ์จำนวนหนึ่งติดตามออกมาด้วย
เจ้าเมืองมองเห็นผู้ดูแลหลิวที่เดินอยู่ด้านข้างไป๋ชิงเหยียนทันที เจ้าเมืองเคยเห็นผู้ดูแลหลิวในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของประมุขตระกูลไป๋ ได้ยินบุตรชายของประมุขกล่าวว่านั่นคือผู้ดูแลหลิว ทว่า ผู้ดูแลหลิวผู้นี้ไปมาอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่มีโอกาสเข้าไปสนทนาด้วย
เจ้าเมืองถลาไปด้านหน้า มองดูไป๋จิ่นจื้อที่เสียบแส้สีแดงไว้ที่เอวด้านหลัง เขารู้ฐานะของคนทั้งสองในทันที เจ้าเมืองทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คาราวะจวิ้นจู่ เซี่ยนจู่ขอรับ”
นายอำเภอก็รีบถลาเข้าไปเช่นเดียวกัน เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ โค้งกายคำนับ “คาราวะจวิ้นจู่ เซี่ยนจู่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้วางมาดแต่อย่างใด “ท่านทั้งสองเกรงใจเกินไปแล้ว”
ไป๋จิ่นจื้อยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียน เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา ท่าทีราวกับเด็กสาวผู้หยิ่งผยอง
“เหตุใดจวิ้นจู่และเซี่ยนจู่จึงกลับมาซั่วหยางก่อนกำหนดเล่าขอรับ ข้าได้ยินว่าพวกท่านจะกลับมาวันที่หนึ่ง เดือนห้าไม่ใช่หรือขอรับ” เจ้าเมืองเอ่ยถามยิ้มๆ
“นั่นสิขอรับ เหตุใดจวิ้นจู่ไม่แจ้งพวกเราสักหน่อยว่าจะกลับมา ตอนที่ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของท่านประมุขไป๋ ข้ายังปรึกษากับท่านประมุขไป๋อยู่เลยว่าหากจวิ้นจู่กลับมาจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เลยขอรับ” นายอำเภอโจวไม่ยอมแพ้ รีบแสดงตัวว่าตนเองสนิทสนมกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋มากเพียงใด
ไป๋จิ่นจื้อแสยะยิ้ม “ให้ตาแก่นั่นจัดงานเลี้ยงต้อนรับพี่หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ เขาไม่ยั่วโมโหพี่หญิงใหญ่ก็ดีมากแล้ว!”
“เสี่ยวซื่อ!” ไป๋ชิงเหยียนปรามไป๋จิ่นจื้อ มองนายอำเภอโจวแวบหนึ่ง ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ราวกับลำบากใจที่จะกล่าว “ข้ากับเสี่ยวซื่อกลับมาจัดการเรื่องในตระกูลบรรพบุรุษนิดหน่อย หากทุกอย่างราบรื่นดี บ่าวันนี้ก็คงจะกลับเลย ข้าจึงไม่อยากรบกวนท่านทั้งสอง”
ตาแก่อย่างนั้นหรือ ตาของนายอำเภอโจวกระตุกเล็กน้อย ใจกระตุกวูบ
ฟังจากน้ำเสียงของเกาอี้เซี่ยนจู่ที่เอ่ยถึงท่านประมุขไป๋ และประโยคที่จวิ้นจู่กล่าวว่ากลับมาจัดการเรื่องในตระกูลบรรพบุรุษ…
นายอำเภอโจวรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากลสักเท่าใด
“มีสิ่งใดที่ข้าพอช่วยได้หรือไม่ขอรับ” เจ้าเมืองควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า เขาเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่รีบร้อน
“เรื่องในครอบครัวไม่อาจแพร่งพรายได้ คงไม่รบกวนท่านทั้งสองหรอก” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มอย่างฝืนๆ
“หากกลายเป็นเรื่องใหญ่จนต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่าน ข้าจะให้คนไปแจ้งพวกท่านแน่นอน”