สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 324 หวาดกลัว
ไป๋จิ่นจื้อเห็นพี่หญิงใหญ่หันมาพยักหน้าส่งสัญญาณให้นาง สาวน้อยหรี่ตาแคบ จับมือของบ่าวรับใช้ผู้นั้นเอาไว้อย่างแรง จากนั้นยกขาถีบจนบ่าวผู้นั้นคุกเข่าลงบนพื้น
ไม่รอให้บ่าวรับใช้คนอื่นได้สติ ไป๋จิ่นจื้อหยิบแส้ออกมาจากเอวทางด้านหลัง พาองครักษ์บุกเข้าไปในหอเทียนเซียง
ภายในหอเทียนเซียงมีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ต่างพากันชะโงกหน้ามองดูในหอเทียนเซียงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
ไม่นาน บ่าวรับใช้และคุณชายสองสามคนของตระกูลไป๋ที่มาบีบบังคับให้เจ้าของหอขายกิจการให้ก็ถูกโยนกระเด็นออกมาจากหอเทียนเซียงทีละคน ฃเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแส้
ไป๋ชิงเจี๋ยหลานชายของประมุขตระกูลไป๋ฝืนลุกขึ้นยืน มองดูไป๋จิ่นจื้อที่ก้าวออกมาจากหอเทียนเซียงโดยที่ยังถือแส้อยู่ในมือพลางตะคอกเสียงดังลั่น
“พวกเจ้ากล้าดีเช่นไรถึงกล้าลงมือกับข้าถึงเพียงนี้! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด ข้าคือหลานชายของท่านประมุขตระกูลไป๋ เจ้ากล้าลงมือทำร้ายข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทำให้พวกเจ้ากลับออกไปจากซั่วหยางไม่ได้อีกเลย!”
ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อเคร่งขรึม ง้างมือขึ้นแล้วฟาดแส้ไปที่ปากของไป๋ชิงเจี๋ยจนเกิดรอยแดงขึ้นทันที ในปากของชายหนุ่มเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ไป๋ชิงเจี๋ยกุมใบหน้าครึ่งซีกเอาไว้ รู้สึกว่าฟันของเขาจะโยกด้วย
“แส้นี้เพราะความโอหังปากดีไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของเจ้า เป็นแค่หลานชายของประมุขตระกูลไป๋ แต่กลับข่มขู่จะเอาชีวิตคน!”
“แม่งเอ้ย…” ไป๋ชิงเจี๋ยบ้วนน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดทิ้ง
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังของตระกูลไป๋คือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ คือคนสนิทขององค์รัชทายาท ว่าที่ฮองเฮาในภายภาคหน้า!”
ไป๋จิ่นจื้อฟาดแส้ไปอีกครั้ง ครั้งนี้แรงกว่าเดิมจนร่างของไป๋ชิงเจี๋ยล้มลงบนพื้น “แส้นี้เพราะเจ้าบังอาจอาศัยบารมีของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงรังแกชาวบ้านอย่างไร้คุณธรรมยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!”
กล่าวจบ ไป๋จิ่นจื้อไม่รอให้ไป๋ชิงเจี๋ยลุกขึ้นมา สาวน้อยฟาดแส้ไปที่ตัวของไป๋ชิงเจี๋ยจนชายหนุ่มล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น “แส้นี้เพราะความมีตาหามีแววของเจ้า กล้ากล่าววาจาไร้สาระทำลายความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างพี่หญิงใหญ่ของข้าและองค์รัชทายาท!”
ชาวบ้านที่รายล้อมต่างงุนงงไปตามๆ กัน ตระกูลไป๋ทำเรื่องชั่วร้ายในซั่วหยางโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือฟ้าดิน เด็กสาวผู้นี้เป็นเทพมาจากที่ใดกันถึงกล้าฟาดแส้ใส่คนของตระกูลไป๋เช่นนี้!
แต่นอกเหนือจากนี้ ชาวบ้านกลับรู้สึกสะใจอยู่ในใจ
ดวงตาของไป๋ชิงเจี๋ยเกรี้ยวกราด “วันนี้ผู้ใดจับพวกนี้ได้ ข้าจะตบรางวัลให้สองร้อยตำลึง!”
“เจ้าลองเข้ามาสิ!” ไป๋จิ่นจื้อโกรธจนร่างสั่นเทิ้ม ฟาดแส้ไปมาอย่างโมโหจนเกิดเสียงดังลั่น ผู้คนต่างรู้สึกหวั่นเกรง
เมื่อบรรดาคุณชายตระกูลรองที่ติดตามไป๋ชิงเจี๋ยมาบีบบังคับให้เจ้าของหอเทียนเซียงยกหอนี้ให้แก่พวกเขาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มผิดปกติ พวกเขาต่างลอบมองไปยังสตรีที่ยืนหยัดกายตรงอยู่ใต้หอเทียนเซียงท่ามกลางความคุ้มครองขององครักษ์และเด็กสาวที่กำลังสะบัดแส้ไปมา
สตรีผู้นั้นยืนเอามือไขว้หลัง ร่างเพรียวระหงอยู่ในชุดขี่ม้าสีขาว ใบหน้างดงามน่าตราตรึงใจ ทว่า ดวงตาคู่นั้นกลับล้ำลึกและสงบนิ่งราวกับคลื่นในมหาสมุทร สายตาของหญิงสาวทำเอาผู้มองรู้สึกใจกระตุกวูบ บารมีน่าเกรงขามยิ่งนัก
ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น น้ำเสียงเยือกเย็นราบเรียบจนคนฟังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ที่แท้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋แห่งซั่วหยางอาศัยบารมีของตระกูลไป๋ทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้เองสินะ…”
คุณชายคนหนึ่งของตระกูลไป๋ได้สติ เขาเบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
“ฉุดคร่าหญิงสาวโดยไม่กลัวกฎของบ้านเมือง ทำลายชีวิตของชาวบ้านบริสุทธิ์ราวกับผักปลา แย่งชิงทรัพย์สินของผู้อื่น ร่วมมือกับทางการยึดครองสูตรยาลับของตระกูลอื่น ซื้อกิจการของผู้อื่นในราคาต่ำ…แต่กลับไม่ดูแลเด็กรับใช้ในร้านให้ดี บีบคั้นจนผู้ดูแลร้านเสียชีวิต อาศัยบารมีของตระกูลไป๋กดดันทางการ ให้ตัดสินผู้บริสุทธิ์ว่าเป็นคนผิด ทำเรื่องชั่วช้าจนโดนร้องเรียนมากมาย บัดนี้ถึงขนาดกล้าอวดอ้างบารมีขององค์รัชทายาทเพื่อทำเรื่องชั่วช้าอีกต่างหาก!”
“ท่านปู่ของข้าเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เว่ยถิงรักชาวบ้านดั่งบุตรหลาน สละชีพออกรบเพื่อปกป้องชาวบ้าน ท่านอบรมสั่งสอนบุตรหลานของตระกูลไป๋…ในเมื่อพวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยภาษีของชาวบ้าน พวกเราต้องเห็นพวกเขาเป็นดั่งสายเลือดเดียวกัน เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องสละชีพเพื่อชาวบ้าน! บรรดาบุรุษแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเสียชีวิตเพราะปกป้องชาวบ้านอยู่ที่หนานเจียงอย่างกล้าหาญ ส่วนพวกเจ้า…กลับอาศัยบารมีของท่านปู่ข้าสังหารชีวิตของชาวบ้านตามอำเภอใจเช่นนี้หรือ!”
เมื่อชาวบ้านที่รายล้อมอยู่บริเวณรอบๆ ได้ยินคำกล่าวนี้ก็รับรู้ฐานะที่แท้จริงของคนตรงหน้าทันที
เจ้าของหอเทียนเซียงที่กอดร่างของบุตรชายหลบอยู่ด้านใน หอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขารู้ว่าที่ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ในซั่วหยางทำเรื่องชั่วช้าโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะเบื้องหลังมีเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ซึ่งสนิทสนมกับรัชทายาทอยู่!
บัดนี้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาจัดการกับคนของตระกูลไป๋ที่นี่ด้วยตัวเอง ตระกูลของพวกเขาจึงรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้ไปได้ เจ้าของหอเทียนเซียงไม่สนใจว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กำลังแสดงละครตบตาหรือไม่เคยรับรู้การกระทำชั่วร้ายของตระกูลบรรพบุรุษไป๋จริงๆ ทว่า ในเมื่อเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เลือกหอเทียนเซียงเป็นสถานที่เชือดไก่ให้ลิงดู วันนี้เขาจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนทุกคนรับรู้กันไปทั่ว ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจรักษาหอเทียนเซียงเอาไว้ได้
เจ้าของหอเทียนไม่รอช้า รีบพาบุตรชายเดินออกมาด้านนอก ก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา
“จวิ้นจู่โปรดคืนความยุติธรรมให้ข้าด้วยเถิดขอรับ! ตระกูลไป๋ร่วมมือกับทางการ ทำให้พ่อค้าอย่างพวกข้าแทบไม่มีทางรอดแล้วขอรับ! วันนี้พวกเขาจับลูกชายคนเล็กของข้ามาขู่ว่าหากข้าไม่ยอมยกหอเทียนเซียงให้ พวกเขาจะตัดมือของลูกชายข้าขอรับ!”
เจ้าของหอเทียนเซียงกอดบุตรชายคนเล็กไว้ในอ้อมกอดพลางร้องให้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น
“พี่ห้า!” ลูกหลานตระกูลไป๋รีบเข้าไปประคองไป๋ชิงเจี๋ย พวกเขาไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้น กล่าวเสียงเบาหวิว “นั่นคือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไป๋ชิงเหยียนขอรับ!”
ไป๋ชิงเจี๋ยที่ในปากมีแต่เลือดตะลึงงัน สายตาที่มองไปทางไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองบรรดาลูกหลานของตระกูลไป๋ น้ำเสียงเยือกเย็น “เสี่ยวซื่อ ประคองเจ้าของหอเทียนเซียงขึ้นมา ให้คนไปตามนายอำเภอโจวมาด้วย หากวันนี้นายอำเภอโจวไม่จัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรม ข้าจะฟ้ององค์รัชทายาทว่าเขามีความผิดฐานรับสินบน!”
ตั้งแต่ที่นายอำเภอโจวรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมาถึงเมืองซั่วหยาง เขาก็รีบรวบรวมหลักฐานความผิดต่างๆ และมุ่งหน้ามายังโรงเตี๊ยม ผู้ใดจะคิดว่าเขาไปได้ครึ่งทางก็ได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนมายังหอเทียนเซียง…
เขาจึงรีบให้คนเปลี่ยนทิศทางมายังหอเทียนเซียงทันที
ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อเขามาถึงจะเห็นภาพของไป๋จิ่นจื้อกำลังฟาดแส้ใส่บรรดาคุณชายเจ้าสำราญของตระกูลไป๋ จากนั้นก็ได้ยินเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กล่าวถึงเขา นายอำเภอโจวรู้สึกโชคดีที่ตัวเองรวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้ทันเวลา
นายอำเภอโจวรับหลักฐานมาจากมือของลูกน้อง จากนั้นฝ่าวงล้อมชาวบ้านที่มาดูเรื่องครึกครื้นเข้าไปด้านในท่ามกลางการอารักขาขององครักษ์ ตะโกนเสียงดังลั่น “จวิ้นจู่…จวิ้นจู่ ข้าอยู่นี่ขอรับ ข้าอยู่นี่ขอรับ!”
นายอำเภอโจวซึ่งหอบหลักฐานไว้ในอ้อมแขนเดินฝ่าวงล้อมออกมาพลางจับหมวกขุนนางที่บิดเบี้ยวให้ตรง จากนั้นรีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คาราวะเจวิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขอรับ!”
“นายอำเภอโจว…” สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่ร่างของนายอำเภอโจว น้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าเพิ่งมาถึงซั่วหยางเมื่อวาน วันนี้แค่เดินสำรวจเพียงครึ่งวันก็รับรู้การกระทำชั่วร้ายมากมายของคนตระกูลไป๋ในช่วงหลายปีมานี้! ท่านเป็นคนของประชาชน หลายปีมานี้ ท่านไม่รับรู้อันใดเลยหรือ ท่านเคยทำเพื่อชาวบ้านบ้างหรือไม่”
“ข้าผิดไปแล้วขอรับ!”