สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 348 ของตกทอดจากบรรพบุรุษ
“ท่านย่าของข้าเป็นถึงองค์หญิงใหญ่! พี่หญิงใหญ่ของข้าคือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ แต่ยังโดนพวกท่านรังแกถึงเพียงนี้ พวกท่านรังแกจนท่านย่าของข้าโมโหจนกระอักเลือด วันนี้ข้าขอกล่าวไว้ตรงนี้เลยว่าหากท่านย่าของข้าเป็นอันใดไป ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าเดินออกไปจากเมืองหลวงนี้ไม่ได้อีกเลย!”
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“พ่อบ้านเหา นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากตระกูลบรรพบุรุษไป๋ยังกล้ามาอาละวาดหรือก่อความวุ่นวายที่หน้าจวนอีก ให้คนไปตามทางการมาจับตัวไปได้เลย ไม่ต้องไว้หน้า!”
“ขอรับ!” พ่อบ้านเหารับคำอย่างนอบน้อม
ไป๋จิ่นจื้อใช้มือที่กุมแส้ชี้ไปยังตระกูลบรรพบุรุษ จากนั้นหมุนตัวเดินกลับเข้าจวน
พ่อบ้านมองตระกูลบรรพบุรุษที่กำลังนิ่งอึ้งด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเอ่ยขึ้น “หากพวกท่านยังไม่ไป ข้าจะให้คนไปตามทางการมาแล้วนะขอรับ”
ชาวบ้านมองเห็นบรรพบุรุษตระกูลไป๋ต่างหน้าแดงก่ำก็เข้าใจขึ้นมาทันที ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
“ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่ซั่วหยางเหิมเกริมเกินไปแล้ว ถึงขนาดทำให้องค์หญิงใหญ่กระอักเลือดเลยหรือ!”
“เมื่อวานยังต่อว่าหาว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่ช่วยเหลือคนในตระกูลบรรพบุรุษ แต่จะถอนตัวออกจากตระกูล ข้ายังคิดอยู่เลยว่าจะย้ายกลับไปอยู่ซั่วหยางอยู่แล้ว เหตุใดเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จึงยังวางมาดเช่นนี้ วันข้างหน้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากลูกพี่ลูกน้องจากตระกูลบรรพบุรุษหรืออย่างไร นึกไม่ถึงเลยว่าที่แท้พวกเขาต้องการให้จวิ้นจู่กดดันทางการให้ปล่อยตัวคนทำผิดออกมาเช่นนี้ มิน่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ถึงไม่ยอมช่วย!”
“เฮ้อ ตระกูลไป๋ใจดีเกินไปแล้ว ขนาดองค์หญิงใหญ่ยังโมโหจนกระอักเลือดเลย ไม่เพียงไม่จับกุมคนเนรคุณพวกนี้เอาไว้ แต่กลับปล่อยพวกเขาจากไปเช่นนี้อีก!”
“นั่นนะสิ คราวที่แล้วคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ถูกโบยก็เพราะฟาดแส้ใส่ชาวบ้านที่ถูกจ้างวานมาก่อเรื่องหน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่ใช่หรืออย่างไรกัน!”
“ตระกูลบรรพบุรุษไป๋เหิมเกริมถึงเพียงนี้ ขนาดอยู่ในเมืองหลวงยังกล้าทำให้องค์หญิงใหญ่กระอักเลือด ต่อไปไม่รู้ว่าจะรังแกเหล่าสตรีของตระกูลไป๋เช่นไรบ้าง ตระกูลบรรพบุรุษเช่นนี้ มิสู้ถอนตัวจากตระกูลดีกว่า”
“พวกเจ้าจะไปรู้อันใด” ผู้อาวุโสในตระกูลผู้หนึ่งเอ่ยอธิบายอย่างกระวนกระวาย
“องค์หญิงใหญ่ผู้นั้นไม่ได้…”
ประมุขไป๋รีบจับมือของผู้อาวุโสคนนั้นห้ามปรามไม่ให้เขากล่าวสิ่งใดอีก
ต่อให้กล่าวออกไปก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ องค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์จะแสร้งทำเป็นแกระอักเลือดเพื่อจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ ผู้อื่นมีแต่จะคิดว่าพวกเขาสร้างเรื่องโกหกเพื่อปัดความผิดก็เท่านั้น
ประมุขไป๋ส่ายหน้า องค์หญิงใหญ่ลงมือเอง ไม่นานเรื่องความเหิมเกริมของตระกูลบรรพบุรุษไป๋คงแพร่กระจายไปทั่ว บัดนี้คงช่วยเด็กๆ ที่อยู่ในคุกออกมาไม่ได้แล้ว
นึกถึงคำสาบานที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวตอนอยู่ที่ซั่วหยาง…หากไม่ไล่เด็กเหล่านั้นออกจากตระกูล ไป๋ชิงเหยียนจะถอนตัวออกจากตระกูลเอง
เป็นจริงดังที่องค์หญิงใหญ่กล่าว หากไร้ซึ่งการคุ้มครองจากเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ หากข่าวเรื่องที่ตระกูลบรรพบุรุษรังแกสตรีหม้ายของตระกูลไป๋และทำให้องค์หญิงใหญ่กระอักเลือดแพร่ไปถึงหูของทางการ ทางการล้วนทำตามทิศทางของอำนาจ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋คงจบสิ้นแน่
ทว่า หากขับไล่เด็กๆ เหล่านั้นออกจากตระกูล หนึ่งในนั้นมีไป๋ชิงเจี๋ยซึ่งเป็นหลานชายของประมุขไป๋รวมอยู่ด้วย ประมุขไป๋จะทำใจได้อย่างไรกัน!
“ท่านประมุข ทำอย่างไรดีขอรับ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยถาม
ประมุขไป๋ขบกรามแน่น มองดูเหล่าองครักษ์และพ่อบ้านเหาที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ จากนั้นกล่าวขึ้น “กลับไปซั่วหยางก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อต่งซื่อ ฮูหยินสองหลิวซื่อ ฮูหยินสามหลี่ซื่อและฮูหยินสี่หวังรับรู้ข่าวต่างก็รีบไปยังเรือนฉางโซ่ว แม้ฮูหยินห้าฉีซื่อกำลังอยู่ไฟออกมาไม่ได้ ทว่า นางก็ส่งตี๋หมัวมัวมาเยี่ยมเช่นเดียวกัน
คุณหนูห้าไป๋จิ่นเจา คุณหนูหกไป๋จิ่นหวาและคุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อต่างรีบมายังเรือนฉางโซ่วอย่างรวดเร็ว แม่นางหลูถือกล่องยาของตัวเองมาที่เรือนฉางโซ่วอย่างร้อนรนทันทีที่รู้ข่าว
ไป๋ชิงเหยียนยืนดูอยู่ด้านข้าง ท่านย่าไม่ได้ปิดปังแม่นางหลูผู้นี้แต่อย่างใด ท่านบอกกับแม่นางหลูตามความจริง หญิงสาวเข้าใจพลางกล่าวขึ้น
“หากท่านแม่บุญธรรมไว้ใจข้า ข้าสามารถช่วยฝังเข็มให้ท่านได้ แม้จะทำให้ท่านใจเต้นรัวไปบ้าง ทว่า สามารถตบตาหมอหลวงได้สักพัก เมื่อหมอหลวงจากไป ข้าค่อยฝังเข็มแก้อาการให้ท่าน”
เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่พยักหน้า แม่นางหลูจึงล้างมือจนสะอาด เปิดกล่องยาหยิบเข็มออกมา จากนั้นใช้ไฟรนที่เข็มทอง
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางแม่นางหลูที่กำลังฝังเข็มให้ท่านย่าอย่างตั้งใจ เอ่ยถามขึ้น
“เข็มทองที่ท่านอาใช้คือของตกทอดจากบรรพบุรุษใช่หรือไม่เจ้าคะ”
แม่นางหลูนึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะเรียกตนว่าอา นางตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นกล่าวขึ้น
“ถือเป็นของตกถอดจากบรรพบุรุษก็ได้ นี่คือของท่านตามอบให้ท่านแม่ของข้าก่อนแต่งงาน ต่อมาท่านแม่มอบให้ข้า ทว่า ตระกูลของท่านตามีเข็มทองที่สืบทอดต่อกันมาหลายรุ่นอยู่อีกชุด”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก หญิงสาวถอยหลังไปยืนอยู่ข้างกายของท่านอาสะใภ้สี่ที่กำลังนับลูกประคำขอพรให้สวรรค์คุ้มครองท่านย่าให้ปลอดภัย หญิงสาวยกมือลูบไปที่จดหมายที่ซ่อนอยู่ในเสื้อของตนเอง
เมื่อสำนักหมอหลวงได้ข่าวว่าองค์หญิงใหญ่ถูกบรรพบุรุตระกูลไป๋ยั่วโมโหจนกระอักเลือด หมอหลวงหวงพาลูกมืออีกสามคนมายังจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่
แม่นางหลูยืนอยู่ด้านข้าง อธิบายชีวิตความเป็นอยู่ขององค์หญิงใหญ่ในแต่ละวันให้หมอหลวงหวงฟัง จากนั้นร่วมปรึกษากับหมอหลวงหวงว่าควรจัดยาตัวใดให้องค์หญิงใหญ่ทาน หมอหลวงหวงมองแม่นางหลูอย่างชื่นชม รู้สึกว่าฝีมือการแพทย์ของแม่นางหลูผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
หมอหลวงหวงอดนึกถึงข่าวลือเรื่องที่ว่าแม่นางหลูเป็นไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดไม่ได้ ยิ่งมองไปยังแม่นางหลูที่กำลังปรุงยาอยู่กับหมอท่านอื่น รัศมีสูงส่งเรียบง่าย ช่างเหมือนกับไป๋ซู่ชิวลูกศิษย์คนโปรดของหมอหงผู้เป็นศิษย์พี่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน มิน่าองค์หญิงใหญ่ถึงได้คิดว่านางคือไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิด
ก็จริง บุตรขององค์หญิงใหญ่ล้วนเสียชีวิตลงหมดแล้ว องค์หญิงใหญ่หาที่พึ่งทางใจไว้ก็ถูกแล้ว
หมอหลวงหวงจ่ายยาพร้อมอธิบายวิธีต้มยาและปริมาณยาให้แม่นางหลูฟัง ต่งซื่อส่งบรรดาหมอหลวงออกจากเรือนฉางโซ่ว จากนั้นสั่งให้ฉินหมัวมัวไปส่งทุกคนจนถึงหน้าจวนด้วยตัวเอง
แม่นางหลูฝังเข็มให้องค์หญิงใหญ่อีกครั้ง ดูแลให้องค์หญิงใหญ่พักผ่อน จากนั้นหันไปทำความเคารพต่งซื่อและฮูหยินท่านอื่นๆ พลางกล่าวขึ้น
“ท่านแม่บุญธรรมมีข้าคอยดูแล ท่านพี่สะใภ้กลับไปพักผ่อนกันเถิดเจ้าค่ะ ที่นี่แออัดเกินไปคงไม่ดีนัก”
องค์หญิงใหญ่เอนกายพิงหมอน มือนับลูกประคำพลางเอ่ยขึ้น “กลับกันไปเถิด”
“ท่านแม่ ข้าขออยู่ดูแลท่านย่าที่นี่นะเจ้าคะ ข้าจะได้อยู่เรียนรู้ไปด้วย”
ไป๋จิ่นเซ่อทำความเคารพต่งซื่อจากนั้นกล่าวขึ้น
ต่งซื่อพยักหน้า “เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว…”
“กตัญญูต่อท่านย่าคือหน้าที่ของจิ่นเซ่อเจ้าค่ะ จะลำบากได้อย่างไรเจ้าคะ” ไป๋จิ่นเซ่อรีบกล่าวขึ้น
ทุกคนทำความเคารพองค์หญิงใหญ่พลางเดินออกมาจากห้อง ต่งซื่อขมวดคิ้วพลางเอ่ยกับไป๋ชิงเหยียน
”ถุงทรายของเจ้าหนักเกินไปหรือไม่”
“กำลังดีเจ้าค่ะ อาเป่ารู้ขอบเขตดี ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวหรอกเจ้าค่ะ ท่านแม่วางใจได้”
ไป๋ชิงเหยียนส่งต่งซื่อถึงหน้าประตู มองดูต่งซื่อเดินจากไป จากนั้นหันไปกล่าวกับชุนเถา
“ไปเยี่ยมท่านอาสะใภ้สี่”
หญิงชราที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าเรือนลี่สุ่ยมองเห็นไปชิงเหยียนเดินมาทางนี้จึงรีบไปรายงานกวนหมัวมัวด้านในห้อง