สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 357 อาศัยอำนาจ
องค์หญิงใหญ่ชะงักมือที่กำลังนับลูกประคำอยู่ ลืมตาขึ้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “ส่วนเรื่องหลี่เม่าเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล มีย่าอยู่ เจ้ากลับไปจัดการเรื่องตระกูลบรรพบุรุษอย่างสบายใจเถิด”
สิ่งสำคัญก็คือองค์หญิงใหญ่มั่นใจว่าหลี่เม่ายังไม่มีความสามารถเพียงพอและยังไม่กล้าลงมือกับตระกูลไป๋ให้ตระกูลไป๋พ่ายแพ้ยับเยินโดยที่ตั้งรับไม่ทันในตอนนี้
หลี่เม่าเป็นคนรอบคอบ ก่อนลงมือเขาต้องมาหยั่งเชิงก่อนอย่างแน่นอน ทว่า หากหลี่เม่าต้องการหยั่งเชิงก็คงไม่เลือกตอนที่ไป๋ชิงเหยียนไม่อยู่ เพราะคนที่ไปหาหลี่เม่าคือไป๋ชิงเหยียน ไม่ใช่ผู้อื่น
“ทว่า ครั้งนี้ให้เว่ยจงไปกับเจ้าด้วยเถิด!” องค์หญิงใหญ่มองไป๋ชิงเหยียนอย่างจริงจัง “เว่ยจงมาจากวังหลวง มีเขาคอยตามอยู่ข้างกายเจ้า ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ต้องหวั่นเกรงอย่างแน่นอน”
“ให้เว่ยจงอยู่รับใช้ท่านย่าเถิดเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “หากหลี่เม่าลงมือขึ้นมา คนที่ท่านย่าจะเรียกใช้งานได้มีเพียงเจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงเท่านั้น หากเว่ยจงตามข้ากลับไปซั่วหยางด้วย ข้าไม่วางใจทางนี้เจ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่อยากจะกล่าวสิ่งใดอีก ทว่า ไป๋ชิงเหยียนขัดขึ้นมาก่อน “ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ จัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองแรง หากตระกูลบรรพบุรุษไม่ยอมขับไล่ทายาทเลวทรามเหล่านั้นออกจากตระกูล ข้าจะขอถอนตัวออกจากตระกูลเอง! ตระกูลบรรพบุรุษไป๋แห่งซั่วหยางยังต้องพึ่งพาอาศัยตระกูลไป๋ของเรา พวกเขาต้องยอมทำตามแน่นอนเจ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่พยักหน้า “เจ้าไปบอกกับแม่ของเจ้าด้วย กลับไปเตรียมตัวเถิด! เรื่องนี้จัดการเร็วเท่าใดยิ่งดี เจ้าออกเดินทางวันนี้เลย”
“วันนี้คงไม่ทันเจ้าค่ะ ข้าต้องไปทูลให้องค์รัชทายาททราบที่จวนรัชทายาทก่อนเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
ในเมื่อทุกคนล้วนคิดว่านางอยู่ฝ่ายขององค์รัชทายาท เช่นนั้นนางก็ควรอาศัยบารมีขององค์รัชทายาทถึงจะถูก
ก่อนหน้านี้ที่ที่ปรึกษาขององค์รัชทายาทแพร่งพรายเรื่องที่นางสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงออกไปก็เพราะต้องการให้องค์รัชทายาทยื่นมือเข้าช่วยเหลือตอนที่นางถูกทอดทิ้ง นางจะได้รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณและจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือ
บัดนี้นางยื่นโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้องค์รัชทายาท แสดงออกว่าเชื่อใจเขา ไม่ปิดบังเรื่องน่าอายในครอบครัวของตน องค์รัชทายาทจะไม่ช่วยนางได้อย่างไรกัน
หากนางบอกกับองค์รัชทายาทว่าเป็นเพราะตระกูลบรรพบุรุษไป๋สร้างเรื่องว่านางมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับองค์รัชทายาท เพื่อต้องการอาศัยบารมีขององค์รัชทายาททำตัวเหิมเกริม ทำร้ายชาวบ้านในเมืองซั่วหยาง นางจึงตัดสินใจจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษอย่างเด็ดขาด ที่ปรึกษาข้างกายองค์รัชทายาทอย่างฟางเหล่าต้องแนะนำให้องค์รัชทายาทส่งคนไปกับนางเพื่อถือโอกาสนี้สร้างชื่อเสียงที่ดีให้องค์รัชทายาทอย่างแน่นอน
ที่นางเลือกเดินทางในวันที่ยี่สิบสี่ เดือนสี่ก็เพื่อให้องค์รัชทายาทได้มีเวลาปรึกษากับที่ปรึกษาของพระองค์เสียก่อน
ที่สำคัญที่สุด ไป๋ชิงเหยียนต้องการให้องค์รัชทายาทได้เห็นความเสื่อมโทรมของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่ซั่วหยาง ให้องค์รัชทายาททูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ให้ฮ่องเต้ได้รับรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนกลับไปซั่วหยางอย่างยากลำบาก ไม่ได้อยู่ที่ซั่วหยางอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ให้ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทได้รับรู้ว่าหลายปีมานี้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำเรื่องเลวร้ายอันใดลงไปบ้าง ถูกชาวบ้านสาปแช่งด่าท่อเช่นไรบ้าง
เช่นนี้เมื่อเกิดปัญหา ‘โจรป่า’ ขึ้น ราชสำนักวุ่นวายจนไม่อาจปลีกตัวได้ เมื่อไป๋ชิงเหยียนเริ่มฝึกฝนชาวบ้านเป็นทหารเพื่อปราบโจร ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทจะได้คิดว่านางทำไปเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของชาวบ้าน กระทั่งให้องค์รัชทายาทคิดว่า…นางทำไปเพื่อสร้างชื่อเสียงที่ดีงามแทนองค์รัชทายาท
ที่สำคัญหากทางการในซั่วหยางเห็นว่าตระกูลไป๋และองค์รัชทายาทสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ ต่อไปก็คงไม่กล้าเป็นศัตรูกับนางอย่างแน่นอน
องค์หญิงใหญ่เข้าใจความหมายของไป๋ชิงเหยียน พยักหน้าน้อยๆ หากองค์รัชทายาทส่งคนติดตามไปยังซั่วหยางด้วย ไป๋ชิงเหยียนก็จะสามารถอาศัยบารมีขององค์รัชทายาทจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ทว่า องค์หญิงใหญ่คิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะคิดการณ์ไกลไปถึงเรื่องการฝึกฝนทหารแล้ว
เมื่อออกมาจากเรือนฉางโซ่ว ไป๋ชิงเหยียนพาหลูผิงไปยังจวนองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทกำลังนั่งจิบชาปรึกษาหารือกับฟางเหล่าอยู่ในห้องตำรา ฟางเหล่าเสนอความคิดเห็นว่าองค์รัชทายาทไม่ควรปล่อยให้เหลียงอ๋องผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการแก้ปัญหาความยากแค้นในเยี่ยนว่อแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น
หากปัญหาที่เยี่ยนว่อไม่ลุกลามใหญ่โต เหลียงอ๋องแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น เช่นนั้นเป้าหมายที่องค์รัชทายาทเสนอชื่อเหลียงอ๋องไปแก้ปัญหาที่เยี่ยนว่อในครั้งนี้ก็คงล้มเหลว เหลียงอ๋องได้หน้าไปแทน ภายภาคหน้าเหลียงอ๋องก็มีสิทธิ์แย่งชิงบัลลังก์นั้นเหมือนกับองค์รัชทายาท
“ฮ่องเต้ทรงชราภาพมากแล้ว คนชรามักชอบรำลึกถึงความหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหลียงอ๋องทรงเป็นโอรสของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน หลายปีมานี้เป็นเพราะเหลียงอ๋องถูกเลี้ยงดูมาโดยถงกุ้ยเฟย อีกทั้งเหลียงอ๋องทรงเป็นคนขี้ขลาด ฮ่องเต้จึงไม่ค่อยพอพระทัยในตัวเหลียงอ๋องสักเท่าใด ทว่า หากครั้งนี้เหลียงอ๋องแก้ไขปัญหาความยากแค้นที่เยี่ยนว่อได้อย่างสมบูรณ์แบบเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางเหล่ากล่าวเตือนองค์รัชทายาท “องค์ชายทรงอย่าลืมนะพ่ะย่ะค่ะว่าเหลียงอ๋องใจกล้าถึงขนาดอ้างเรื่องความรักของหนุ่มสาวใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องทรยศบ้านเมือง แสดงว่าเหลียงอ๋องไม่ได้อ่อนแอเหมือนดั่งเปลือกนอกที่เขาแสดงให้ทุกคนเห็นนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทได้ยินคำกล่าวของฟางเหล่า ใจของเขากระตุกวูบ พยักหน้าน้อยๆ
นั่นสินะ เหลียงอ๋องซื้อตัวสาวใช้ใหญ่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน ให้สัญญาว่าจะรับสาวใช้ผู้นั้นเป็นอนุเพื่อหวังทำลายจวนเจิ้นกั๋วกง
หากเหลียงอ๋องทำไปเพื่อช่วยเหลือซิ่นอ๋องจริงๆ จะซื้อตัวสาวใช้ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนไว้ก่อนหน้านั้นได้อย่างไรกัน แล้วยังอ้างเรื่องการแต่งงานกับไป๋ชิงเหยียนหลอกให้สาวใช้ผู้นั้นนำจดหมายไปวางในจวนเจิ้นกั๋วกงอีก
เห็นได้ชัดเจนว่าเหลียงอ๋องเป็นคนเจ้าแผนการคนหนึ่ง
องค์รัชทายาทหรี่ตาแคบลง “หากไม่ได้ฟางเหล่าเตือน เราคงมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว”
“องค์ชายทรงงานยุ่งมากมาย ในฐานะที่ปรึกษากระหม่อมต้องช่วยพระองค์สังเกตเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าก้มศีรษะให้องค์รัชทายาทเล็กน้อย “เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยาก ปัญหาที่เยี่ยนว่อส่งผลกระทบต่อหลายเมือง การแก้ไขปัญหาให้สงบเรียบร้อยทุกที่เป็นไปได้ยากอยู่แล้ว พวกเราแค่ส่งคนไปกระตุ้นชาวบ้านให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ถึงเวลานั้นหากเหลียงอ๋องจัดการแก้ปัญหาไม่ได้ ฮ่องเต้ต้องทรงพิโรธแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทก้มหน้าใช้มือลูบไปที่ถ้วยน้ำชาเบาๆ “หากชาวบ้านอาละวาดประท้วงขึ้นมา เหลียงอ๋องจัดการไม่ได้แล้วเสด็จพ่อส่งเราไปแทน เราจะจัดการได้หรือ”
“องค์ชาย หากชาวบ้านเกิดประท้วงขึ้นมา เราต้องส่งกำลังทหารไปปราบปรามพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายมีอาวุธอย่างเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อยู่ เหตุใดยังต้องกลัวอีกพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าวยิ้มๆ
องค์รัชทายาทคลายคิ้วที่ขมวดออก นั่นสินะ…หากชาวบ้านอาละวาดจนกลายเป็นการประท้วงขึ้นมา เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่นำกองกำลังไปปราบปราม ชื่อเสียงเทพสังหารของไป๋ชิงเหยียนคงทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่กล้าก่อเรื่องอันใดขึ้นอีก
เช่นนี้ผู้ที่ทำให้ปัญหาความยากแค้นที่เยี่ยนว่อสงบลงได้ก็คือเขาผู้นี้
“องค์ชาย เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เสียงแหลมเล็กของเฉวียนอวี๋ดังมาจากด้านนอกห้องตำรา
องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินนามของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ สีหน้าปรากฏแววยินดี “กล่าวถึงเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ จวิ้นจู่ก็มาพอดี! รีบเชิญเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เข้ามา!”
ไม่นาน ไป๋ชิงเหยียนเดินตามเฉวียนอวี๋มาถึงห้องตำรา ย่อกายทำความเคารพองค์รัชทายาท “หม่อมฉันคารวะองค์รัชทายาทเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นมองไปทางฟางเหล่า จากนั้นก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อย ฟางเหล่าก้มศีรษะให้นางเช่นเดียวกัน
“เหตุใดจวิ้นจู่ถึงมาหาเราตอนนี้ได้ มีเรื่องอันใดหรือไม่” องค์รัชทายาทยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียนพลางชี้นิ้วไปยังที่นั่งด้านข้าง สื่อให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งลง
เฉวียนอวี๋ถือน้ำชาเข้ามาด้านในด้วยตัวเอง เมื่อรินน้ำชาให้ไป๋ชิงเหยียนแล้วจึงถอยออกไปจากห้องตำรา