สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 361 กระจ่างแจ้ง
หลูผิงยืนมองเซียวหรงเหยี่ยนและลูกน้องของเขาเดินจากไปไกลอยู่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ รู้สึกเสียดายอยู่ในใจ เซียวหรงเหยี่ยนดูภูมิฐานและสูงศักดิ์ ไม่เหมือนพ่อค้าเลยสักนิด เหมือนบัณฑิตผู้สุขุมและมากไปด้วยความรู้มากกว่า
หากไม่ใช่เพราะเซียวหรงเหยี่ยนเป็นเพียงพ่อค้า ชายหนุ่มคงคู่ควรกับคุณหนูใหญ่มาก
ตอนที่คนทั้งสองเดินเคียงข้างกันเมื่อครู่ เขามองดูจากด้านหลังให้ความรู้สึกเหมือนกิ่งทองใบหยก ช่างดูเหมาะสมกันยิ่งนัก
หลูผิงละสายตาจากคนทั้งสอง เดินตามไป๋ชิงเหยียนกลับเข้าไปในจวน เอ่ยถามหญิงสาวเสียงเบา “คุณหนูใหญ่จะให้สืบประวัติของเด็กรับใช้เมื่อครู่หรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก…น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนว่าพวกเราจะใช้ถนนสายนั้นและบังเอิญเดินผ่านหน้าโรงเหล้านั้นพอดี เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
หลูผิงพยักหน้า กำหมัดขึ้น “ข้าจะให้คนไปกระจายข่าวเรื่องที่คุณหนูใหญ่จะเดินทางกลับไปซั่วหยางในวันมะรืนเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
เมื่อหลี่เม่าซึ่งอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีรับรู้ข่าวที่ไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางกลับซั่วหยางในวันมะรืน เขาเรียกที่ปรึกษาสองคนมาพบ ที่ปรึกษาคนหนึ่งเสนอให้เขาถือโอกาสนี้ถอนรากถอนโคนไป๋ชิงเหยียนให้สิ้นเรื่อง
ทว่า ที่ปรึกษาอีกคนไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะโง่ขนาดพกจดหมายเหล่านั้นติดตัวไปด้วย ที่สำคัญจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีองค์หญิงใหญ่อยู่ คงไม่อาจลอบเข้าไปได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น
หลี่เม่านั่งฟังที่ปรึกษาทั้งสองคนถกเถียงกันท่ามกลางแสงของโคมไฟ เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด “จะบุ่มบ่ามลงมือไม่ได้ จนถึงตอนนี้เรายังไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าไป๋ชิงเหยียนมีจดหมายเหล่านั้นอยู่ในมือจริงหรือไม่ ลองหยั่งเชิงดูก่อนดีกว่า ที่สำคัญต้องหยั่งเชิงตอนที่ไป๋ชิงเหยียนอยู่ในเมืองหลวงด้วย”
ที่ปรึกษาซึ่งอายุมากกว่าซึ่งอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนกล่าวขึ้น ”ท่านมหาเสนาบดี ข้ามีแผนขอรับ”
“ลองว่ามาสิ” หลี่เม่ามองไปยังที่ปรึกษาที่สวมชุดสีฟ้าอ่อน
“ในเมื่อเราสอบถามสิ่งใดจากปากภรรยาของเหวินเจิ้นคังไม่ได้ แล้วนางยังกล่าวอีกว่านางฝากจดหมายฉบับอื่นไว้กับผู้อื่นที่ไม่ใช่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ อีกทั้งพวกเราไม่มั่นใจว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีจดหมายเหล่านั้นอยู่จริงหรือไม่ ไม่สู้พวกเราเลือกที่จะเป็นดองกับศัตรูคนนี้ดีหรือไม่ขอรับ” ที่ปรึกษาผู้สวมชุดสีฟ้ากล่าวขึ้น
หลี่เม่าขมวดคิ้วพลางโบกมือปฏิเสธ “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สาบานว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต อีกทั้งใช้เหตุผลนี้ปฏิเสธองค์ชายแห่งต้าเหลียง นางไม่มีทางแต่งเข้าตระกูลหลี่หรอก”
“ท่านมหาเสนาบดี ข้าไม่ได้หมายถึงเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ แต่หมายถึงเกาอี้เซี่ยนจู่ขอรับ!” ที่ปรึกษาชุดสีฟ้าอ่อนกล่าวขึ้นช้าๆ
หลี่เม่าขมวดคิ้วแน่น ก้มหน้ามองดูโต๊ะตรงหน้าอย่างใช้ความคิด
“ปีนี้เกาอี้เซี่ยนจู่ผ่านพิธีปักปิ่น[1] แล้ว บุตรชายคนเล็กของท่านโตกว่าเกาอี้เซี่ยนจู่เพียงสามปี ยังไม่ได้หมั้นหมาย เช่นนี้ท่านก็จะได้เป็นดองกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ต่อให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะมีจดหมายเหล่านั้นอยู่ในมือก็คงไม่กล้าลงมือทำสิ่งใดหรอกขอรับ” ที่ปรึกษาชุดสีฟ้าอ่อนกล่าว
“หากองค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียนไม่เห็นด้วยเล่า” หลี่เม่าก้มหน้าใช้ความคิด แม้บุตรชายคนเล็กของเขาจะไม่ได้ขึ้นชื่อเท่ากลุ่มคุณชายเจ้าสำราญของหลู่หยวนเผิง ทว่า ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าใด องค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียนจะยอมหรือ
“ท่านสามารถขอให้ฝ่าบาทพระราชทานสมรสได้ขอรับ” ที่ปรึกษาชุดสีฟ้าอ่อนกล่าวพลางยิ้มเล็กน้อย “เช่นนี้ต่อให้องค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียนจะไม่เห็นด้วยก็แก้ไขอันใดไม่ได้แล้ว ตระกูลไป๋ของพวกนางไม่กล้าขัดพระราชโองการหรอกขอรับ ถึงเวลานั้นเมื่อทั้งสองตระกูลเป็นดองกัน เราสามารถควบคุมตระกูลไป๋ให้สงบได้สักระยะ จากนั้นค่อยสืบว่าไป๋ชิงเหยียนมีจดหมายเหล่านั้นอยู่ในมือจริงหรือไม่ขอรับ”
ที่ปรึกษาในชุดสีขาวส่ายหน้า “หากองค์หญิงใหญ่และเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ พวกนางโมโหจนมอบจดหมายเหล่านั้นให้องค์รัชทายาทจะทำเช่นไร”
เมื่อได้ยินที่ปรึกษาในชุดสีขาวกล่าวเช่นนี้ ที่ปรึกษาชุดสีฟ้ามองไปทางหลี่เม่าด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “ท่านมหาเสนาบดีให้ฮูหยินเข้าวังไปทูลขอให้อวี๋กุ้ยเฟยมารดาแท้ๆ ขององค์รัชทายาทเป็นแม่สื่อเถิดขอรับ ให้เด็กทั้งสองหมั้นหมายกันก่อน เมื่อเกาอี้เซี่ยนจู่พ้นช่วงไว้ทุกข์ค่อยจัดงานแต่งงาน หากองค์หญิงใหญ่และเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ พวกนางจะได้มีเวลาแก้ไขเรื่องนี้ ไม่ได้บีบพวกนางจนจนตรอกแล้วหันมาแว้งกัดพวกเราขอรับ”
ยิ่งกล่าวดวงตาของที่ปรึกษาในชุดสีฟ้าก็ยิ่งเป็นประกายขึ้น “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ต้องมาข่มขู่ท่านมหาเสนาบดีให้ถอนหมั้นอย่างแน่นอนขอรับ ถึงเวลานั้นท่านก็บอกไปว่าหากเห็นจดหมายเหล่านั้นถึงจะยอมถอนหมั้น อีกทั้งรับปากว่าจะไม่ทำให้เกาอี้เซี่ยนจู่เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่นนี้เราก็จะรู้ว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีจดหมายเหล่านั้นอยู่จริงหรือไม่ หากมีจริงๆ จวิ้นจู่ต้องการเพียงแค่การอยู่อย่างสงบสุข เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องไปสร้างปัญหาให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ตามพระประสงค์ของเหลียงอ๋อง เราจะได้ไม่เดือดร้อนขอรับ”
ที่ปรึกษาชุดขาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ต่อให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะไม่ได้มีจดหมายเหล่านั้นอยู่จริงๆ บุตรชายคนเล็กของท่านได้แต่งงานกับเกาอี้เซี่ยนจู่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใดขอรับ”
หลี่เม่ามองไปยังตะเกียงแก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะด้านหน้าของตน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ถือเป็นแผนที่ดี!”
“ทีนี้ก็รอต้องดูว่าฮ่องเต้จะทรงเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่ขอรับ”
ขณะที่ที่ปรึกษาทั้งสองคนของหลี่เม่ากำลังใช้ความคิด หลี่เม่ากลับผุดความคิดอีกอย่างขึ้น “ที่จริงไม่จำเป็นต้องไปทูลขอให้ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้จริงๆ ก็ได้ แค่ปล่อยข่าวลือออกไปว่าข้าจะไปทูลขอให้ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้บุตรชายคนเล็กของข้ากับเกาอี้เซี่ยนจู่ หากองค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียนไม่เห็นด้วย ย่อมต้องมาหาข้าอย่างแน่นอน…”
ที่ปรึกษาชุดสีฟ้าอ่อนไม่เห็นด้วย “ทว่า หากองค์หญิงใหญ่รับรู้เรื่องนี้แล้วรีบยกเกาอี้เซี่ยนจู่ให้ผู้อื่นก่อนเล่าขอรับ”
หลี่เม่าได้ยินเช่นนี้ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น เขามองไปยังเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในตะเกียงแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะ แสยะยิ้มเย็นออกมา “เช่นนั้นก็แสดงว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่มีจดหมายเหล่านั้นอยู่จริงอย่างไรเล่า”
ที่ปรึกษาชุดสีฟ้ากระจ่างแจ้งทันที
นั่นสิ หากเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีจดหมายอยู่ในมือจริงๆ หากได้ยินข่าวลือนี้ ย่อมต้องรีบมาเตือนหลี่เม่า จะรีบยกเกาอี้เซี่ยนจู่ให้แต่งงานกับผู้อื่นได้อย่างไรกัน
หากองค์หญิงใหญ่และเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เลือกวิธีนั้นจริงๆ ก็แสดงว่าตระกูลไป๋ไม่มีจดหมายเหล่านั้นอยู่ในครอบครอง เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ก็แค่สืบรู้เรื่องของจดหมายแล้วใช้เรื่องนี้มาข่มขู่หลี่เม่าเท่านั้นเอง
ทว่า หลี่เม่าไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะว่างถึงขนาดกุเรื่องมาข่มขู่เขาเช่นนี้ หลี่เม่ากลัวว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีจดหมายอยู่ในมือแต่ต้องการอ้างเรื่องจดหมายมาข่มขู่เขาเพื่อจุดประสงค์อื่นที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
เช่นเมื่อเขาเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนมีจดหมายอยู่ในมือจริงๆ นางอาจบีบบังคับให้เขาทำสิ่งใดบางอย่าง
หากไป๋ชิงเหยียนมีจดหมายอยู่จริงๆ หลี่เม่าถึงจะเชื่อว่าหญิงสาวทำไปเพื่อต้องการอยู่อย่างสงบจริงๆ ขอแค่เขาไม่ไปหาเรื่องหญิงสาวเพราะเหลียงอ๋องก็คงไม่มีสิ่งใดเสียหาย
ที่ปรึกษาในชุดสีฟ้าลุกขึ้นยืนทำความเคารพหลี่เม่า “ท่านมหาเสนาบดีช่างฉลาดยิ่งนัก ข้านับถือจริงๆ ขอรับ”
หลี่เม่างอนิ้วเคาะลงไปบนโต๊ะ กล่าวขึ้น “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะกลับไปยังซั่วหยางวันที่ยี่สิบสี่ คืนนี้จงแพร่กระจายข่าวเรื่องนี้ออกไป ต้องให้รู้ไปถึงจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ภายในวันพรุ่งนี้ให้ได้ ยิ่งสืบเรื่องนี้เร็วเท่าใด เรายิ่งสบายใจมากขึ้นเท่านั้น”
ที่ปรึกษาชุดขาวกำหมัดรับคำ “วางใจได้ขอรับ ข่าวจะรู้ถึงหูเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ก่อนวันพรุ่งนี้แน่นอนขอรับ”
หลี่เม่าพยักหน้า ยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นจิบ “ไปจัดการเถิด!”
[1] พิธีปักปิ่น หญิงสาวที่มีอายุครบสิบห้าปีจะผ่านพิธีปักปิ่นเพื่อแสดงว่าก้าวสู่วัยสาว พร้อมที่จะออกเรือน