สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 362 ไม่ใช่ข่าวโคมลอย
คืนนี้ปล่อยข่าวเรื่องที่จวนหลี่จะสู่ขอเกาอี้เซี่ยนจู่ให้บุตรชายคนเล็กออกไป พรุ่งนี้หลี่เม่าค่อยให้คนส่งบัตรเทียบขอเข้าเฝ้าไปยังวังหลวง…
ปล่อยข่าวเรื่องที่ฮูหยินของตนจะเข้าวังไปทูลขอพระราชทานสมรสให้บุตรชายคนเล็กออกไป หากไป๋ชิงเหยียนไม่มีท่าทีว่าจะมาหาเขา เช่นนั้นก็แสดงว่าไป๋ชิงเหยียนเพียงแค่กุเรื่องจดหมายระหว่างเขากับองค์ชายรองมาข่มขู่เขาเท่านั้น
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลี่เม่าอดปวดศีรษะขึ้นมาไม่ได้
ตอนนั้นเพื่อต้องการได้รับความไว้วางใจจากองค์ชายรอง เขาจึงรับปากที่ปรึกษาข้างกายองค์ชายรอง ยอมเขียนจดหมายโต้ตอบกับองค์ชายรองด้วยลายมือของตัวเอง เช่นนี้ทั้งสองฝ่ายจะได้มีหลักฐานของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในกำมือ ไม่ต้องกังวลว่าฝ่ายใดจะทรยศ
ต่อมาเขายุให้องค์ชายรองบุกไปยังวังหลวง เดิมทีนึกว่าเรื่องทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วง ผู้ใดจะคิดว่าจะล้มเหลว!
เขารื้อค้นจวนองค์ชายรองจนทั่วแต่ก็หาจดหมายเหล่านั้นไม่พบ บัดนี้จดหมายเหล่านั้นกลายเป็นจุดอ่อนของเขาเอง
เขาต้องคิดหาวิธีหาจดหมายเหล่านั้นให้พบแล้วทำลายมันให้สิ้นซาก เช่นนี้เขาจะได้ไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีก
ไป๋ชิงเหยียนฝึกซ้อมหอกเงินหงอิงเสร็จ เหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งร่าง
ชุนเถาช่วยไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย จากนั้นเช็ดผมให้หญิงสาวจนแห้ง เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนยังไม่พักผ่อนแต่กลับนั่งอ่านตำราอยู่ใต้แสงไฟ ชุนเถาจึงออกไปชงชามาให้ไป๋ชิงเหยียน
เมื่อชุนเถาจากไป ร่างๆ หนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคาอย่างปราดเปรื่อง เมื่อเห็นใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนลางๆ จากหน้าต่าง คนผู้นั้นรีบเดินเข้าไปใกล้หน้าต่าง แนบแผ่นหลังกับกำแพง เอ่ยเสียงเบาหวิว
“ข้าได้รับคำสั่งจากคุณหนูรองให้มารายงานความเคลื่อนไหวของจวนหลี่ให้เจ้านายทราบขอรับ”
ผู้มาเยือนคือองครักษ์ลับขององค์หญิงใหญ่ องครักษ์ลับได้รับคำสั่งจากไป๋ชิงเหยียนให้ทำตามคำสั่งของไป๋จิ่นซิ่ว ทว่า ในใจขององครักษ์ลับมีเพียงคนที่ครอบครองป้ายคำสั่งเท่านั้นถึงจะเป็นเจ้านายตัวจริงของเขา
ดังนั้นเขาจึงเรียกไป๋ชิงเหยียนว่าเจ้านาย
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น มือที่ประคองสันตำราอยู่เกร็งแน่น เอื้อมมือผลักหน้าต่างไม้ออกเล็กน้อย จ้องไปยังผู้กล่าวด้วยแววตาสงบนิ่ง
แสงสีเหลืองอ่อนส่องผ่านรูของหน้าต่างกระทบลงบนพื้นกระเบื้องบริเวณปลายเท้าขององครักษ์ลับ ด้านในหน้าต่างสะท้อนเห็นใบหน้าเลือนรางของไป๋ชิงเหยียน ดวงตาสงบนิ่งคู่นั้นส่อแววคมกริบ
องครักษ์ลับเห็นดังนั้นจึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อคาราวะ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงรวดเร็ว
“ข้าได้รับคำสั่งจากคุณหนูรองให้พาคนไปสังเกตการณ์ที่จวนหลี่ คุณหนูรองเคยสั่งไว้ว่าหากจวนหลี่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ให้ข้ามารายงานเจ้านายทันทีขอรับ คืนนี้จวนหลี่ส่งคนสามสิบคนแยกกันไปกระจายข่าวเรื่องที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าจะสู่ขอเกาอี้เซี่ยนจู่ให้แก่บุตรชายคนเล็กของตนตามโรงเหล้าและสถานรื่นเริงต่างๆ อีกทั้งไม่ได้ปิดบังตัวตนแต่อย่างใดขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ทว่า แววตาเคร่งขรึมลง
นี่คือการหยั่งเชิงของหลี่เม่าอย่างนั้นหรือ
หลี่หมิงถังบุตรชายคนเล็กของหลี่เม่าเป็นบุคคลขึ้นชื่อ แม้เป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นเดียวกัน ว่าไม่เหมือนกับกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญของหลู่หยวนเผิงแม้แต่น้อย!
คุณชายเจ้าสำราญชั้นสูงอย่างกลุ่มของหลู่หยวนเผิง แม้จะสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน ทว่า พวกเขารู้ขอบเขตของตัวเองดี
ทว่า ก็มีคนประเภทหลี่หมิงถัง เมามายหลงใหลในสตรี ไม่สนใจคำติฉินนินทาของผู้อื่น เป็นสัตว์เดรัจฉานที่กล้าแตะต้องแม้แต่อนุของหลี่เม่าผู้เป็นบิดาของตัวเอง!
หลี่เม่ารักบุตรชายคนเล็ก เมื่อเกิดเรื่องขึ้นจึงตัดสินใจสังหารอนุของตัวเองและสั่งเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ทว่า นับแต่นั้นเป็นต้นมาหลี่หมิงถังก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่หอหน่วนชุน สุดท้ายอาละวาดจะรับคณิการะดับสามของหอหน่วนชุนมาเป็นภรรยาเอกให้ได้
ฮูหยินของหลี่เม่าไม่อนุญาต หลี่หมิงถังจึงไม่ไปเข้าร่วมการสอบคัดเลือกขุนนาง หอหน่วนชุนกลายเป็นบ้านของเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาเอาแต่ขลุกตัวอยู่นั้น เมื่อเกิดความใคร่ก็เรียกคณิกาของหอหน่วนชุนไปปรนนิบัติเขาพร้อมกันหลายๆ คน
แม้หลี่หมิงถังไม่เคยเปิดเผยฐานะของตัวเองกับคนภายนอก ทว่า คณิกาแห่งหอหน่วนชุนกลับป่าวประกาศกับผู้อื่นอย่างอดไม่ได้ว่าบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าต้องการรับนางไปเป็นภรรยาเอก
ต่อมาหลี่เม่าลอบสั่งให้คนไปจัดการหอหน่วนชุนหายให้ไปจากเมืองหลวงภายในชั่วค่ำคืน คณิกาทั้งหมดของหอหน่วนชุนหายไปจากโลกใบนี้อย่างไร้ร่องรอย ไร้หลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น
แม้เรื่องนี้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ทว่า ตระกูลสูงศักดิ์เกือบทุกตระกูลล้วนรับรู้เรื่องนี้ดี ผู้ใดไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขันบ้าง
บุตรชายของหลี่เม่าเป็นคนเช่นไร หลี่เม่ารู้ดีอยู่แก่ใจ เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องการยั่วโมโหนางชัดๆ
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยขึ้นช้าๆ “ข้ารู้แล้ว เจ้าจงไปสืบมาว่าวันนี้หลี่หมิงถังบุตรชายของหลี่เม่าอยู่ที่หอนางโลมใด”
“ขอรับ!”
ไม่นาน องครักษ์ลับก็หายตัวไปจากระเบียงทางเดินใกล้หน้าต่าง ราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ไป๋ชิงเหยียนชักมือที่ผลักหน้าต่างกลับ สายตาหยุดอยู่ที่ตำราพิชัยสงครามตรงหน้า ครุ่นคิดอย่างละเอียด…
หลี่เม่าจงใจให้คนปล่อยข่าวนี้ออกมา อีกทั้งไม่ปิดบังฐานะ แสดงว่าเขาต้องการจะดูว่าตระกูลไป๋จะมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรสินะ!
หลี่เม่าต้องการหยั่งเชิงว่าจดหมายเหล่านั้นอยู่ที่นางจริงหรือไม่ก่อนนางจะเดินทางกลับไปยังซั่วหยางสินะ เขาถึงได้รีบร้อนให้คนปล่อยข่าวออกมาในคืนนี้เช่นนี้
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนคิดว่าหลี่เม่าคงรอให้นางกลับมาจากซั่วหยางก่อนแล้วค่อยลงมือ
ผู้ใดจะคิดว่าหลี่เม่าจะลงมือรวดเร็วถึงเพียงนี้ เช่นนั้นนางก็ขอจัดการกับหลี่เม่าก่อนก็แล้วกัน
หลี่เม่ากล้าคิดมาแตะต้องน้องสาวสี่ของนาง เช่นนั้นก็อย่าโทษว่านางอำมหิตก็แล้วกัน
เช่นนี้เขาจะได้รับรู้ว่าการปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบคือความเมตตาที่สุดที่นางจะมีให้เขาแล้ว
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหมอกที่ปกคลุมทั่วทั้งเมืองหลวงกระทบลงบนหลังคากระเบื้องสีฟ้าอ่อนจนสว่างไสวไปทั่วทั้งเมือง
ประตูเรือนชิงฮุยเปิดกว้าง ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งฝึกฝนร่างกายตอนเช้าเสร็จ หญิงสาวยืนอยู่ข้างโต๊ะหินกลางลานหญ้ารับผ้าขนหนูสำหรับเช็ดเหงื่อมาจากมือของชุนเถาพลางฟังหลูผิงรายงานข่าวลือที่เกิดอย่างกะทันหันเมื่อคืน
อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าต้องการสู่ขอเกาอี้เซี่ยนจู่ให้บุตรชายคนเล็กของเขา
“เช้าวันนี้ฮูหยินของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายยื่นบัตรเทียบขอเข้าเฝ้าในวังหลวงไปแล้วขอรับ ไม่เกินบ่ายวันนี้คงได้เข้าไปในวัง หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ฮูหยินของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายต้องไปทูลขอให้ฮองเฮาพระราชทานสมรสให้บุตรชายคนเล็กของนางแน่นอนขอรับ!” น้ำเสียงของหลูผิงร้อนรน “แม้หลี่หมิงถังจะเป็นบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ทว่า ชื่อเสียงของเขาไม่ดีสักเท่าใดนัก แม้จะไม่มีหลักฐานแต่ก็ไม่ใช่ข่าวโคมลอยแน่นอนขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนวางผ้าขนหนูลง รับถ้วยชาที่ชุนเถาส่งให้ ก้มหน้าลงจิบเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ”บุตรชายคนเล็กของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ที่หอฮวาหม่าน ลุงผิงจงนำคนไปหาหลี่หมิงถัง…”
หญิงสาวหันไปมองหลูผิงด้วยแววตาเยือกเย็น
“หักขาทั้งสองข้างของเขา จากนั้นรออยู่ตรงถนนที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะเดินทางผ่านหลังจากเข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้าเสร็จ เดี๋ยวข้าจะตามไป”
หลูผิงตะลึง
หัก…หักขาทั้งสองข้างอย่างนั้นหรือ
“คุณหนูใหญ่นั่นคือบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายนะขอรับ” หลูผิงยังคงตกใจอยู่
“ข้ารู้ดี ลุงผิงทำตามที่ข้าบอกเถิด ข้ารู้ขอบเขตดี” ดวงตาล้ำลึกของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลงกว่าเดิม
“ลุงผิงจงจำไว้ว่าอย่าได้ออมมือเด็ดขาด ต่อให้ตีจนตายก็ไม่เป็นอันใด ยิ่งทำให้เป็นเรื่องใหญ่เท่าใดยิ่งดี”
บุตรชายคนเล็กกับชีวิตคนทั้งตระกูล ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่า…คนที่เห็นแก่ผลประโยชน์อย่างหลี่เม่ารู้ดีว่าสิ่งใดสำคัญกว่ากัน
เวลาลงมือทำสิ่งใดคุณหนูใหญ่ล้วนรู้ขอบเขตดี ในเมื่อคุณหนูใหญ่สั่งให้เขาตีขาทั้งสองข้างของหลี่หมิงถังให้หัก ต่อให้ตีตายก็ไม่เป็นอันใด เช่นนั้นเขาก็จะตีขาเขาให้หัก!
“ขอรับ!” หลูผิงรับคำแล้วจากไปทันที
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ นางคณิกาแห่งหอฮวาหม่านยังไม่ตื่นนอน แขกที่ค้างอยู่ที่หอฮวาหม่านยิ่งเหนื่อยมาทั้งคืน บัดนี้กำลังหลับสนิท