สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 432 พายุฝน
ตอนที่ 432 พายุฝน
นายร้อยซึ่งเคยเป็นลูกน้องในสังกัดของตู้ซานเป่าและได้รับบาดเจ็บจากภูเขาหั่วเสินเอ่ยขึ้น
“จะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว พวกเรามีหน้าที่ออกรบ แม่ทัพมีหน้าที่ออกคำสั่ง หน้าที่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”
ขณะที่ทหารต้ากำลังรวมกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากบนกำแพงเมือง
“กลับมาแล้ว! กลับมาแล้ว! เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กลับมาแล้ว! แม่ทัพหวังสี่ผิงตามติดมาด้านหลัง!”
หลิวหงถอนหายใจอย่างโล่งอก ตะโกนลั่น “เปิดประตูเมือง!”
บรรดาทหารจิ้นที่กำลังนั่งรอฝั่งข่าวโดยไม่กลับไปพักผ่อนพากันลุกขึ้นยืนและชะโงกหน้ามองออกไปนอกเมืองทันที
ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมพัดกระหน่ำราวกับกำลังจะเกิดพายุฝน
กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าทะยานต้านลมกลับมาท่ามกลางความมืดโดยไม่ได้จุดคบไฟ
ผู้ที่ตามไป๋ชิงเหยียนและองครักษ์ตระกูลไป๋มาติดๆ คือแม่ทัพหวังสี่ผิงและพลทหารม้าถือคบไฟ
บนหลังม้าของไป๋ชิงเหยียนคือไป๋จิ่นจื้อที่สลบไม่ได้สติเพราะความเหนื่อยล้า คงเป็นเพราะอยู่ข้างกายพี่หญิงใหญ่ แม้บนหลังม้าจะขรุขระสักเพียงใดสาวน้อยก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย
ครึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดสมองของไป๋จิ่นจื้อก็สามารถผ่อนคลายได้แล้ว วินาทีที่สาวน้อยเห็นไป๋ชิงเหยียนก็คลายความกังวลลงทันที สลบหมดสติอย่างฝืนต่อไปไม่ไหว
ประตูเมืองอันหนักอึ้งถูกเปิดออก เสียงโซ่ของบันไดแขวนกระทบกับกำแพงดังขึ้น กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเข้าไปในเมือง
หลิวหงพาทหารลงมาจากกำแพงเมือง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและองครักษ์ของตระกูลไป๋ลงมาจากหลังม้า เขารีบถลาเข้าไปช่วยหญิงสาวประคองไป๋จิ่นจื้อลงมาจากหลังม้า จากนั้นแบกไปยังกระโจมรักษาตัว
“นายร้อย!” ทหารบาดเจ็บเห็นตู้ซานเป่าซึ่งถูกช่วยกลับมานอนอยู่บนหลังม้าโดยที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดจึงรีบถลาเข้าไปหา
“พาเขาไปยังกระโจมรักษาตัวก่อน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“ขอรับ!”
หลูผิงลงจากหลังม้า แบกเสิ่นชิงจู๋วิ่งไปยังกระโจมรักษาตัว
“จวิ้นจู่! ลำบากแล้ว!” หลิวหงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
ไม่นาน กองทัพของหวังสี่ผิงก็กลับเข้ามาในเมือง หวังสี่ผิงลงจากหลังม้า กล่าวอย่างกระตือรือร้น
“เมื่อข้าเห็นทหารต้าเหลียงลงมาจากภูเขาก็รู้ได้ทันทีว่าจวิ้นจู่ทำสำเร็จแล้วจึงรีบถอยทัพทันทีขอรับ!”
ระหว่างทางกลับ ลมพัดกรรโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ ไป๋ชิงเหยียนถามอย่างเป็นกังวล
“ฝนใกล้ตกหนักแล้ว แม่ทัพใหญ่สั่งอพยพคน เก็บเกี่ยวข้าวสาลีและส่งคนไปทำลายเส้นทางลำเลียงเสบียงของต้าเหลียงแล้วหรือไม่”
หลิวหงพยักหน้า “วางใจได้ขอรับ! ข้าส่งคนไปจัดการหมดแล้ว เป็นดังที่จวิ้นจู่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด กองทัพต้าเหลียงตั้งใจจะทำให้น้ำท่วมเมืองหลงหยาง ส่งคนไปขุดคูน้ำจำนวนมาก คงตั้งใจจะทำให้เสร็จภายในคืนเดียวเพื่อเผด็จศึกพวกเราให้เร็วที่สุด จวิ้นจู่รีบไปพักผ่อนเถิด ยังมีสงครามรอเราอยู่อีก!”
“จริงสิ!” จู่ๆ หลิวหงก็นึกถึงองรักษ์ตระกูลไป๋ที่มารอพบไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่ประตูเมืองทางทิศใต้ขึ้นมาได้
“ทหารคุ้มกันเมืองทางใต้มารายงานว่าองครักษ์ตระกูลไป๋มาสตรีนางหนึ่งมาที่หลงหยาง กล่าวว่าต้องการพบจวิ้นจู่”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางองครักษ์ตระกูลไป๋ซึ่งอยู่ใกล้นางที่สุด “เจ้าไปดูหน่อย”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคาราวะหลิวหง จากนั้นเดินไปทางกระโจมรักษาตัว
ไป๋ชิงเหยียนตรวจสอบบาดแผลตามร่างของไป๋จิ่นจื้อระหว่างทางที่กลับมาแล้ว นางไม่ได้มีบาดแผล ที่สลบไปคงเป็นเพราะเหนื่อยเท่านั้น ทว่า เสิ่นชิงจู๋ได้บาดเจ็บหนักเพราะปกป้องไป๋จิ่นจื้อ ไป๋ชิงเหยียนไม่วางใจจริงๆ
ไป๋จิ่นจื้อไม่เป็นอันใดมาก แต่เป็นเพราะเหนื่อยและง่วงจึงหลับไปทั้งอย่างนั้น นอกจากบาดแผลไฟลวกที่บริเวณหลังมือ หมอทหารไม่กล้าตรวจสอบบริเวณอื่นของร่างกาย ทว่า ชีพจรปกติดี
เสิ่นชิงจู๋มีทั้งบาดแผลจากคมดาบและธนู ประกอบกับใช้งานร่างกายและเคร่งเครียดมากเกินไป นางจึงล้มลงอย่างทนไม่ไหว หมอทหารบอกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก
ไป๋ชิงเหยียนมองดูเสิ่นชิงจู๋ที่สีหน้าไร้สีเลือด กล่าวกับหมอทหาร “กั้นม่านให้ข้า ข้าจะสำรวจบาดแผลของเสิ่งชิงจู๋แล้วมาบอกท่าน ท่านค่อยสอนข้าว่าควรทำเช่นไร”
“ได้ขอรับ!” หมอทหารพยักหน้า
ผ้าม่านถูกปิดลง ไป๋ชิงเหยียนถอดชุดเกราะที่เต็มไปด้วยฝุ่นออก ล้างมือจนสะอาด เตรียมเข้าไปด้านใน ทว่า นางได้ยินเสียงจี้หลางหวาดังขึ้นเสียก่อน “คุณหนูใหญ่!”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมอง เห็นจี้หลางหวาวิ่งเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน
“คุณหนูใหญ่! ข้าตามคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่คุณหนูเริ่มออกเดินทางแล้วเจ้าค่ะ ทว่า สุดท้ายก็ตามคุณหนูใหญ่ไม่ทันอยู่ดี”
จี้หลางหวามองไปที่ม่าน “คุณหนูสี่บาดเจ็บหรือเจ้าคะ คุณหนูใหญ่วางใจให้ข้ารักษาเถิดเจ้าค่ะ”
ตอนอยู่ที่ซั่วหยาง เมื่อจี้หลางหวาทราบข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางมายังเป่ยเจียง นางก็รีบเก็บสัมภาระเดินทางตามไป๋ชิงเหยียนมาทันที สงครามต้องมีคนได้รับบาดเจ็บ ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อล้วนเป็นสตรี หากนางอยู่คงช่วยรักษาได้สะดวกกว่า
ทว่า เมื่อนางไปถึงโถงรับรอง คุณหนูใหญ่จากไปแล้ว ต่งซื่อจึงตัดสินใจให้องครักษ์ตระกูลไป๋คุ้มกันส่งจี้หลางหวาไปหาไป๋ชิงเหยียน ผู้ใดจะคิดว่านางติดตามคุณหนูใหญ่ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้หยุดพักก็ยังตามคุณหนูใหญ่ไม่ทันอยู่ดี
ไป๋ชิงเหยียนเชื่อมั่นในฝีมือการรักษาของจี้หลางหวา มีจี้หลางหวาอยู่นางค่อยวางใจลงหน่อย ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออก จากนั้นรีบเอ่ยขึ้น “คือเสิ่นชิงจู๋! ฝากเจ้าด้วย!”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้จากไป นางอยู่เป็นลูกมือช่วยจี้หลางหวา
เมื่อจี้หลางหวาทำแผลให้เสิ่นชิงจู๋และเขียนใบสั่งยาให้นางเสร็จ หญิงสาวก็ฟุบหลับไปบนโต๊ะทันที
ฟ้ายังไม่สว่าง ฟ้าแลบที่ด้านนอกเป็นระยะๆ ฝนเทกระหน่ำลงมา
ไป๋ชิงเหยียนห่มผ้าให้เสิ่นชิงจู๋ จากนั้นยืนมองสายฝนที่เทลงมาอยู่ตรงทางเดิน อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าทหารเก็บเกี่ยวข้าวสาลีหมดแล้วหรือไม่
วินาทีที่ฟ้าผ่าลงมากลางท้องฟ้า ภาพที่บรรดาทหารกำลังก้มเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในนา และทหารที่ยืนถือธนูอยู่บนที่สูงป้องกันทหารต้าเหลียงลอบโจมตีสว่างชัดขึ้นชั่วขณะ
การเคลื่อนไหวในคืนนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ นี่คือคำสั่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
ทหารต้าจิ้นเก็บเกี่ยวข้าวสาลีเสร็จภายในคืนเดียว ทหารต้าเหลียงขุดคูน้ำเสร็จภายในคืนเดียวเช่นเดียวกัน
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น บุตรชายของสวินเทียนจางกำลังปรนนิบัติบิดาตนเองให้ทานยา จู่ๆ ทหารคนหนึ่งก็ฝ่าสายฝนเข้ามารายงาน
ทหารต้าเหลียงที่เปียกชุ่มไปทั้งร่างเดินเข้ามาในกระโจมอย่างร้อนรน เขาใช้มือปาดหยาดน้ำฝนที่ติดอยู่บนใบหน้าออก
“แม่ทัพใหญ่! สายของเรารายงานว่าเมื่อคืนทหารต้าจิ้นทำลายเส้นทางขนส่งเสบียงอาหารของเราหมดทุกเส้นทาง เหลือเพียงเส้นถนนตรงถนนผิงหมิงที่เดียวขอรับ พวกเขาต้องการตัดเสบียงอาหารของเราแน่ขอรับ!”
สวินเทียนจางกำหมัดแน่น เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “หากต้าจิ้นต้องการตัดเสบียงอาหารของเรา พวกเขาต้องทำลายเส้นทางทุกเส้นทาง พวกเขาเหลือถนนผิงหมิงไว้ให้ก็แสดงว่าต่อการล่อให้พวกเราแบ่งกองทัพไปยังถนนผิงหมิง!”
“กองทัพต้าจิ้นคงอยากจัดการกองกำลังทหารที่ถูกส่งไปคุ้มกันเสบียงอาหารที่ถนนผิงหมิงก่อน จากนั้นค่อยยึดเสบียงอาหารทีหลัง ถึงเวลานั้นต้าเหลียงไม่มีอาหารประทังชีวิต จะทำสงครามได้อย่างไรกัน”
“จะทำเช่นไรต่อไปดีขอรับ”
สวินเทียนจางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากที่มีรสขมจากการดื่มยา กล่าวอย่างมั่นคงหนักแน่น
“ให้กองกำลังหลักมุ่งหน้าไปยังถนนผิงหมิง ทำลายทหารต้าจิ้นให้สิ้นซาก! เรียกแม่ทัพทุกคนมาที่กระโจมด่วน!”
“ขอรับ”
“ขุดคูน้ำเสร็จแล้วหรือไม่” สวินเทียนจางหันไปถามบุตรชาย
บุตรชายของสวินเทียนจางพยักหน้า “ทหารที่ออกไปขุดคูน้ำเมื่อคืนเพิ่งกลับมาถึงค่ายขอรับ ข้าส่งทหารกลุ่มใหม่ไปรับช่วงต่อแล้ว ตอนนี้รอเพียงคำสั่งของท่านพ่อเท่านั้น โชคดีที่เมื่อวานท่านพ่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาด วันนี้ฝนเริ่มตกหนักตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ข้ามีชีวิตอยู่มาสี่สิบกว่าปียังไม่เคยเห็นพายุฝนที่หนักขนาดนี้มาก่อนเลยขอรับ!”