สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 441 รากฐานของแคว้น
ตอนที่ 441 รากฐานของแคว้น
ไป๋จิ่นซิ่วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงช่วงที่ผ่านมาให้ไป๋ชิงเหยียนฟังบนรถม้า
“ขาทั้งสองข้างของหลี่หมิงถัง บุตรชายอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าพิการถาวร หลี่เม่าเปิดศาลบรรพบุรุษให้บุตรชายขอขมา จากนั้นส่งตัวเขากลับไปยังบ้านเกิดของบรรพบุรุษแล้วเจ้าค่ะ ทว่า หลี่หมิงรุ่ย บุตรชายคนโตของหลี่เม่าสร้างผลงานได้ตอนไปแก้ปัญหาภัยอดอยากที่เยี่ยนว่อเจ้าค่ะ ฮ่องเต้ทรงให้เขารับตำแหน่งซื่อหลางของกรมการคลังเจ้าค่ะ คนในเมืองหลวงมากมายล้วนอิจฉาเขา กล่าวกันว่าหลี่หมิงรุ่ยได้ดีเพราะอาศัยบารมีของบิดา ทว่า พอหลี่หมิงรุ่ยเข้ารับตำแหน่ง เขากลับจัดการเรื่องเสบียงที่ต้องส่งไปยังเป่ยเจียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้คนจึงไม่กล่าวอันใดอีกเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง หลี่หมิงรุ่ยเป็นคนมีความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเป็นบุตรชายคนโตของหลี่เม่า ได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอนจากหลี่เม่าตั้งแต่เล็ก เขาย่อมมีฝีมืออยู่แล้ว
“ภัยพิบัติที่เยี่ยนว่อในครั้งนี้เกิดการประท้วงจากชาวบ้าน องค์รัชทายาททรงพลัดตกจากหลังม้าหลังจากเดินทางไปเยี่ยนว่อได้เพียงวันเดียว เมื่อกองทัพไปถึงเยี่ยนว่อจึงประกาศกร้าวว่าผู้ที่ก่อความวุ่นวายจะถูกสังหาร ความวุ่นวายในเยี่ยนว่อจึงสงบลง เมื่อหลี่หมิงรุ่ยกลับมาถึงเมืองหลวง เขารายงานฮ่องเต้ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพไปต้าเยี่ยนเกือบหมดแล้ว อีกทั้งมีคนประกาศว่าผู้ที่อพยพไปต้าเยี่ยนจะได้ใช้การปกครองใหม่ของจีโฮ่วร่วมกับชาวบ้านแคว้นต้าเยี่ยน ได้ที่นาและบ้านหลังใหม่ อีกทั้งได้ลดค่าภาษี ฮ่องเต้ได้ยินจึงรู้สึกดีพระทัยมาก ทรงคิดว่าการที่ชาวบ้านอพยพไปยังต้าเยี่ยนคงทำให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนปวดเศียรไม่น้อย”
ตอนที่กล่าวประโยคนี้ ใบหน้าของไป๋จิ่นซิ่วส่อแววไม่เห็นด้วย
ชาวบ้านคือรากฐานของแคว้น!
ท่านปู่ของพวกนางพร่ำสั่งสอนให้พวกนางฟังเรื่องนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
หากไม่มีชาวบ้าน จะมีแคว้นได้อย่างไร
มีชาวบ้านที่แข็งแกร่งถึงจะมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง หากไม่มีชาวบ้าน…จะมีทหารได้อย่างไรกัน จะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งได้อย่างไรกัน!
“พี่หญิงใหญ่ หากเป็นเรื่องจริง ต้าเยี่ยนคงน่ากลัวมากนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วยกมือลูบท้องของตัวเอง อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ใช่แล้ว ต้าเยี่ยนแข็งแกร่งมากจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนเคยพบจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน เคยพบโอรสองค์รองที่เดินทางมาเป็นตัวประกันที่ต้าจิ้นและรู้จักเซียวหรงเหยี่ยนดี
เป็นคนของราชวงศ์เหมือนกัน เหตุใดจึงเทียบกันไม่ได้เลยนะ…
เมื่อถอนหายใจเสร็จ ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวต่อ “กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติที่เยี่ยนว่อ ครั้งนี้เหลียงอ๋องถูกจับกุมตัวกลับมา เมื่อไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าเขาทูลสิ่งใดกับพระองค์ ทุกครั้งที่ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงถึงได้ส่งคนไปเชิญเหลียงอ๋องมาร่วมงานตลอด เหลียงอ๋องแสร้งทำตัวเป็นคนกตัญญูต่อบิดาอย่างเต็มที่ เข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทุกๆ สามวันถึงห้าวัน อีกทั้งยังอยู่สนทนากับฮ่องเต้นานพอสมควร ทุกครั้งที่พบองค์รัชทายาทก็แสดงความเคารพอย่างจริงใจ นอกจากไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้ว ปกติเขาอยู่แต่ในจวน ไม่ต้อนรับแขกคนใดทั้งสิ้น ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้มากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าค่ะ”
ไปชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง ฮ่องเต้ไม่มีทางโปรดปรานเหลียงอ๋องอย่างไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะหลังจากที่เหลียงอ๋องทำให้เยี่ยนว่อวุ่นวายกว่าเดิมเช่นนี้
“พี่หญิงใหญ่ ข้าคิดว่าอาจเป็นเพราะฮ่องเต้ทรงทราบแล้วว่าองค์รัชทายาทเป็นคนสร้างความวุ่นวายให้เหลียงอ๋องเจ้าค่ะ ทว่า พระองค์ไม่อยากหักหน้าองค์รัชทายาทแต่ก็ต้องตักเตือน ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นโปรดปรานเหลียงอ๋องเช่นนี้เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยถามต่อ “ฮ่องเต้ปฏิบัติต่อองค์รัชทายาทเปลี่ยนไปหรือไม่”
ไป๋จิ่นซิ่วส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำตอบจึงเอนกายพิงหมอนอิง มือลูบไปบนหมอนอย่างใช้ความคิด ครู่ใหญ่จึงกล่าวขึ้น “เหลียงอ๋องคงทำสิ่งใดที่ตรงกับพระทัยของฮ่องเต้เป็นแน่”
ทว่า เหลียงอ๋องทำสิ่งใดถูกใจฮ่องเต้กันนะ ไป๋ชิงเหยียนอดนึกถึงเรื่องที่จี้หลางหวาอาละวาดก่อนที่พวกนางจะเดินทางจากไปขึ้นมาไม่ได้
ตอนนั้นฮ่องเต้เรียกตัวจี้หลางหวาเข้าไปในวัง ไป๋ชิงเหยียนไม่เชื่อว่าฮ่องเต้จะแค่สงสัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ฮ่องเต้ต้องสนใจเรื่องนี้มากแน่ๆ
เหลียงอ๋องมอบชิวกุ้ยเหรินให้ฮ่องเต้ ทว่า การปรากฏตัวของหลูหนิงฮว่าทำให้ความสำคัญของชิวกุ้ยเหรินลดลงกว่าเดิม
เหลียงอ๋องแก้ปัญหาความวุ่นวายที่เยี่ยนว่อไม่สำเร็จ
ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ พระองค์ไม่โปรดนิสัยอ่อนแอของเหลียงอ๋องอยู่แล้ว เหลียงอ๋องควรโดนลงโทษถึงจะถูก
ทว่า ฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษแต่กลับโปรดปรานเหลียงอ๋องมากขึ้น เรียกเหลียงอ๋องเข้าเฝ้าทุกๆ สามถึงห้าวัน ต้องมีเงื่อนงำแอบแฝงอยู่แน่ๆ
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงตอนที่เจี่ยงหมัวมัวจงใจกล่าวต่อหน้าองค์รัชทายาทว่าองค์หญิงใหญ่เป็นไข้ แสดงว่าเจี่ยงหมัวมัวอยากให้นางเดินทางไปพบท่านย่าที่วัดชิงอัน
หลูหนิงฮว่าคงรู้สิ่งใดมาจึงอยากพบนางก่อนที่นางจะเดินทางไปในวังหลวงแน่ๆ
หากนางเดาไม่ผิด เรื่องที่ฮ่องเต้โปรดปรานเหลียงอ๋องต้องเกี่ยวกับเรื่องที่จี้หลางหวาอาละวาดก่อนหน้านี้แน่นอน
หากเป็นเช่นนั้น เหลียงอ๋องคงเป็นแมลงที่ตายยากจริงๆ เขามักพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้เสมอ
“ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ ตั้งแต่ที่ลูกสารเลวของท่านพ่อข้าถูกส่งไปให้คุณชายหวังแห่งซอยจิ่วชวี ข้าก็สั่งให้คนคอยจับตาดูตลอดเวลา น่าแปลกมากเจ้าค่ะ สองสามวันนี้พบว่าพ่อบ้านของจวนเหลียงสนิทสนมกับคุณชายหวังตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำกล่าวของไป๋จิ่นซิ่วก็ขมวดคิ้วแน่น “เจ้าจงส่งคนไปสืบเรื่องนี้อย่างละเอียด ดูว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่”
“ข้าส่งคนไปสืบแล้วเจ้าค่ะ หากก่อนพี่หญิงใหญ่กลับซั่วหยางยังไม่ได้ข่าว ข้าจะส่งคนไปรายงานพี่หญิงใหญ่ที่ซั่วหยางทันทีที่ได้ความคืบหน้าเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูไป๋จิ่นซิ่วที่ท้องนูนใหญ่โต เอื้อมมือไปลูบท้องของน้องสาว “ลำบากเจ้าแล้ว ตั้งครรภ์อยู่แท้ๆ ยังต้องมาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้อีก!”
“พี่หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ข้ารู้สึกละอายนักเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ดูแลตระกูลไป๋ทั้งตระกูล ลำบากกว่าจิ่นซิ่วมากเจ้าค่ะ จิ่นซิ่วแค่อยากแบ่งเบาภาระของพี่หญิงใหญ่บ้าง!” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว
“บัดนี้ท่านหมอหงยังไม่กลับมาถึงเมืองหลวง เจ้าตั้งครรภ์จงระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ ท่านหมอหงบอกว่าอย่างช้าที่สุดน่าจะมาถึงก่อนเจ้าคลอดหนึ่งเดือน น่าจะใกล้ถึงแล้ว! เวลานั้นมีท่านหมอหงคอยดูแล พี่จะได้วางใจ!” ไป๋ชิงเหยียนมองท้องของน้องสาวพลางกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา
“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ แม้ท่านหมอหงจะกลับมาไม่ทันก็ยังมีท่านอาหลูอยู่นะเจ้าคะ ท่านหมอหลวงหวงก็อยู่ ท่านเป็นศิษย์น้องของท่านหมอหง มีฝีมือเก่งกาจไม่แพ้กันเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ฉินหล่างก็กังวลใจมากเช่นกัน เขาบอกหมอหลวงหวงไว้ล่วงหน้าแล้ว หมอหลวงหวงแอบกระซิบบอกไป๋จิ่นซิ่ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวฉินหล่าง
“น้องสาวสองคนและน้องชายอีกคนของฉินหล่างสร้างความวุ่นวายให้เจ้าบ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ
ไป๋จิ่นซิ่วส่ายหน้า “เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ พวกนางอ้างความกตัญญูบีบให้ข้ารับมารดาของพวกนางกลับมาช่วยพวกนางจัดการเรื่องแต่งงาน ทว่า ถูกไล่กลับไปทุกครั้ง เมื่อวานฉินหล่างบอกว่าหากพวกนางคิดถึงมารดาก็จะส่งพวกนางไปอยู่กับมารดาที่วัดเจ้าค่ะ พวกนางคงไม่กล้ามาอาละวาดอีก พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
บัดนี้น้องสาวทั้งสองคนของฉินหล่างอายุมากแล้ว ควรพิจารณาเรื่องแต่งงานได้แล้ว เมื่อเห็นว่ามารดาของตนไม่มีทางได้กลับมาแน่ พวกนางจึงได้แต่พึ่งพาไป๋จิ่นซิ่วซึ่งมียศเป็นฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสูงสุดเท่านั้น
ทว่า คุณหนูตระกูลฉินทั้งสองมีมารดาเป็นคนเช่นนั้น ผู้ใดจะกล้าแต่งงานกับพวกนางกัน ทว่า ทั้งสองคนกลับหยิ่งยโสและหวังสูงเป็นอย่างมาก