สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 460 ช่วยให้สมหวัง
ตอนที่ 460 ช่วยให้สมหวัง
ลำคอของต่งถิงเจินร้อนผ่าว “พี่หญิงไปออกรบในสนามรบเยี่ยงบุรุษได้ แม้เป็นเพียงสตรี ทว่า ชื่อเสียงของพี่หญิงดังไกลไปทั่วทุกแคว้น กลายเป็นนักรบที่ทุกแคว้นต่างหวาดกลัว ทำเรื่องที่แม้แต่บุรุษหลายคนอยากทำก็ยังทำไม่ได้! ข้าอิจฉาที่พี่หญิงสามารถทำในสิ่งที่พี่หญิงอยากทำ เดินไปในทางที่พี่หญิงอยากเดินได้เจ้าค่ะ!”
ตอนต่งถิงเจินยังเด็ก ยามนางไปที่จวนไป๋แล้วเห็นไป๋ชิงเหยียนใช้ไม้ไผ่ฝึกฝนแทนดาบอยู่กับเจิ้นกั๋วอ๋องกลางลานหญ้า เมื่อกลับมาถึงจวนนางจึงทำเช่นนั้นบ้าง ทว่า กลับโดนท่านแม่ตำหนิ อยากเรียนขี่ม้าก็โดนท่านแม่บังคับให้เรียนเย็บปักถักร้อย อยากฝึกวิทายายุทธ์กลับโดนท่านแม่บังคับให้เรียนดีดพิณ
นางไม่เคยตัดสินใจสิ่งใดในชีวิตได้ด้วยตัวเองเลย
แม้กระทั่งก่อนที่เหลียงอ๋องจะปรากฏตัวขึ้น นางยังคิดอยู่เลยว่าชีวิตของสตรีคนหนึ่งคือการร่ำเรียนศิลปะสี่แขนงของสตรี เรียนการบ้านการเรือนกับมารดา จากนั้นแต่งงานมีทายาท เรียนรู้ดูแลสามีและพ่อแม่สามีให้ดีพร้อม เรียนรู้การควบคุมบรรดาอนุของสามีให้อยู่ในโอวาท
นี่คือชีวิตของสตรีส่วนใหญ่ในแคว้นต้าจิ้น
ต่งถิงเจินใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาพลางยิ้มออกมาน้อยๆ
“ข้าเลือกเส้นทางนี้แล้ว หากข้าไม่ลองเดินไปเองจะรู้ได้อย่างไรว่าถูกหรือผิดเจ้าคะ เหลียงอ๋องอาจเป็นคนทะเยอทะยาน หวังสูงอยากครอบครองบัลลังก์นั้น บางทีเขาแค่จงใจแสดงให้คนภายนอกเห็นว่าเขาดูอ่อนแอไร้ความสามารถ ทว่า หากข้าไม่เห็นกับตาของตัวเอง ข้าก็ไม่มีวันรับรู้ได้เจ้าค่ะ!”
ต่งถิงเจินลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “หากเหลียงอ๋องต้องการแต่งงานกับข้าเพราะรักข้าอย่างใจจริง ข้าก็ชนะ! ทว่า หากเขาแต่งงานกับข้าเพียงเพราะต้องการได้รับการสนับสนุนจากท่านอารองซึ่งเป็นผู้ตรวจการเมืองเติงโจวและนักรบผู้เก่งกล้าอย่างพี่หญิง เช่นนั้นข้าไม่มีวันให้เขาได้สมหวังแน่นอนเจ้าค่ะ! คนตระกูลต่ง หากผู้ใดทำดีกับเราหนึ่งส่วน เราจะตอบแทนเขาสิบส่วน! หากทำผิดต่อข้า ข้าพร้อมตายไปพร้อมคนผู้นั้นเจ้าค่ะ!”
“พ่อแม่ของเจ้าเลี้ยงดูฟูมฟักเจ้ามาอย่างทะนุถนอมเพื่อให้เจ้าตายไปพร้อมกับคนที่เลวยิ่งกว่าสุนัขอย่างเหลียงอ๋องอย่างนั้นหรือ!” ไป๋ชิงเหยียนข่มโทสะไม่อยู่ ขึ้นเสียงสูง
“ถิงเจิน คำกล่าวของข้าในวันนี้หยุดยั้งเจ้าไม่ให้แต่งงานกับเหลียงอ๋องไม่ได้เลยหรือ”
ต่งถิงเจินกัดฟันแน่น “พี่หญิง ตามใจข้าสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ! พี่หญิงอย่าบอกเรื่องนี้ให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าทราบเลยนะเจ้าคะ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงพระกรรณของฝ่าบาท ข้าก็จะยอมรับอยู่ดีว่าข้าและเหลียงมีใจให้กัน ถึงเวลานั้นชื่อเสียงของสตรีตระกูลต่งคงเสียหายป่นปี้ ข้าไม่อยากทำถึงขึ้นนั้นเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น รู้สึกท้อแท้ขึ้นมาทันที ต่อให้เหลียงอ๋องจะมีสร้อยนำโชคซึ่งเป็นของติดกายของต่งถงเจินอยู่ในมือ ขอเพียงโน้มน้าวต่งถิงเจินได้ ไป๋ชิงเหยียนย่อมมีวิธีแก้ไขเรื่องนี้
ทว่า หากต่งถิงเจินยืนกรานที่จะแต่งงานกับเหลียงอ๋อง ต่อให้นางจะมีวิธีเช่นไรก็ไม่เป็นผลทั้งสิ้น
ได้แต่หวังว่ารัชทายาทจะเข้าวังไปยับยั้งเรื่องนี้ได้ทันการ
ไป๋ชิงเหยียนคลายมือที่กำแน่นออก สงบสติอารมณ์ลง เอ่ยขึ้น
“ไม่ถึงขั้นต้องตายไปพร้อมกับเขาหรอก ฮ่องเต้ไม่มีทางวู่วามถึงขนาดเห็นของแนบกายของเจ้าแล้วพระราชทานสมรสให้ทันที ท่านลุงไม่ใช่คนไร้เหตุผล หากเจ้าอยากแต่งงานกับเหลียงอ๋องจริงๆ ก็หมั้นหมายกันไว้ก่อน รออีกสักสองปี หากเจ้ายังคิดว่าเหลียงอ๋องคือคนที่เจ้าพร้อมจะฝากชีวิตไว้ด้วยค่อยแต่งงานกับเขา ทว่า หากเจ้ารู้ตัวว่าเขาไม่ได้จริงใจต่อเจ้า เพียงแค่หลอกใช้เจ้าเท่านั้น เจ้าจะได้ตัดสัมพันธ์กับเขาได้! ถิงเจิน หากการทำตามใจตัวเองของเจ้าในครั้งนี้ต้องชดใช้ด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเจ้า มันไม่คุ้มค่าสักนิด! ที่สำคัญหากเจ้าแต่งงานย่อมต้องมีบุตร เจ้าทนเห็นบุตรของเจ้าเห็นพ่อแม่ตายไปต่อหน้าต่อตาทั้งคู่ได้อย่างนั้นหรือ!”
เมื่อทำให้ต่งถิงเจินล้มเลิกความคิดไม่ได้ เช่นนั้นก็ควรให้นางไปสารภาพกับท่านลุงตามความจริง ท่านลุงจะได้เตรียมรับมือได้
แม้สุดท้ายจะขัดขวางไม่ให้ต่งถิงเจินแต่งงานกับเหลียงอ๋องไม่ได้ ทว่า ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็แค่การหมั้นหมาย ยังพอมีหนทางแก้ไข
เหลียงอ๋องต้องการครอบครองบัลลังก์นั้น ทว่า เขาไม่ใช่รัชทายาท บัดนี้ฮ่องเต้ใช้ยาวิเศษอยู่ หากพระองค์ทรงเป็นอันใดขึ้นมา ผู้ที่ได้ครองราชย์ต่อคือรัชทายาท เหลียงอ๋องจะไม่ร้อนใจได้อย่างไรกัน
ความร้อนรนจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายที่สุด
“แค่สองปีเจ้าก็รอไม่ไหวอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามต่อ
ต่งถิงเจินส่ายหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นพยักหน้า
“ข้าจะไปเรียนให้ท่านพ่อท่านแม่ทราบเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ พี่หญิงไปกับข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”
ต่งถิงเจินกำผ้าเช็ดหน้าแน่น รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
“ได้!“ ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
เหลียงอ๋องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้อย่างรีบร้อน ฮ่องเต้ที่กำลังฟังชิวกุ้ยเหรินบรรเลงพิณอยู่นึกว่ามีเรื่องอันใดร้ายแรง
นึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ เหลียงอ๋องจะคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ร้องไห้สารภาพว่าตนเองเข้าใจผิดคิดว่าไป๋ชิงเหยียนคือเด็กสาวที่ตนเองหลงรักเมื่อครั้นยังเป็นเด็ก ตนจึงอยากแต่งงานกับไป๋ชิงเหยียน บัดนี้เขาพบหญิงสาวที่เคยให้ผ้าเช็ดหน้าเขาโดยไม่รังเกียจที่เขาสกปรกแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขายังไม่ทันจะทูลขอให้เสด็จพ่อพระราชทานสมรสให้ สตรีนางนั้นกลับถูกราชครูเฉินหมายปอง…เขาเชิญถานเหล่าไท่จวินไปเป็นตัวแทนสู่ขอนางให้เฉินเจาลู่แล้ว
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“คร่ำครวญอยู่นาน เรายังไม่เข้าใจเสียที…เจ้าหมายถึงสตรีตระกูลใด”
“ทูลเสด็จพ่อ ต่งถิงเจิน บุตรสาวของหงหลู่ซื่อชิงใต้เท้าต่งพ่ะย่ะค่ะ” เหลียงอ๋องรีบชูสร้อยนำโชคซึ่งเป็นของติดกายของต่งถิงเจินขึ้นเหนือศีรษะ
“นี่คือสร้อยนำโชคของถิงเจินพ่ะย่ะค่ะ ถิงเจินกลัวว่าเสด็จพ่อจะไม่ทรงเชื่อว่าลูกและนางมีใจให้กันจริงๆ นางจึงมอบของสิ่งนี้ให้ลูกพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อได้โปรดช่วยลูกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ชาตินี้ลูกอยากแต่งงานกับถิงเจินเพียงคนเดียว ได้โปรดเถิดพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!”
เหลียงอ๋องก้มศีรษะแนบพื้น
ชิวกุ้ยเหรินซึ่งนั่งอยู่ข้างฮ่องเต้กล่าวเสริมขึ้นทันทีที่ได้โอกาส นางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาบริเวณหางตา
“ฝ่าบาท เหลียงอ๋องและแม่นางต่งมีใจผูกพันกันลึกซึ้ง หม่อมฉันประทับใจมากเพคะ ฝ่าบาททรงช่วยให้พวกเขาได้สมหวังกันเถิดนะเพคะ”
ฮ่องเต้มองดูโอรสซึ่งยามปกติอ่อนแอ ทว่า บัดนี้กล้ามาขอร้องเขาเพื่อสตรีเพียงนางเดียว เขาเอนกายพิงหมอนอิงซึ่งปักด้วยลวดลายมังกรทะยานบนท้องนภา ถามขึ้น
“เจ้ากับแม่นางต่งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันแล้วหรือไม่”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ! ไม่มีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!” เหลียงอ๋องก้มศีรษะแนบพื้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ถิงเจินเป็นสตรีที่รู้จักมารยาทเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ ที่นางมอบของติดกายให้ลูกก็เพราะก่อนหน้านี้ลูกเข้าใจผิดเรื่องเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ นางกลัวว่าเสด็จพ่อจะไม่เชื่อว่านางกับลูกมีใจให้กันจริงๆ จึงมอบสิ่งนี้ให้ลูกใช้เป็นเครื่องยืนยันกับเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาท!” ชิวกุ้ยเหรินกระตุกแขนเสื้อฮ่องเต้อย่างออดอ้อน
“ฝ่าบาททรงทำให้เหลียงอ๋องเสียขวัญแล้วนะเพคะ เหลียงอ๋องรักและให้เกียรติแม่นางต่งจริงๆ ฝ่าบาทช่วยพวกเขาเถิดเพคะ!”
“เสด็จพ่อ ชาตินี้ลูกกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง หลบหนีทุกสิ่งทุกอย่าง ทว่า หากเรื่องเกี่ยวข้องกับเสด็จพ่อและบรรดาเสด็จพี่ ลูกมีความกล้าขึ้นมาทันที! บัดนี้ถิงเจินก็เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ ลูกโชคดีที่พบตัวนาง ถิงเจินไม่รังเกียจที่ลูกไร้ความสามารถ ไม่รังเกียจที่ลูกเป็นเพียงคนไร้ค่า…”
“กล่าวเหลวไหลอันใด เจ้าเป็นโอรสของเรา…ผู้ใดกล้ารังเกียจว่าเจ้าเป็นคนไร้ค่ากัน!” ฮ่องเต้หงุดหงิดที่เหลียงอ๋องกล่าวว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า
เหลียงอ๋องคือโอรสของเขา ต่อให้เป็นคนไร้ค่า ในฐานะคนเป็นพ่อ เขาตำหนิบุตรชายได้ ทว่า ผู้ใดไม่กลัวตายกล้ารังเกียจโอรสของเขากัน!
“เสด็จพ่อ…” เหลียงอ๋องมองไปทางฮ่องเต้ทั้งน้ำตา
“แม้คนพวกนั้นจะไม่กล่าวออกมา ทว่า พวกเขาล้วนคิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”