สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 488 จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่
ตอนที่ 488 จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่
ไม่ได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยสิ่งใดออกมา ผู้ดูแลอูเตรียมเหลือบสายตามองไปทางไป๋ชิงเหยียน ทว่า สายตาหยุดอยู่ที่รองเท้าของไป๋ชิงเหยียนก็ได้ยินเสียงใสของไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น เขาตกใจจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีก สายตามองไปยังพื้นตรงหน้าไม่กล้าหลุกหลิกอีก
เมื่อก่อนผู้ดูแลอูเคยเข้ามาในจวนบรรพบุรุษไป๋ เขาย่อมรู้ดีว่าพื้นกระเบื้องและเสาแกะสลักของตระกูลไป๋มีค่ามากเพียงใด เสาเคลือบน้ำมันสีดำปิดทับด้วยทองต้นหนึ่งก็มีค่าไม่รู้ตั้งเท่าใดแล้ว ของที่นำมาประดับตกแต่งล้วนมีที่มาและอายุนับร้อยปี แม้แต่ตะเกียงทองแดงเหล่านั้นก็คงมีอายุนับร้อยปีเช่นเดียวกัน ทุกที่ในจวนสื่อถึงความมั่งคั่งรุ่งเรืองของตระกูลไป๋
ทว่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าของตัวจริงกลับมาหรือจวนถูกตกแต่งใหม่อีกครั้ง บัดนี้เมื่อย่างกรายเข้ามาในโถงรับรองอีกครั้ง ผู้ดูแลอูถึงได้ประหม่าจนเหงื่อตก ขนาดไม่ได้เงยหน้าขึ้นยังรู้สึกกดดันจากบรรยากาศโดยรอบจนเสียวสันหลังวาบเช่นนี้
ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อซึ่งเย็บซ่อนด้วยด้ายสีเงินอย่างประณีตให้เข้าที่ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเหมือนปกติ “ผู้ดูแลอูมีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ”
แค่ประโยคนิ่งๆ ประโยคเดียว ทว่า ผู้ดูแลอูฟังออกถึงบารมีที่แผ่ออกมา มันไม่ได้นุ่มนวลเหมือนเสียงของเจิ้นกั๋วอ๋องเลยสักนิด
บัดนี้ผู้ดูแลอูเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้ไม่มีทางไว้หน้าตระกูลบรรพบุรุษไป๋เหมือนดั่งที่ท่านปู่ของนางเจิ้นกั๋วอ๋องทำ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่เจิ้นกั๋วอ๋องเคยมีให้ ในสายตาขององค์หญิงเจิ้นกั๋วมีเพียงความสูงต่ำทางฐานะเท่านั้น หากทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้ไม่พอใจ เขาอาจถูกลากไปตีให้ตายแน่ๆ
ผู้ดูแลอูรีบก้มศีรษะแนบพื้นด้วยท่าทีนอบน้อมและระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม “ทูลองค์หญิง บ่าวมาเพราะมีเรื่องทูลให้องค์หญิงทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่องค์หญิงจะพาตระกูลไป๋ย้ายมาอยู่ที่ซั่วหยาง มีคนจากเมืองหลวงเดินทางมาสืบความลับขององค์หญิงจากอดีตประมุขไป๋พ่ะย่ะค่ะ เมื่อคนผู้นั้นรู้ว่าองค์หญิงปลดประมุขคนก่อนและขับไล่คนในตระกูลไป๋ออกจากตระกูลไปหลายคน เขาจึงพยายามหาทางติดต่อคนเหล่านั้นเพื่อให้คนเหล่านั้นร่วมมือกับเขาจัดการองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนหลุบตาลง ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ทั้งสิ้น ชุนเถาก้าวไปรับถ้วยน้ำชาซึ่งวางอยู่ในถาดสีเหลี่ยมสีดำซึ่งสาวใช้ถืออยู่มา จากนั้นยื่นให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้นจิบเป็นระยะๆ
ไม่ได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามต่อ หน้าผากของผู้ดูแลอูซึมไปด้วยเหงื่อ สายตาลอกแลกไปมา จากนั้นเอ่ยต่อ “ตอนแรกสุดคนผู้นั้นไปหาไป๋ฉีอวิ๋น บุตรชายคนโตของอดีตประมุขไป๋ ไป๋ฉีอวิ๋นตื่นเต้นมาก เขาพากลุ่มคนเหล่านั้นไปพบอดีตประมุขเพื่อปรึกษา ทว่า ถูกอดีตประมุขตำหนิด่าทอยกใหญ่ กล่าวว่าบัดนี้บุตรชายคนรองของเขาคือประมุขไป๋ หากตระกูลไป๋เสื่อมเสีย พวกเขาก็จะพลอยเสื่อมเสียไปด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปยังผู้ดูแลอูที่ยังคงคุกเข่าอยู่กลางโถงรับรอง ไม่รู้ว่าผู้ดูแลอูถูกอดีตประมุขไป๋ส่งมาเจรจาผูกไมตรีหรือมีแผนอื่นกันแน่ หญิงสาวจึงเอาแต่ดื่มน้ำชาเงียบๆ รอให้ผู้ดูแลอูกล่าวจนจบ
ไม่เห็นไป๋ชิงเหยียนมีปฏิกิริยาใดๆ ผู้ดูแลอูยิ่งเริ่มไม่มั่นใจ น้ำเสียงที่กล่าวออกมาจึงไม่ได้หนักแน่นเหมือนตอนแรก
“บ่าวเริ่มระแวงพวกเขา ตอนส่งพวกเขาออกไปจากจวนจึงบอกออกไปว่าในเมื่อมาขอความร่วมมือก็ควรแสดงตัวตน มิเช่นนั้นถือว่าไม่มีความจริงใจ! หลังจากที่องค์หญิงพาตระกูลไป๋กลับมาอยู่ซั่วหยางคนเหล่านั้นจึงมาอีกครั้ง กล่าวว่าเป็นคนของจวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่พ่ะย่ะค่ะ!”
ได้ยินเสียงไป๋ชิงเหยียนกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะไม้สีแดงเบาๆ ผู้ดูแลอูตกใจจนตัวสั่นระริก รีบก้มศีรษะแนบพื้น โขกศีรษะลงกับพื้นหลายทีจนรู้สึกมึนงงศีรษะ
“กล่าวว่าเป็นคนของจวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่อย่างนั้นหรือ มีหลักฐานหรือไม่”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังผู้ดูแลอูที่ตัวสั่นเทาราวกับลูกนกตรงหน้า
“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว คนผู้นั้นแสดงป้ายจวนหลี่ให้อดีตประมุขไป๋เห็นพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งกล่าวว่าองค์หญิงหักขาบุตรชายคนเล็กของมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ดังนั้นอดีตประมุขไม่จำเป็นต้องสงสัยในความจริงใจของเขา บัดนี้คนเหล่านั้นเช่าเรือนอยู่ในซอยเฉิงเฝิ่นของซั่วหยาง ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ซั่วหยางอีกนานเพื่อสืบหาความลับขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบ ผู้ดูแลอูก้มศีรษะแนบพื้นอีกครั้ง
“หากองค์หญิงไม่เชื่อ ลองส่งคนไปตรวจสอบดูก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนลูบไปที่ถ้วยน้ำชาเคลือบสีขาวอย่างแผ่วเบา เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยถาม
“ผู้ดูแลอูมาบอกเรื่องนี้กับข้า อยากได้สิ่งใดเป็นการตอบแทนกัน”
ผู้ดูแลอูก้มหน้าต่ำกว่าเดิม “ทูลองค์หญิง บรรพบุรุษของบ่าวถือเป็นคนเก่าแก่ของตระกูลไป๋ เดิมทีปู่ของบ่าวติดตามรับใช้ประมุขไป๋ซึ่งเกิดจากทายาทสายหลักอยู่ที่ซั่วหยาง ต่อมาติดตามรับใช้ประมุขคนก่อน หากมีโอกาสได้รับใช้องค์หญิง บ่าวจะทำทุกอย่างเพื่อตระกูลไป๋ขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางร่างที่แข็งทื่อของผู้ดูแลอูด้วยสายตานิ่งๆ เป่าไล่ไอร้อนในถ้วยชา “เช่นนั้น ผู้ดูแลอูยินดีอยู่รับใช้ข้างกายไป๋ฉีอวิ๋น ช่วยข้าจับตาดูไป๋ฉีอวิ๋นเอาไว้ จากนั้นคอยรายงานข้าได้หรือไม่”
ผู้ดูแลอูตะลึงงัน นี่มันไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้ เขาคิดว่าไม่ว่าอย่างไรไป๋ชิงเหยียนก็คงให้เขาทำงานอยู่ในจวนไป๋
ทว่า หากพลาดโอกาสครั้งนี้ ต่อไปเขาคงหาโอกาสพบไป๋ชิงเหยียนได้ยาก
ผู้ดูแลอูจึงตัดสินใจเด็ดขาด ก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “บ่าวจะไม่ทำให้องค์หญิงผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ!”
“ชุนเถา ให้คนไปส่งผู้ดูแลอู ห้ามแพร่งพรายเรื่องที่ผู้ดูแลอูมาที่จวนวันนี้ออกไปเด็ดขาด”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็เดินจากไปทันที
ผู้ดูแลอูไม่กล้าลุกขึ้น เอาแต่ก้มศีรษะแนบพื้นอยู่ที่เดิม สายตาเหลือบมองไปยังชายกระโปรงของไป๋ชิงเหยียนซึ่งถูกแสงแดดส่องกระทบ มองไปทางหญิงสาวแวบหนึ่ง เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินจากไปแล้วเขาจึงกล้าเงยหน้าขึ้น
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ทว่า หน้าจวนไป๋คือถนนใหญ่ซึ่งคึกคักที่สุดในเมืองซั่วหยาง ผู้คนเดินไปมาทั้งวัน เมื่อครู่เขาคุกเข่าอยู่หน้าจวนไป๋ องครักษ์ตระกูลไป๋มีความเคลื่อนไหว ย่อมมีชาวบ้านไม่น้อยเห็นเหตุการณ์นี้
หากเขาต้องการกลับไปอยู่ข้างกายของไป๋ฉีอวิ๋น เขาต้องเตรียมแผนรับมือที่เหมาะสมให้ดีเสียก่อน
ตั้งแต่ที่ไป๋ฉีอวิ๋นโดนขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ ผู้ดูแลอูจึงต้องวางแผนเพื่ออนาคตของตัวเอง ก่อนจะมาหาไป๋ชิงเหยียนเขาคิดไว้แล้วว่าหญิงสาวคงไม่เรียกใช้เขาง่ายๆ บัดนี้ให้เขาติดตามไป๋ฉีอวิ๋นอาจเป็นการทดสอบของไป๋ชิงเหยียนก็เป็นได้
ไป๋ชิงเหยียนเดินออกไปจากโถงรับรองด้วยแววตาที่สงบนิ่งราวกับน้ำ หญิงสาวหันไปสั่งให้ชุนเถาไปบอกให้พ่อบ้านเหาสืบว่าคนที่เช่าเรือนอยู่ในซอยเฉิงเฝินเมื่อวานคือคนของจวนอัครมหาเสนบดีฝ่ายซ้ายหลี่จริงหรือไม่
หากหลี่เม่ากล้ายื่นมือเข้ามาถึงซั่วหยางก็แสดงว่าการหักขาบุตรชายคนเล็กของเขายังไม่ใช่บทเรียนที่ดีพอ ไป๋ชิงเหยียนต้องใช้วิธีที่รุนแรงและเด็ดขาดกว่านั้น หลี่เม่าจึงจะยอมอยู่อย่างสงบ
ช่วงพลบค่ำ สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเขียวเดินโปรยยากันยุงตามระเบียงทางเดินเพื่อไล่ยุงและแมลง จากนั้นปลดผ้าม่านผืนบางซึ่งเกี่ยวไว้ตรงตะขอทองแดงลง
สาวใช้ซึ่งมีหน้าที่จุดไฟเดินจุดไฟตามโคมไฟหกเหลี่ยมซึ่งแขวนอยู่ตามระเบียงทางเดินจนสว่างครบทุกดวง โคมไฟซึ่งติดไฟสว่างสะบัดเอื่อยๆ ตามแรงลม แสงไฟสะท้อนลงบนพื้นกระเบื้องเขียวของระเบียงทางเดิน แสงไฟสีเหลืองนวลส่องลอดผ้าม่านผืนบางออกมาอย่างริบหรี่ ฝูงแมลงเม่าพยายามบินชนผ้าม่านผืนบางจากด้านนอกหวังจะมุดลอดเข้าไปให้ได้
ต้นหลิ่วใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่สองข้างของระเบียงทางเดิน บรรยากาศรอบด้านเต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าและเสียงน้ำไหล