สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 520 ออกจากเมือง
ตอนที่ 520 ออกจากเมือง
ไป๋ชิงเหยียนเผาจดหมายของเซียวหรงเหยี่ยนทิ้ง เดาได้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนเดินทางไปหรงตี๋เพื่อส่งเสบียงของต้าเยี่ยนไปให้กองทัพต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ในหรงตี๋
ฤดูหนาวใกล้มาถึงแล้ว แม้เป่ยหรงอาจส่งเสบียงให้กองทัพต้าเยี่ยน ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนรอบคอบ เขาต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม ไม่มีทางปล่อยให้กองทัพต้าเยี่ยนขาดแคลนเสบียงเด็ดขาด
มองดูเปลวไฟค่อยๆ กลืนกินจดหมายจนเหลือเพียงผุยผง ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงเติงโจวขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตนควรเดินทางไปปรึกษาเรื่องนี้กับท่านน้าชายที่เติงโจวสักครั้งดีหรือไม่ ท่านน้าชายเป็นคนใจกว้างและมองการณ์ไกล หากเขารับรู้ว่าราชวงศ์ในตอนนี้เลอะเลือนจนอาจใกล้ดับสูญ เขาย่อมวางแผนล่วงหน้าเพื่อปกป้องชาวบ้านเมืองเติงโจวแน่นอน
วันนี้นางไม่ได้บอกกับต่งฉางหลานอย่างชัดเจน เพราะการฝากถ้อยคำผ่านผู้อื่นไป มันอาจเกิดการเข้าใจผิดขึ้นมาได้
ทว่า นางไม่สามารถเดินทางออกจากซั่วหยางได้ง่ายๆ ขอเพียงนางออกไปจากซั่วหยาง จะมีคนรายงานการเดินทางของนางให้ทางเมืองหลวงรับรู้ทันที
ไป๋ชิงเหยียนมองจดหมายที่ถูกเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่านอย่างครุ่นคิด
เดือนหน้าคือเทศกาลไหว้พระจันทร์ นางอาจปรึกษากับท่านแม่ ใช้เทศกาลนี้เป็นข้ออ้างเดินทางนำของขวัญไปให้ท่านยายและท่านน้าชายที่เติงโจวหรือไม่ก็อ้างว่าเดินทางไปยังเติงโจวเพื่อรับท่านยายมาอยู่ที่ซั่วหยางสักพัก
ก่อนเดินทางไปยังเติงโจว นางจะส่งจดหมายไปบอกให้รัชทายาททราบ หากพระองค์มีเรื่องด่วนอันใดจะได้ส่งจดหมายไปยังเติงโจวทีเดียว ไม่ต้องส่งมาที่ซั่วหยางอีกให้เสียเวลา ถือเป็นข้ออ้างที่เหมาะสมมาก
ตกเย็น ขณะที่ไป๋ชิงเหยียนรับประทานอาหารเย็นกับต่งซื่อ หญิงสาวบอกกับมารดาว่าอยากนำของขวัญวันไหว้พระจันทร์ไปให้ท่านยายที่เติงโจวและรับท่านยายมาอยู่เป็นเพื่อนต่งซื่อที่ซั่วหยาง
ต่งถิงเจินรู้สึกประหลาดใจ “ท่านอาฝากของขวัญวันไหว้พระจันทร์ให้ท่านพี่ฉางหลานนำกลับไปแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ พี่หญิงไปเติงโจวเพราะเรื่องการปล้นเสบียงของหรงตี๋ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ต่งถิงเจินเป็นคนฉลาด หลังจากผ่านเรื่องของเหลียงอ๋องมา หญิงสาวเห็นไป๋ชิงเหยียนเป็นเหมือนพี่สาวแท้ๆ ของตน หญิงสาวจึงกล่าวอย่างไม่ปิดบังเมื่ออยู่ต่อหน้าต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า กล่าวกับต่งถิงเจิน
“วันนี้พี่ยังคุยกับฉางหลานไม่ละเอียด หากส่งจดหมายไปบอกก็กลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทางที่ดีพี่ควรไปเติงโจวสักครั้ง”
“เพิ่งกลับมาจากเป่ยเจียง เจ้าจะออกเดินทางอีกแล้วหรือ…” ต่งซื่อขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เป่ยเจียงคือสนามรบ เติงโจวคือบ้านของท่านยาย จะเหมือนกันได้อย่างไรเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางคีบหน่อไม้ให้ต่งซื่อยิ้มๆ
ต่งถิงเจินกระชับมือที่ถือตะเกียบแน่น “วันที่ท่านพี่ฉางหลานจากไป ชาวบ้านล้วนเห็นว่ารถม้าเต็มไปด้วยสิ่งของ พี่หญิงอ้างว่าข้าอาละวาดอยากกลับเติงโจว พี่หญิงจึงต้องไปส่งข้าดีหรือไม่เจ้าคะ หรือว่าให้ข้าแสร้งทำเป็นทะเลาะกับเสี่ยวซื่อก็ได้เจ้าค่ะ!”
“พี่น้องทะเลาะกันอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่สนใจชื่อเสียงของเจ้าแล้วหรืออย่างไรกัน!” ต่งซื่อไม่เห็นด้วย
ต่งถิงเจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้น “เช่นนั้นก็อ้างว่าพี่หญิงเดินทางไปส่งข้าที่เติงโจวเพราะข้าฝันคิดถึงท่านย่าก็ได้เจ้าค่ะ…”
“ถิงเจินไม่ต้องไปหรอก พี่ขี่ม้าเร็วไป หนทางลำบากมาก เจ้ารับไม่ไหวหรอก”
ไป๋ชิงเหยียนตัดสินใจแน่วแน่
“เจ้าอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่พี่ที่ซั่วหยาง พี่ไปรับท่านยายแล้วจะรีบกลับมา”
“ครั้งนี้ไม่พาเสี่ยวซื่อไปด้วยหรือ” ต่งซื่อรู้จักนิสัยของบุตรสาวดี หากนางตัดสินใจลงไปแล้วไม่ว่าสิ่งใดก็เปลี่ยนความตั้งใจนางไม่ได้ “พาหลูผิงและผู้ดูแลหลิวไปด้วยเถิด”
“ครั้งนี้ไม่พาเสี่ยวซื่อไปเจ้าค่ะ ข้าจะพาลุงผิงและชิงจู๋ไปแทน”
ไป๋ชิงเหยียนคิดแล้วก็ตัดสินใจทิ้งผู้ดูแลหลิวไว้ให้ไป๋จิ่นจื้อ
ต่งซื่อรู้สึกเศร้าสร้อย ทว่า ทำได้เพียงพยักหน้า “ไปเถิด!”
“ท่านแม่…” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือมารดาของตนเองพลางส่งยิ้มให้
“ปีนี้หรงตี๋ต้องมาปล้นชิงเสบียงที่เติงโจวแน่เจ้าค่ะ เติงโจวอาจไม่ปลอดภัยสักระยะหนึ่ง ข้าอยากไปรับท่านยายมาอยู่ที่ซั่วหยางสักหนึ่งจริงๆ ท่านแม่มีความเห็นเช่นไรเจ้าคะ”
“เมื่อถึงเติงโจวเจ้าถามความเห็นของท่านยายเจ้าเถิดว่านางจะยอมจากเติงโจวมาหรือไม่” ต่งซื่อกล่าว
เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป๋ชิงเหยียนจึงสั่งให้คนกระจายข่าวออกไปว่าตนเองจะเดินทางไปรับท่านยายจากเติงโจวมาอยู่เป็นเพื่อนมารดาที่ซั่วหยางสักระยะหนึ่ง จากนั้นให้คนนำจดหมายไปให้รัชทายาทที่เมืองหลวง หากรัชทายาทมีเรื่องด่วน ให้ส่งจดหมายไปหานางที่เติงโจว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาส่งมาที่ซั่วหยางก่อน
ตอนออกเดินทางไป๋ชิงเหยียนอยากพบหน้าจี้ถิงอวี๋สักครั้ง หญิงสาวอยากรู้ว่าวิธีการที่นางเคยใช้ฝึกฝนองครักษ์หญิงใช้ได้ผลกับทหารกลุ่มใหม่หรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่าง หมอกขาวปกคลุมทั่วทั้งเมืองซั่วหยาง อากาศเต็มไปด้วยไอเย็น
ปรอยฝนตกชำระล้างสิ่งสกปรกบนหลังคากระเบื้องจนกระเบื้องใสแจ๋ว หยาดน้ำฝนเกาะอยู่บนใบไม้ของต้นไม้เขียวขจีในจวนไป๋ ไอน้ำบางๆ เกาะอยู่บนผ้าม่านผืนบางซึ่งแขวนทับม่านไม้ไผ่อยู่ตรงระเบียงทางเดินยาว ลมพัดอย่างแผ่วเบา เสียงกระดิ่งดังขึ้นน้อยๆ
ไป๋ชิงเหยียนฝึกร่างกายตอนเช้าเสร็จเหมือนดั่งทุกวัน เมื่ออาบน้ำเสร็จ หญิงสาวสั่งให้ชุนเถาเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายทะมัดทะแมง
“คุณหนูใหญ่จะออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ” ชุนเถาก้มลงผูกถุงทรายให้ไป๋ชิงเหยียน
“ฝนตกอยู่นะเจ้าคะ แม้จะไม่แรงมาก ทว่า อากาศยามเช้าค่อนข้างเย็นเลยเจ้าค่ะ”
“เอาเสื้อคลุมมาให้ข้าตัวหนึ่งก็พอแล้ว ข้าจะออกไปขี่ม้ารอบเมืองสักรอบ ถือโอกาสไปตรวจค่ายทหารด้วย เดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อของตัวเอง ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิบปิ่นปักผมหยกลายห่านป่าออกมาปักที่ผมของตัวเอง จากนั้นเดินออกไปจากเรือนปัวอวิ๋น
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากจวนไป๋ หลูผิงจูงม้ายืนรออยู่ด้านล่างบันไดแล้ว เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมา จึงก้าวไปทำความเคารพหญิงสาว
ไป๋ชิงเหยียนรับแส้ม้าสีดำมาจากบ่าวรับใช้ ร่างซึ่งสวมเสื้อคลุมกันลมเดินลงไปด้านล่าง เอ่ยถาม
“ลุงผิงมารออยู่ที่นี่มีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ”
“จี้ถิงอวี๋ให้คนส่งจดหมายมาขอรับ…” หลูผิงกล่าวเสียงเบาหวิว
“ตอนที่คุณหนูใหญ่พาคนขึ้นไปปราบโจรบนภูเขา โจรป่าพวกอื่นที่ฉวยโอกาสมาปล้นชิงอยู่แถวนี้หวาดกลัวจึงไปขอความช่วยเหลือจากจี้ถิงอวี๋ขอรับ”
จี้ถิงอวี๋กล่าวว่าเขารับคนเหล่านั้นไว้เป็นพวกแล้ว หากคุณหนูใหญ่ต้องการปราบโจรอีกครั้งคงต้องรอโอกาสอื่น
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ก้าวขึ้นไปบนหลังม้า “ข้ารับรู้แล้ว”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนควบม้าไปตามถนนสายยาวทันที
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าออกมาจากซอยไม่นานก็ได้ยินเสียงกระดิ่งและฝีเท้าม้าดังแทรกเข้ามา ไป๋ชิงเหยียนเห็นร่างๆ หนึ่งพุ่งเข้ามาท่ามกลางสายฝน หญิงสาวรีบกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดทันที หญิงสาวลงมืออย่างกะทันหัน ม้าตกใจจนวิ่งวนเป็นวงกลมอยู่หลายรอบ
เซียวหรงเหยี่ยนที่ขี่ม้าฝ่าสายฝนเข้ามาเห็นร่างของไป๋ชิงเหยียนก็รู้สึกคาดไม่ถึง เขารีบกระตุกบังเหียนม้าทันที
สองสายตาประสานกัน เซียวหรงเหยี่ยนเห็นร่างในชุดทะมัดทะแมงของไป๋ชิงเหยียนก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวจะออกไปส่งเขาที่นอกเมือง ดวงตาล้ำลึกคู่นั้นส่อแววดีใจอย่างปิดไม่มิด เขาค่อยๆ ควบม้าเข้าไปใกล้หญิงสาว
ม้าขาวและดำสองตัวเผชิญหน้ากัน พวกมันมองจ้องตากันอย่างรู้สึกแปลกใจ ขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้ จมูกซึ่งเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ทันใดนั้นก็ถูกฝ่ายตรงข้ามพ่นไอจากจมูกใส่เต็มหน้า มันรีบหันหน้าหนีทันที
เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนรีบกุมบังเหียนม้าไว้ เมื่อม้าทั้งสองตัวสงบลง ทั้งคู่กลับอยู่ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม จนไหล่ของทั้งสองคนแทบซ้อนกัน