สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 525 ประพฤติตนไม่ชอบ
ตอนที่ 525 ประพฤติตนไม่ชอบ
“รอให้พวกเขาปรับปรุงตัวใหม่อีกสักสองสามปีก็คงมาช่วยงานพี่หญิงได้ขอรับ” ไป๋ชิงผิงกล่าวด้วยความมั่นใจ
ตระกูลๆ หนึ่งจะเจริญรุ่งเรืองไม่เสื่อมคลายได้หรือไม่ขึ้นอยู่การชักนำของประมุขแห่งตระกูล
หากประมุขของตระกูลประพฤติตนไม่ชอบ ตระกูลนั้นย่อมเสื่อมสลายเป็นธรรมดา
บัดนี้ไป๋ฉีเหอคือประมุขของตระกูลไป๋ เขานำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนและศึกษามาทั้งหมดมาใช้กับคนในตระกูลบรรพบุรุษ บัดนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มได้ผลมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
“เช่นนั้นก็เรียกคนในตระกูลไป๋ทั้งหมดมาใช้งานเถิด ทว่า ต้องคอยระวังพวกเขาเอาไว้ด้วย”
ตระกูลบรรพบุรุษไป๋เน่าเฟะไปจนถึงรากแล้ว สันดรดัดง่ายสันดานดัดยาก ไป๋ชิงเหยียนต้องการใช้งานพวกเขา ทว่า ต้องคอยระวังพวกเขาเอาไว้ด้วย
ชุนเถาคุกเข่าจุดเทียนหอมและชงชาให้ไป๋ชิงเหยียนอยู่ในรถม้า จากนั้นสอดหมอนรองหลังซึ่งปักด้วยลายดอกไม้สีเหลืองขมิ้นไว้ที่หลังของไป๋ชิงเหยียน
ชุนเถาไม่เข้าใจและไม่สนใจเรื่องที่ไป๋ชิงผิงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน คิดเพียงว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกสะดวกสบายที่สุด
ไป๋ชิงผิงพยักหน้า “พี่หญิงไม่ต้องห่วงขอรับ ท่านพ่อกำชับข้าเรื่องนี้ไว้แล้วขอรับ ข้าพาญาติผู้พี่ของตระกูลบรรพบุรุษมาใช้งานข้างกายเพียงสามคน หลังจากผ่านไปสองสามปี หากพวกเขายังเสมอต้นเสมอปลายเช่นนี้และมีความสามารถมากพอที่จะรับใช้ตระกูลไป๋ ข้าค่อยพาพวกเขามาพบพี่หญิงขอรับ หากพี่หญิงคิดว่าพวกเขาไม่เหมาะสมค่อยให้พวกเขาไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่สำคัญก็ได้ขอรับ”
“เจ้าจัดการทุกอย่างด้วยความรอบคอบเสมอ พี่ไม่เป็นห่วงในเรื่องนี้” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงผิงซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้า กล่าวขึ้น “ช่วงนี้เจ้าสนิทสนมกับเสิ่นเยี่ยนฉงดี หากมีโอกาสช่วยสืบประวัติของตระกูลเสิ่นจากเขาให้พี่โดยอย่าให้เขารู้ตัวที”
ไป๋ชิงผิงตะลึง การสืบประวัติของตระกูลเสิ่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้เขาเริ่มสืบจากเสิ่นเยี่ยนฉง แสดงว่าไป๋ชิงเหยียนเริ่มสงสัยบางอย่างในตัวของท่านเจ้าเมืองแน่
“ข้าเข้าใจแล้ว พี่หญิงวางใจได้ขอรับ!” ไป๋ชิงผิงพยักหน้า
“เอาเถิด ส่งแค่นี้พอ เจ้ากลับไปค่ายฝึกเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับไป๋ชิงผิงยิ้มๆ “ลำบากเจ้าแล้ว!”
ไป๋ชิงผิงพยักหน้า ไม่ได้ยืนกรานจะไปส่งอีก เขาควบม้าไปหยุดอยู่ด้านข้าง ยกมือกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน มองส่งขบวนของไป๋ชิงเหยียนจากไป จดจำเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้สืบเรื่องของตระกูลเสิ่นจนขึ้นใจ
หลูผิงและเสิ่นชิงจู๋นำขบวนของไป๋ชิงเหยียนเดินทางออกจากซั่วหยางได้สักระยะหนึ่ง หลูผิงซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนก็สั่งให้ขบวนหยุดลง
เสิ่นชิงจู๋และหลูผิงซึ่งสะพายย่ามไว้บนหลังควบม้าย้อนกลับไปยังรถม้าของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า ก้าวขึ้นไปบนหลังม้าและรับแส้ม้ามาจากองครักษ์
ไป๋ชิงเหยียนกระตุกบังเหียนม้า ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้หลูผิงแล้วกล่าวขึ้น “ลุงผิงจงให้คนนำจดหมายฉบับนี้ส่งไปให้พวกแม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อที่อยู่ทางหนานเจียง จากนั้นลุงผิงพาขบวนเดินทางล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง”
“ขอรับ!”
ชุนเถาซึ่งยืนอยู่ข้างรถม้าเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน กล่าวกำชับด้วยความเป็นห่วง “ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะคุณหนูใหญ่”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ารับ
มองส่งไป๋ชิงเหยียนและเสิ่นชิงจู๋ขี่ม้าไปยังทางสายแคบ ชุนเถากลับขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้งด้วยความไม่สบายใจ หลูผิงสั่งให้คนนำจดหมายไปส่งที่หนานเจียง ส่วนตัวเองขี่ม้านำขบวนเดินทางไปด้านหน้าต่อ
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวในจดหมายว่าหากเฉิงหย่วนจื้อมีปัญหาอันใดให้รายงานให้องค์รัชทายาทรับรู้ เพราะตอนนี้ในสายตาขององค์รัชทายาทกองทัพไป๋คือกองทัพส่วนตัวขององค์รัชทายาท เขาย่อมดูแลเป็นอย่างดี
จี้ถิงอวี๋รออยู่ตรงที่นัดหมายก่อนแล้ว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้า เขาจึงชะโงกหน้าออกมาจากต้นไม้สูงบนเนินเขา เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและเสิ่นชิงจู๋ซึ่งเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นบุรุษ เขาจึงกระโดดลงมาจากต้นไม้สูง ก้าวไปทำความเคารพ
ไป๋ชิงเหยียนกระตุกบังเหียนม้าทันทีที่เห็นจี้ถิงอวี๋ หญิงสาวเห็นจี้ถิงอวี๋เดินเข้ามาใกล้ จากนั้นคุกเข้าข้างหนึ่งลงบนพื้น “คุณหนูใหญ่!”
“ลุกขึ้นเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากหลังม้า มองดูองค์รักษ์ตระกูลไป๋ที่แม้จะซูบคล้ำลงเนื่องจากอาศัยอยู่บนภูเขากับจี้ถิงอวี๋มาหลายเดือน ทว่า ใบหน้าดูแจ่มใสกว่าเดิม หญิงสาวกล่าวยิ้มๆ “ดูเจ้าแจ่มใสขึ้นไม่น้อย”
สายตาของจี้ถิงอวี๋หยุดอยู่ที่เสิ่นชิงจู๋ ก้มหน้าทักทายหญิงสาวเล็กน้อย “แม่นางเสิ่น!”
เสิ่นชิงจู๋พยักหน้าให้เล็กน้อย รับเชือกม้ามาจากมือของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนเดินขึ้นเขาไปพร้อมจี้ถิงอวี๋พลางกล่าวขึ้น “วันนี้ข้าพาชิงจู๋มาด้วย ข้าให้นางปลอมกายเป็นชายเพื่อช่วยเจ้าฝึกฝนทหาร ช่วงนี้เจ้าพบปัญหาอันใดบ้างหรือไม่”
ฐานะของเสิ่นชิงจู๋ค่อนข้างพิเศษ ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อย จะให้ทหารใหม่ของจี้ถิงอวี๋รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเสิ่นชิงจู๋คือองครักษ์สาวข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว
“หลังจากทำตามที่คุณหนูใหญ่แนะนำ ไม่ฝึกฝนพวกเขาโดยใช้วิธีเดียวกับทหารค่ายหู่อิง เมื่อผ่านไปหลายเดือน ข้าเริ่มมองออกแล้วขอรับว่าแต่ละคนถนัดด้านใดกันบ้าง ปัญหาที่ยุ่งยากที่สุดในตอนนี้ก็คือสงครามที่เป่ยเจียงและหนานเจียงเกิดขึ้นติดต่อกัน แคว้นเกณฑ์ชาวบ้านไปเป็นทหารมากขึ้น พวกเราจึงเกณฑ์คนมาได้อย่างจำกัดขอรับ” จี้ถิงอวี๋กล่าวพลางขมวดคิ้วแน่น
ไป๋ชิงเหยียนมองจี้ถิงอวี๋ยิ้มๆ “เวลาที่แคว้นเกณฑ์ทหารก็คือเวลาที่พวกเราจะเกณฑ์คนได้ดีที่สุดไม่ใช่หรืออย่างไร เมื่อราชสำนักมีคำสั่งเกณฑ์ทหารเพิ่ม ชาวบ้านซึ่งเป็นกำลังพลสำรองย่อมโดนเรียกเป็นด่านแรก พวกเขายอมเป็นกำลังพลสำรองเพราะฮ่องเต้มอบที่ดินให้พวกเขาทำมาหากิน อีกทั้งละเว้นภาษีให้ ทว่า บัดนี้ตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ ยึดครองที่ดินเหล่านั้นไปเกือบหมด ชาวบ้านกำลังพลสำรองไม่มีหนทางทำกิน เมื่อราชสำนักเริ่มมีการเกณฑ์ทหารติดต่อกันหลายครั้ง ชาวบ้านเหล่านั้นเริ่มหลบหนี เจ้าหาทางล่อพวกเขามาให้ได้ก็สิ้นเรื่อง!”
ทหารของจี้ถิงอวี๋โดดเด่นเรื่องความสามารถไม่ใช่จำนวน ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้จี้ถิงอวี๋สำรวจดูความถนัดของทหารแต่ละคนยามพวกเขาฝึกซ้อม จากนั้นแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละสิบคน แต่ละคนมีความถนัดของตัวเอง ช่วยเหลือกันฝึกฝนด้านที่ไม่ถนัด เช่นนี้ทหารกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่สามารถบุกไปรบบนภูเขาหรือบุกโจมตีเมืองเท่านั้น หากใช้ให้ถูกที่ พวกเขาสามารถกลายเป็นลูกธนูที่พุ่งแทรกโล่กำบังเข้าไปเอาชีวิตของฝ่ายศัตรูได้ด้วย
แม้วิธีนี้จะไม่สะดวกสบายเท่ากับการเกณฑ์ทหารของราชสำนัก ทว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเกณฑ์คนมาฝึกฝนในตอนนี้แล้ว
นอกจากนี้ไป๋ชิงเหยียนยังมีความคิดที่เสี่ยงอันตรายอีกอย่างหนึ่ง ในเมื่อจี้ถิงอวี๋กล้าพาคนไปปล้นขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทและองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เหตุใดเขาจะไม่กล้าปล้นชิงกองทัพใหม่ที่ราชสำนักเพิ่งเกณฑ์ได้มาเป็นของตัวเองกัน
วิธีการเกณฑ์ทหารของราชสำนักต้าจิ้นคือการออกคำสั่งให้ขุนนางฝ่ายบู๊ไปเกณฑ์คนตามเมืองต่างๆ จากนั้นส่งคนเหล่านั้นไปฝึกฝนตามค่ายทหารต่างๆ ด้วยตัวเอง
จี้ถิงอวี๋นึกถึงวิธีนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน เขาลองหยั่งเชิงไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ ข้าอยากปล้นป้ายคำสั่งแล้วเคลื่อนย้ายทหารใหม่มายังฐานทัพของเราขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้ามองไปทางจี้ถิงอวี๋ นึกไม่ถึงว่าจี้ถิงอวี๋จะคิดเหมือนกับนาง “เจ้าช่างใจกล้าเสียจริง!”
จี้ถิงอวี๋เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวเห็นด้วย
คุณหนูใหญ่ของพวกเขาใจกล้ากว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ที่ซั่วหยางฝึกฝนชาวบ้านเพื่อปราบโจร ดังนั้นจึงไม่มีการเกณฑ์ทหารที่นี่ ทว่า เจ้าจะเกณฑ์ทหารจากเมืองอื่นไปบนภูเขาอย่างเงียบเชียบและให้พวกเขายอมอยู่อย่างสงบบนภูเขาได้อย่างไร จะเตรียมเสบียงอาหารได้เพียงพอหรือไม่ เจ้าคิดไว้แล้วหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม
จี้ถิงอวี๋พยักหน้า เขามีแผนที่เหมาะสมอยู่ในใจแล้ว “ทว่า ข้าต้องการให้คุณหนูใหญ่ส่งคนมาช่วยเหลือขอรับ!”