สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 542 เหลวไหล
ตอนที่ 542 เหลวไหล
“บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขารบกันที่หนานหรงทุกครั้ง แม่ทัพของต้าเยี่ยนไม่ได้รู้จักภูมิประเทศแถวนั้นดีเท่ากับแม่ทัพของหนานหรงขอรับ” ต่งฉางหลานกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ทว่า ในใจยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ในเมื่อเขาเคยเผชิญหน้ากับต้าเยี่ยน เซียวหรงเหยี่ยนคงรู้จักแม่ทัพผู้นั้นดีกว่าท่านน้าชายแน่
“เจ้าสอบถามเซียวเซียนเซิงผู้นั้นแล้วหรือไม่ว่าเหตุใดถึงได้ไปโผล่อยู่ที่นั่นได้” ต่งชิงเยว่เอ่ยถามต่งฉางหลาน
ต่งฉางหลานพยักหน้า “เซียวเซียนเซิงผู้นั้นบอกว่าหลังจากที่เขาทำการค้าที่เป่ยหรงเสร็จแล้ว เขาจึงตัดสินใจเดินทางมายังเติงโจวตามคำเชิญของข้าเพื่อสำรวจดูว่าจะเปิดตลาดการค้าแลกเปลี่ยนที่นี่เพื่อแสวงหากำไรได้หรือไม่ขอรับ ทว่า เขากลับบังเอิญเห็นหนานหรงบุกโจมตีขบวนเจ้าสาวของต้าเยี่ยนเสียก่อน เดิมทีเขาอยากช่วยองค์หญิงแห่งต้าเยี่ยน ภายหน้าจะได้ทำการค้าที่เป่ยหรงได้อย่างราบรื่น คิดไม่ถึงว่าเกือบเอาชีวิตไปทิ้งขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้นจิบ ไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ต่งฉางหลานกล่าวจบก็ลูบนิ้วมือเข้าหากันอย่างใช้ความคิด “ข้าคิดว่ามันไม่ค่อยชอบมาพากลสักเท่าใด เขาเป็นพ่อค้า พ่อค้าย่อมคำนึงถึงผลประโยชน์เป็นหลัก หากเขาเห็นแม่ทัพหน้ากากผีนำทัพบุกโจมตีโดยที่เขามีองครักษ์เพียงหยิบมือไม่อาจต้านทานทหารสามพันนายของหนานหรงได้ คนปกติมีแต่จะหาทางหนี ทว่า เขากลับคิดช่วยเหลือคน เอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย ช่างเหลวไหลสิ้นดีขอรับ!”
แม้ต่งชิงเยว่จะชื่นชมในตัวของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของแคว้น เขาจะเลอะเลือนไม่ได้เด็ดขาด ทว่า เมื่อนึกได้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ ต่งชิงเยว่จึงกล่าวขึ้น “ให้เซียวเซียนเซิงพักอยู่ที่จวนต่งไปก่อน เดี๋ยวค่อยสืบสวนอย่างละเอียด หากเป็นจิ้งจอก สักวันหนึ่งย่อมโผล่หางออกมาอยู่แล้ว!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นขอรับ!” ต่งฉางหลานกล่าว
“เช่นนั้นพ่อจะรายงานเรื่องนี้ให้ราชสำนักทราบก่อน รอให้ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัย” ต่งชิงเยว่กล่าวสรุป
เซียวหรงเหยี่ยนอยู่ไม่เป็นสุข เขาไม่รู้ว่าตอนนี้องค์หญิงหมิงเฉิงเป็นเช่นไรบ้าง ไม่กล้าเสี่ยงสืบข่าวในตอนนี้
พวกเยว่สือต้องโดนกุมขังเพื่อสอบสวนอย่างละเอียด จากนั้นค่อยถูกปล่อยตัวกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน
เซียวหรงเหยี่ยนหยิบถุงเงินลายดอกบัวคู่ซึ่งเต็มไปด้วยเลือดขององค์หญิงหมิงเฉิงออกมาจากอก เขารู้ว่าองค์หญิงหมิงเฉิงต้องการให้เขามอบมันให้เซี่ยสวิน
ก่อนหน้านี้เซียวหรงเหยี่ยนไม่เข้าใจเรื่องความรัก ทว่า เมื่อเขาได้พบกับไป๋ชิงเหยียน เขาจึงเข้าใจว่าความรักคือสิ่งใด
เขาเข้าใจดีว่าแคว้นต้องมาเป็นลำดับแรก สตรีที่ดีควรเสียสละความรักเพื่อแคว้นของตัวเอง
ทว่า เดิมทีเขามีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้องค์หญิงหมิงเฉิงเดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรีเช่นนี้ ทว่า เขารับรู้ เสด็จพี่รับรู้ แต่องค์หญิงหมิงเฉิงไม่รับรู้ ดังนั้นจึงเกิดเรื่องที่องค์หญิงหมิงเฉิงต้องเดินทางมาแต่งงานเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะแคว้นต้าเยี่ยนอ่อนแอเกินไป อ่อนแอจนแม้แต่องค์หญิงหมิงเฉิงยังไม่เชื่อว่าต้าเยี่ยนจะเอาตัวรอดได้ มิเช่นนั้นนางคงไม่เสียสละตัวเองเพื่อแคว้นเช่นนี้
เซียวหรงเหยี่ยนมองดูเปลวไฟที่สะบัดปลิวไปมานิ่ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก เขารีบเก็บถุงเงินไว้ในอกตามเดิม แสร้งหยิบตำราไม้ไผ่ขึ้นมาอ่าน
ไม่นาน บ่าวรับใช้ก้าวเข้าไปเคาะประตู เอ่ยเสียงแผ่วเบา “เซียวเซียนเซิง คุณหนูเปี่ยวขอเข้าพบเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนอย่างนั้นหรือ
เซียวหรงเหยี่ยนรีบพับม้วนไม้ไผ่เก็บแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดกระโปรงยาวสีเงินลายเมฆมงคล หญิงสาวยืนเอามือไขว้หลังอยู่หน้าประตูท่ามกลางแสงของดวงจันทร์โดยมีชุนเถายืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของหญิงสาวเปล่งประกายงดงามราวกับหยก ช่างน่าพิศสมัยยิ่งนัก
เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียน ก้าวออกจากประตู โค้งกายคำนับหญิงสาว “เหยี่ยน คาราวะคุณหนูใหญ่ไป๋ขอรับ ไม่เจอกันนาน ขอบพระคุณที่คุณหนูใหญ่ช่วยชีวิตเหยี่ยนไว้ เหยี่ยนจะจดจำไว้ไม่ลืมขอรับ”
ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนมีบาดแผลเล็กน้อย ชายหนุ่มทายา ทว่า ไม่ได้พันแผล ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มดูดุดันมากขึ้นเล็กน้อย
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เหยียนมาเพราะมีเรื่องอยากถามเซียวเซียนเซิง หวังว่าเซียวเซียนเซิงจะตอบตามความจริงนะเจ้าคะ”
“คุณหนูใหญ่มีพระคุณต่อเหยี่ยน เหยี่ยนจำได้ไม่มีวันลืม ย่อมตอบคุณหนูใหญ่ตามความจริงอยู่แล้วขอรับ…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบก็เบี่ยงกาย ผายมือเชิญไป๋ชิงเหยียน “เชิญคุณหนูใหญ่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนเดินตามเซียวหรงเหยี่ยนเข้าไปด้านใน ประตูเปิดอ้าเอาไว้ ชุนเถายืนไว้อยู่ด้านนอก ให้ไป๋ชิงเหยียนสนทนากับเซียวหรงเหยี่ยนตามสบาย
เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนนั่งเผชิญหน้ากัน บ่าวรับใช้รินน้ำชาให้ จากนั้นถอยออกไปจากห้อง
เปลวไฟในโคมไฟทรงนกยูงสีทองแดงเสมือนจริงสะบัดปลิวไปมา
ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงภายใต้แสงไฟ ดวงตาสงบนิ่งราวกับสายน้ำมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง เอ่ยถาม “เหตุใดต้าเยี่ยนจึงไม่เลือกใช้เส้นทางที่ใกล้กว่า ทว่า กลับอ้อมมาทางหนานหรงเช่นนี้ เซียวเซียนเซิงตอบข้าตามความจริงได้หรือไม่เจ้าคะ”
“องค์หญิงหมิงเฉิงแห่งต้าเยี่ยนและแม่ทัพเซี่ยสวินผู้ดุดันของต้าเยี่ยนซึ่งตั้งค่ายพักอยู่ที่เป่ยหรงเติบโตมาด้วยกัน ทั้งคู่มีใจให้กันขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนมองไป๋ชิงเหยียนนิ่ง “หากขบวนเดินทางผ่านค่ายที่พักของทหารต้าเยี่ยนที่อยู่ในเป่ยหรงอาจเกิดความวุ่นวายได้”
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เซียวเซียนเซิงจะใช้เรื่องความรักมาหลอกข้าว่าต้าเยี่ยนกลัวว่าแม่ทัพเซี่ยสวินจะก่อความวุ่นวายจึงเสี่ยงพาองค์หญิงไปทางหนานหรงแทนเพื่อล่อให้ศัตรูบุกมาทำร้ายหรือเจ้าคะ เหยียนไม่เข้าใจจุดประสงค์ของแผนการนี้จริงๆ เจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนรู้ว่าปิดบังไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ ชายหนุ่มจึงกล่าวขึ้น “ทำเพื่อสำรวจเส้นทางของหนานหรง หาเส้นทางที่ต้าเยี่ยนจะบุกไปยังหนานหรงได้เร็วที่สุดขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้บอกไป๋ชิงเหยียนว่าแม่ทัพเผิงซึ่งเป็นผู้นำของขบวนส่งตัวเจ้าสาวเป็นยอดฝีมือในการจัดทำแผนที่ภูมิประเทศ
ส่งทูตไปขอใช้เส้นทางของแคว้นต้าจิ้นอย่างเปิดเผย สำรวจภูมิประเทศของต้าจิ้นและจัดทำแผนที่โดยละเอียด ช่างเป็นแผนการที่แยบยลจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าสบตาที่เคร่งขรึมของเซียวหรงเหยี่ยน เอ่ยถามต่อ “เหตุใดเซียวเซียนเซิงจึงปรากฏตัวที่เขตชายแดนของหนานหรงได้เจ้าคะ”
“เป็นเรื่องบังเอิญขอรับ ข้าตั้งใจมาสำรวจเส้นทางการเปิดตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าที่เติงโจว สายลับที่ไปสำรวจเส้นทางด้านหน้ากลับมารายงานข้าว่าเห็นขบวนขององค์หญิงต้าเยี่ยน ข้าจึงเดินทางไปดู นึกไม่ถึงว่าจะเห็นหนานหรงบุกโจมตีขบวนพอดีขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวตามความจริง
กล่าวถึงหนานหรง ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงแม่ทัพหน้ากากผีขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวขมวดคิ้วมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน “ต้าเยี่ยนปะทะกับหนานหรงอยู่หลายครั้ง ท่านรู้เรื่องของแม่ทัพหน้ากากผีของหนานหรงมากน้อยเพียงใดเจ้าคะ”
เซียวหรงเหยี่ยนไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะเอ่ยถามเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหรงเหยี่ยนได้ปะทะฝีมือกับแม่ทัพหน้ากากผี ทว่า เซี่ยสวินเคยเผชิญหน้ากับแม่ทัพผู้นี้หลายครั้งแล้ว เขาเกือบตกเป็นรองแม่ทัพหน้ากากผีผู้นี้อยู่หลายครั้ง
ความจริงแล้วกองกำลังของหนานหรงสู้เป่ยหรงไม่ได้ ทว่า หนานหรงกลับโจมตีจนเป่ยหรงต้องไปขอความช่วยเหลือจากทุกสารทิศ หลังจากที่แม่ทัพเซี่ยสวินนำทัพไปตั้งค่ายอยู่ที่เป่ยหรง เขาปะทะกับแม่ทัพหน้ากากผีอยู่หลายครั้ง ส่วนใหญ่มักเสียเปรียบ ต่อให้ชนะก็ชนะโดยที่ฝ่ายของตัวเองเจ็บหนัก แม้บางครั้งแม่ทัพหน้ากากผีจะพ่ายแพ้ ทว่า เขากลับแพ้อย่างได้ประโยชน์ สิ่งนี้ทำให้เซี่ยสวินโมโหเป็นอย่างมาก เขาสาบานว่าจะปราบแม่ทัพหน้ากากผีให้ได้
“ได้ยินว่าท่านอ๋องแห่งหนานหรงบังเอิญพบแม่ทัพหน้ากากผีตอนไปล่าสัตว์ เขาไม่ใช่ชาวหรงตี๋ คนผู้นี้เก่งกาจเรื่องสงคราม วิธีการรบของเขาไม่เหมือนกับชาวหรงตี๋ วิธีบุกโจมตีมีชั้นเชิงและพลิกแพลงตลอดเวลา บัดนี้ราชสำนักหนานหรงให้ความสำคัญกับเขามาก”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบก็นึกสิ่งใดขึ้นมาได้จึงกล่าวเสริม “วันนี้ข้าได้เผชิญหน้ากับแม่ทัพหน้ากากผีผู้นั้น ข้ารู้สึกว่าเขาเคยเรียนการทหารของต้าจิ้นและต้าเยี่ยน ซีเหลียงและหรงตี๋ถนัดใช้เงี้ยว ทว่า เหยี่ยนรู้สึกว่าแม่ทัพหน้ากากผีผู้นี้ถนัดใช้ดาบมากที่สุด เพลงดาบของเขายากจะมีผู้ใดในต้าเยี่ยนและต้าจิ้นเทียบเทียมได้ขอรับ”