สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 561 คุณหนูใหญ่
ตอนที่ 561 คุณหนูใหญ่
ไป๋ชิงเหยียนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ครั้งนี้เจ้าจงติดตามไปด้วย เจ้าสองพี่น้องจะได้พบหน้ากันสักที จะได้สร้างชื่อเสียงรบไม่เคยพ่ายแพ้ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย” ต่งชิงเยว่กล่าวยิ้มๆ
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าอย่างรู้สึกขอบคุณท่านน้าชาย
เช้าวันที่สิบเอ็ด เดือนเก้า ผู้ตรวจการเมืองเติงโจวต่งชิงเยว่และต่งฉางเม่านำทหารกองทัพเติงโจวบุกไปยึดเมืองเติงโจวคืนจากหนานหรง ครั้งนี้มีองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่มาอยู่เป็นเพื่อนต่งเหล่าไท่จวินที่เติงโจวติดตามไปออกรบด้วย กองทัพเติงโจวจึงเต็มไปด้วยขวัญและกำลังใจ
ต่งชิงเยว่และไป๋ชิงเหยียนนำกำลังทหารคนละสองหมื่นนายบุกโจมตีทางประตูเมืองทิศเหนือและทิศใต้พร้อมกันเพื่อกระจายกำลังหลักของหนานหรงให้แยกไปทางเหนือและใต้ สงครามทางประตูเหนือและใต้กำลังดุเดือด ต่งฉางเม่านำพลทหารม้าสามพันนายลอบซุ่มอยู่ทางประตูเมืองทิศตะวันตก
ต่งชิงเยว่ไม่ได้ออมมือในสงครามครั้งนี้อีกแล้ว เขาต่อสู้อย่างสุดกำลัง สั่งให้ทหารหน่วยกล้าตายสามสิบนายดำน้ำเข้าไปใจกลางเมือง ลอบสังหารทหารหนานหรงอย่างเงียบเชียบ จากนั้นเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดทหารหนานหรง บุกเข้าไปเปิดประตูเมืองทิศเหนือและทิศใต้ออก
ประตูทิศเหนือของเติงโจวไร้ปราการทันที ทหารเติงโจวพยายามบุกเข้าไปในเมืองเติงโจวอย่างดุดัน บรรดาทหารหนานหรงใช้ร่างกายของตัวเองค้ำยันประตูที่เปิดอ้าออกจนคนสามารถลอดเข้ามาได้
“เร็วเข้า! รีบมาช่วยกันปิดประตูเมือง!” แม่ทัพหนานหรงซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าสูงชูดาบขึ้นพลางตะโกนเสียงดังลั่น
ทหารหนานหรงพากันกรูเข้าไปใช้ร่างกายดันประตูไม่ให้เปิดออกมากกว่าเดิม พวกเขาไม่อยากเสียดินแดนที่พึ่งยึดมาได้อย่างยากลำบากไปเช่นนี้
แม้ทหารกองทัพเติงโจวจะต้องเหยียบย่ำลงบนร่างที่เสียชีวิตของสหายร่วมกองทัพ แม้ต้องเหยียบย่ำลงบนกองเลือดที่เหนียวหนืดราวกับโคลน ทว่า พวกเขาต่างมุ่งมั่นที่จะยึดเมืองเติงโจวกลับคืนมาให้ได้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม
ทันใดทัน ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งจากด้านนอกประตูเข้าไปในเมืองเติงโจว เสียบทะลุลำคอของแม่ทัพหนานหรงซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้า
ไม่นาน เสียงร้องอย่างกรุ่นโกรธของม้าตัวหนึ่งก็ดังขึ้น ม้าสีขาวตัวหนึ่งพุ่งทะยานแทรกช่องว่างของประตูที่อ้าออกเพียงแค่ครึ่งตัวคนเข้าไปในตัวเมืองอย่างรวดเร็ว
สตรีในชุดเสื้อคลุมกันลมสีแดง เกราะสีเงิน ถือธนูเซ่อรื้อนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาว รัศมีรอบกายเต็มไปด้วยไอสังหารราวกับปีศาจที่โผล่มาจากขุมนรก
“ทุกคน! องค์หญิงเจิ้นกั๋วบุกเข้าไปในเมืองและยิงธนูสังหารแม่ทัพของหนานหรงแล้ว พวกเราบุก!”
แม่ทัพเติงโจวตะโกนก้อง กองทัพเติงโจวซึ่งอยู่นอกประตูเมืองเลือดร้อนขึ้นมาทันที ต่างพากันโห่ร้องขึ้นสุดเสียง ช่องว่างระหว่างประตูเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาร่วมแรงผลักประตูเมืองให้เปิดออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“ปัง…ปัง…”
เสียงประตูทั้งสองข้างกระทบกับกำแพงเมืองดังสนั่นขึ้น เสียงกู่ร้องของทหารเติงโจวดังระงม
ม้าควบทะยานเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วราวพายุโหมกระหน่ำ ร่างในชุดเกราะสีเงินที่เปื้อนเลือดของไป๋ชิงเหยียนเสียบธนูเซ่อรื้อไว้ที่หลัง สายตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่แม่ทัพในชุดนักรบของหนานหรงที่อยู่ท่ามกลางทหารมากมายนิ่ง หญิงสาวจับหอกของทหารหนานหรงที่แทงตรงมายังนาง ออกแรงสะบัดให้ทหารที่ถือหอกกระเด็นออกไปกระแทกทหารฝ่ายเดียวกัน
หญิงสาวควบม้าไปด้านหน้า ไม่เกินสามกระบวนท่า หอกยาวแทงทะลุหน้าอกของแม่ทัพหนานหรงที่มีตำแหน่งสูงในกองทัพ หญิงสาวยกร่างของแม่ทัพที่โชกไปด้วยเลือดสดขึ้น อีกมือหนึ่งกุมบังเหียนม้าแน่นพลางมองไปรอบด้าน ดวงตาวาวโรจน์ของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังบรรดาทหารหนานหรงที่ตกใจจนไม่กล้าเข้าไปใกล้หญิงสาว
หลูผิงพาบรรดาองครักษ์ตระกูลไป๋ขี่ม้าเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน กระจายตัวล้อมรอบหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้าใกล้
ทหารหนานหรงผู้ใดไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของแม่ทัพเทพสังหารขององค์หญิงเจิ้นกั๋วบ้าง
บัดนี้ พวกเขาเห็นสตรีผู้นั้นกำลังยกร่างขององค์ชายใหญ่ของพวกเขาขึ้นสูง ผู้ใดจะไม่หวาดกลัวบ้าง
หอกแทงค้างอยู่ในร่างขององค์ชายแห่งหนานหรง เลือดสดไหลทะลักออกมาจากปากของเขาไม่หยุด
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น หญิงสาวยันปลายหอกไว้กับอานบนหลังม้าจึงสามารถใช้หอกยกร่างคนผู้นี้ขึ้นสูงได้ แรงของหญิงสาวแทบหมดลงแล้ว หญิงสาวสะบัดคนทิ้งด้วยท่าทีสงบนิ่ง ตะโกนเสียงดังลั่น ”ไว้ชีวิตผู้ยอมจำนน ผู้ใดขัดขืนตายสถานเดียว!”
ทหารเติงโจวที่บุกเข้ามาในเมืองเติงโจวได้แล้วล้อมรอบทหารหนานหรงที่กำลังอยู่ในความตกใจไว้อย่างแน่นหนา เมื่อได้ยินคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนต่างพากันตะโกนรับคำเสียงดังลั่น
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าพาหลูผิงและองครักษ์ตระกูลไป๋บุกไปทางประตูตะวันออก
หนานหรงพ่ายแพ้ อาอวี๋ต้องพาทหารถอยหนีไปทางประตูตะวันออก ไป๋ชิงเหยียนมาที่นี่เพื่อพบหน้าอาอวี๋สักครั้ง แม้ไม่มีโอกาสได้สนทนากัน ทว่า หญิงสาวอยากเห็นกับตาของตัวเองว่าอาอวี๋ปลอดภัยดีหรือไม่
ในเมือง
แม่ทัพหน้ากากผีได้ยินว่าประตูเมืองทิศเหนือถูกพังเข้ามาแล้ว ประตูทางทิศใต้กำลังตกอยู่ในภาวะคับขันเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ฝ่ายตนเป็นรอง เขาจึงสั่งให้รองแม่ทัพจัดทหารคุ้มกันรั้งท้ายไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเองพากองทัพส่วนใหญ่ถอยหนีออกไปก่อน
ต่งฉางเม่านำทหารสามพันนายดักซุ่มอยู่ที่ประตูทิศตะวันออก เพราะหากไป๋ชิงเหยียนไปไม่ทันพบไป๋ชิงอวี๋ที่ในเมือง เขาจะช่วยขัดขวางไป๋ชิงอวี๋ ถ่วงเวลาให้ไป๋ชิงเหยียนออกมาพบได้ทัน
เมื่อแม่ทัพหน้ากากผีเดินออกมาจากจวนต่งที่เขาใช้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว เขาได้ยินเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของทหารหนานหรงดังมาจากทางทิศเหนือ ชายหนุ่มหันไปมองทางทิศเหนือ ทันใดนั้น ร่างที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตของสตรีในชุดเกราะสีเงินซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวด้วยท่าทีองอาจปรากฏแก่สายตา
ใบหน้าของไป๋ชิงอวี๋ซึ่งอยู่ภายใต้หน้ากากเริ่มหายใจติดขัดเล็กน้อย ดวงตาสองข้างบวมก่ำ ดวงตาของเขาประสานกับดวงตาของไป๋ชิงเหยียนแทบในทันที
พี่หญิง…
ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นสายตาของไป๋ชิงอวี๋ที่มองมาทางนาง ความรู้สึกปวดร้าวถาโถมเข้ามาในใจ
ร่างของอาอวี๋สูงโปร่งกว่าตอนก่อนไปออกรบเล็กน้อย ทว่า ไม่มีความดื้อรั้นและทะนงราวกับคุณชายบนร่างของเขาอีกต่อไปแล้ว
“ท่านแม่ทัพ!” ทหารร่างโชกเลือดคนหนึ่งของกองทัพหนานหรงคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงอวี๋ “ท่านแม่ทัพ! เทพสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วแห่งต้าจิ้นบุกมาแล้วขอรับ! แม่ทัพรีบพาคนหนีไปก่อนเถิดขอรับ!”
ไป๋ชิงอวี๋มองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นก้าวขึ้นไปบนหลังม้า ควบม้าพาทหารมุ่งหน้าไปทางประตูทิศตะวันออกอย่างรวดเร็วโดยไม่หันหลังกลับไปมองแม้แต่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนเกือบตะโกนคำว่าอาอวี๋ออกมาจากลำคอ หญิงสาวกัดฟันกรอด กำหอกยาวในมือแน่น ตวัดหอกไปรอบกายอย่างร้อนรน ต้องการสังหารทหารหนานหรงที่ขัดขวางไม่ให้นางไปพบอาอวี๋ให้เกลี้ยง
ทว่า ทหารหนานหรงช่างมีมากมายจริงๆ สังหารเท่าใดก็ไม่หมดเสียที พวกเขากรูเข้ามาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หญิงสาวทำได้เพียงมองแผ่นหลังของอาอวี๋ค่อยๆ จากไปไกล รู้สึกปวดร้าวในใจเป็นที่สุด
พวกนางยังไม่ทันได้สนทนากันสักคำ นางยังไม่ได้เข้าไปสำรวจดูบาดแผลของอาอวี๋อย่างใกล้ชิด
นางยังไม่ทันได้บอกอาอวี๋ว่านางไม่ต้องการหินโลหิตนกพิราบอันใดทั้งสิ้น นางขอเพียงแค่อาอวี๋กลับมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น!
ดวงตาสองข้างของไป๋ชิงเหยียนแดงฉาน ต่อสู้อย่างเลือดร้อนกว่าปกติ กระบวนท่าดุดันและเด็ดขาด หญิงสาวต่อสู้ด้วยความร้อนใจจนเปิดช่องโหว่จุดอ่อนของตัวเอง
หากไม่ใช่เพราะหลูผิงและองครักษ์ไป๋คอยต่อสู้คุ้มกันเอาไว้ ไป๋ชิงเหยียนคงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว
“คุณหนูใหญ่!” หลูผิงเห็นคุณหนูใหญ่เสี่ยงบุกไปด้านหน้าอย่างขาดสติจึงตะโกนลั่น
เสียงเรียกของหลูผิงทำให้ไป๋ชิงเหยียนได้สติ หญิงสาวสะบัดหลบลูกธนูที่ลอยตรงเข้ามา ลูกธนูเฉียดผ่านใบหูของไป๋ชิงเหยียนไปเพียงนิดเดียว เลือดสดไหลซึมออกมาทันที
ความอุ่นร้อนของเลือดทำให้ไป๋ชิงเหยียนสงบลง หญิงสาวกระตุกบังเหียนแน่น ไม่พุ่งตรงไปด้านหน้าอีก ไป๋ชิงเหยียนหยิบธนูเซ่อรื้อจากด้านหลังของตัวเองออกมา ง้างสายธนูอยู่บนหลังม้าอย่างมั่นคง ปล่อยธนูไปยังเบื้องหน้าอย่างแม่นยำ
การมุละทุมีแต่จะนำชีวิตไปเสี่ยงตายโดยเปล่าประโยชน์ แม้วันนี้พวกนางไม่มีโอกาสได้สนทนากัน ทว่า ขอเพียงมีชีวิตอยู่ สักวันต้องมีโอกาสแน่!