สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 564 เชื่อข้า
ตอนที่ 564 เชื่อข้า
“เหตุใดไม่เห็นฉางหลานกับฉางเม่า เด็กสองคนนั่นตามเก็บความเรียบร้อยอยู่อย่างนั้นหรือ” ชุยซื่อเอ่ยถามออกมา
ต่งเหล่าไท่จวินรู้เรื่องการ “เสียชีวิต” ของต่งฉางหลาน ทว่า ต่งชิงเยว่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชุยซื่อ ตอนพักอยู่ที่กระโจมนอกเมืองต่งชิงเยว่ให้ทุกคนปิดบังเรื่องนี้ไว้ก่อนโดยอ้างว่ากลัวเหล่าไท่จวินจะรับไม่ไหวที่หลานชายคนโตของงตัวเองเสียชีวิต
ต่งถิงอวิ๋นและต่งถิงจือพอได้ยินข่าวอยู่บ้าง ทว่า พวกนางไม่กล้าบอกให้ต่งเหล่าไท่จวินรับรู้ ช่วงนี้ต่งถิงอวิ๋นยิ่งไม่กล้าไปรับใช้ข้างกายต่งเหล่าไท่จวิน นางกลัวว่าตัวเองจะเผลอหลุดปากเรื่องการเสียชีวิตของต่งฉางหลาน หากท่านย่าเป็นอันใดขึ้นมานางต้องเดือดร้อนแน่!
นางเป็นเพียงบุตรอนุ หากท่านย่าเป็นอันใดไปเพราะนาง ท่านพ่ออาจขับไล่นางไปอยู่วัด ไม่ให้กลับมาจวนต่งตลอดชีวิตก็ได้
ต่งเหล่าไท่จวินรู้ว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับสนทนาจึงหันกลับไปมองชุยซื่อและเสี่ยวชุยซื่อที่ไม่รู้เรื่องอันใดแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้น “บุรุษมีเรื่องสำคัญต้องทำมากมาย เจ้าอย่าถามให้มากเลย!”
กล่าวจบ ต่งเหล่าไท่จวินส่งสายตาให้ต่งชิงเยว่กลับไปอธิบายกับชุยซื่อให้ชัดเจน ชุยซื่อไม่ใช่สตรีที่เข้มแข็ง หากนางเป็นอันใดไปเพราะรับไม่ได้เรื่องการเสียชีวิตของฉางหลานขึ้นมา ฉางหลานคงรู้สึกผิดมาก
ต่งชิงเยว่พยักหน้าให้ต่งเหล่าไท่จวิน
เมื่อส่งต่งเหล่าไท่จวินกลับเรือนเสร็จ ต่งชิงเยว่ยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมากมาย
เขาต้องถวายฎีการายงายความเสียหายอย่างหนักของสงครามในครั้งนี้ให้ราชสำนักรับรู้ ขอให้ราชสำนักลดภาษีให้ชาวบ้านและส่งเสบียงมาบรรเทาทุกข์
ความจริงแล้วเสบียงเกือบครึ่งของเติงโจวถูกต่งฉางหลานนำไปด้วยนานแล้ว ส่วนเสบียงอีกส่วน พวกเขาตั้งใจทิ้งไว้ที่เมืองเติงโจวเพื่อให้ไป๋ชิงอวี๋มาปล้นไป แม้เติงโจวจะพอมีเสบียงเหลืออยู่บ้าง ทว่า มีโอกาสขอจากราชสำนัก พวกเขาก็ควรจะขอจากราชสำนักสิ
นอกจากนี้ต่งชิงเยว่จะถวายฎีกาขอรางวัลให้ไป๋ชิงเหยียน กล่าวว่าหากไม่ใช่พราะไป๋ชิงเหยียนวางแผนได้อย่างรอบคอบ ตอนนี้พวกเขาคงยังยึดเมืองเติงโจวกลับมาไม่ได้ ชาวบ้านของเมืองเติงโจวคงต้องกลายเป็นชาวบ้านเร่ร่อน อพยพไปยังเมืองอื่นๆ เมืองอื่นๆ คงต้องเดือดร้อนตามไปด้วย
ตกดึก ต่งฉางเม่าที่พาทหารม้าสามพันนายไล่ตามกองทัพหนานหรงไปแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บหนักกลับมาที่จวน กล่าวว่าทหารสามพันนายถูกหนานหรงดักซุ่มโจมตี พวกเขาเสียสละปกป้องให้เขาหนีรอดกลับมาจนเสียชีวิตลงทั้งหมด ทว่า ความจริงแล้วต่งฉางเม่ามอบทหารม้าสามพันนายให้แก่ต่งฉางหลานทั้งหมด
ร่างที่โชกเลือดของต่งฉางเม่าถูกคนแบกเข้าไปในจวนต่งท่ามกลางสายตาของขุนนางและชาวบ้านเติงโจวให้หมอประจำจวนรักษา
ต่งฉางเม่าต้องการทำให้สมจริงที่สุด เขาจึงกล้าลงมือกับตัวเองอย่างใจเด็ด บาดแผลบนร่างกายของเขาเต็มไปหมด โชคดีที่ไม่ใช่จุดสำคัญ
คืนนั้นต่งชิงเยว่เขียนฎีกาขึ้นอีกฉบับ กล่าวว่าแม่ทัพหน้ากากผีมีความสามารถในการนำทัพมาก วิธีรบของเขาไม่เหมือนกับแม่ทัพคนก่อนๆ ของหนานหรง เหมือนเขาจะเชี่ยวชาญในการออกรบมาก เติงโจวจึงพ่ายแพ้เช่นนี้
เมื่อเสี่ยวชุยซื่อเห็นต่งฉางเม่าได้รับบาดเจ็บหนักกลับมาที่จวน ทว่า ไม่เห็นต่งฉงหลาน เสี่ยวชุยซื่อจึงเริ่มร้อนใจ อยากไปสอบถามเรื่องราวจากชุยซื่อ ทว่า โดนหมัวมัวข้างกายของชุยซื่อขวางไว้ที่หน้าห้องเสียก่อน กล่าวว่าต่งชิงเยว่กำลังสนทนาเรื่องสำคัญอยู่กับชุยซื่อ
เสี่ยวชุยซื่อได้ยินก็หน้าซีดเผือดทันที หญิงสาวเกือบเซล้มอย่างทรงตัวไม่อยู่ โชคดีที่สาวใช้ข้างกายของนางรีบประคองเอาไว้ทัน “ฮูหยินน้อย!”
ต่งฉางเม่าได้รับบาดเจ็บกลับมาที่จวน พ่อสามีมาคุยเรื่องสำคัญกับแม่สามี…อีกทั้งไล่สาวใช้หน้าห้องออกไปทั้งหมด ฉางหลานคงไม่ได้เป็นอันใดไปใช่หรือไม่!
“หรงเจี๋ย…”
เสี่ยวชุยซื่อได้ยินเสียงไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกจึงหันกลับไปมอง นางรีบเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเอ่ยแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทา “พี่หญิง ฉางเม่าได้รับบาดเจ็บหนักกลับมาที่จวน ท่านพ่อรีบมาหาท่านแม่ทันทีเช่นนี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับฉางหลานใช่หรือไม่เจ้าคะ พี่หญิง หากฉางหลานเป็นอันใดไป พี่หญิงอย่าปิดบังข้าเลยนะเจ้าคะ”
ไม่ใช่เพราะเสี่ยวชุยซื่อกังวัลมากเกินไป ทว่า นางรู้ใจต่งฉางหลานดี หากต่งฉางหลานและต่งฉางเม่าตกอยู่ในอันตรายพร้อมกัน ต่งฉางหลานต้องปกป้องน้องชายของตัวเองด้วยชีวิต ปล่อยให้ต่งฉางเม่าเป็นคนที่มีชีวิตรอด
เพราะ…เขาคือบุตรชายคนโต
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือที่สั่นเทาของเสี่ยวชุยซื่อไว้ “พี่กำลังจะมาคุยกับเจ้าเรื่องนี้พอดี เจ้ามากับพี่เถิด…”
เสี่ยวชุยซื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเหมือนโลกจะถล่มลงมา หญิงสาวกุมมือของไป๋ชิงเหยียนแน่นด้วยใบหน้าซีดเผือด เท้าสองข้างประหนึ่งถูกตอกยึดกับตะปู ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ “ฉางหลาน เกิดเรื่องขึ้นกับฉางหลานอย่างนั้นหรือเจ้าคะ!”
เมื่อเห็นท่าทีของเสี่ยวชุยซื่อ ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งให้ชุนเถาและสาวใช้ของเสี่ยวชุยซื่อหลบฉากไป จากนั้นเอ่ยกับเสี่ยวชุยซื่อเสียงเบาหวิว “ฉางหลานมิเป็นอันใด แม้แต่บาดแผลบนร่างของฉางเม่าก็ล้วนเป็นเพราะเขาจัดฉากขึ้นเอง!”
เสี่ยวชุยซื่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่เข้าใจ
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้เสี่ยวชุยซื่อ จูงมือของเสี่ยวชุยซื่อไปยังระเบียงยาว จากนั้นประคองให้หญิงสาวนั่งลง “เจ้ารู้เรื่องที่ราชสำนักไม่ยอมจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้กองทัพเติงโจวดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไปตระกูลต่งต้องพบจุดจบเดียวกับตระกูลไป๋แน่ ดังนั้นท่านน้าชายจึงส่งฉางหลานไปทำภารกิจบางอย่าง ทว่า ห้ามให้ผู้อื่นรับรู้ ดังนั้นท่านน้าชายจึงให้ฉางหลานแสร้งจัดฉากเสียชีวิต ให้ฉางเม่าแสร้งทำเป็นบาดเจ็บหนัก”
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนไม่เห็นด้วยที่จะบอกเรื่องนี้กับเสี่ยวชุยซื่อ ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อใจเสี่ยวชุยซื่อ ทว่า คนรับรู้เรื่องนี้น้อยมากเท่าใด ต่งฉางหลานจะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
ทว่า ท่านยายบอกว่าเสี่ยวชุยซื่อไว้ใจได้ ที่สำคัญต้องบอกให้นางรับรู้เพราะเสี่ยวชุยซื่อกำลังตั้งครรภ์ นางเพิ่งตั้งครรภ์ครั้งแรก หากไม่บอกความจริงกับนาง เด็กในครรภ์อาจมีอันตรายได้
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่รู้จักเสี่ยวชุยซื่อดีพอ ทว่า นางเชื่อใจท่านยายของตัวเอง ดังนั้นเมื่อหญิงสาวได้ยินว่าเสี่ยวชุยซื่อมาขอพบชุยซื่อ นางจึงตามมาอธิบายเรื่องนี้กับเสี่ยวชุยซื่อด้วยตัวเอง
“แสร้งตายหรือเจ้าคะ!” เสี่ยวชุยซื่อเบิกตาโพลง ผุดลุกขึ้นยืนอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ มองไปทางไป๋ชิงเหยียนราวกับกำลังคิดว่าหญิงสาวกำลงหลอกตนอยู่ น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย
“หรงเจี๋ย ข้า ไป๋ชิงเหยียนข้าสาบานด้วยเกียรติของวิญญาณของบรรพบุรุษไป๋ ฉางหลานปลอดภัยดี หากพี่โกหกเจ้าแม้แต่คำเดียว ขอให้ไป๋ชิงเหยียนไม่ตายดี!” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือเสี่ยวชุยซื่อแน่น ประคองให้หญิงสาวนั่งลงอีกครั้ง “เจ้าเชื่อพี่เถิด!”
ไป๋ชิงเหยียนสาบานอย่างหนักแน่นเช่นนี้ เสี่ยวชุยซื่อจะไม่เชื่อได้อย่างไรกัน หญิงสาวรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา กุมมือไป๋ชิงเหยียนแน่นพลางร้องไห้ออกมา “ไม่ใช่เจ้าค่ะพี่หญิง ข้าไม่ได้ไม่เชื่อท่าน ข้าแค่กลัว…”
เสี่ยวชุยซื่อกล่าวพลางลูบไปที่ท้องของตัวเอง กัดฟันแน่น เงยหน้าขึ้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ตรงระเบียง กล่าวเสียงสะอื้น “ข้าทราบดีว่าท่านพ่อ ฉางหลานและพี่หญิงกำลังทำในสิ่งที่สมควรทำอยู่ ข้าไม่ใช่คนไม่รู้ความ ทว่า ฉางหลานควรบอกเรื่องนี้กับข้าด้วยตัวเอง พวกเราเป็นสามีภรรยากัน เขาไม่ไว้ใจข้าอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
เมื่อเห็นเสี่ยวชุยซื่อขยำผ้าเช็ดหน้าจนยับยู่ยี่ ไป๋ชิงเหยียนรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้แทน