สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 565 หยิ่งทระนง
ตอนที่ 565 หยิ่งทระนง
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงอ่อนโยน “หรงเจี๋ย ฉางหลานไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า ทว่า เขารู้ว่าเจ้าจะเข้าใจเขาดังนั้นจึงจากไปอย่างไม่กังวลเช่นนี้ ตอนนี้เวลากระชั้นชิด ฉางหลานไม่มีเวลาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าฟังได้ เมื่อเขาอยากอธิบาย ท่านน้าชายก็วางแผนให้เขาแสร้งเสียชีวิตในสนามรบแล้ว”
เสี่ยวชุยซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าของไป๋ชิงเหยียนซับน้ำตา แม้ในใจจะเข้าใจต่งฉางหลานแล้ว ทว่า ปากยังคงบ่นอุบอิบ “เขาไม่บอกข้า ข้าก็จะไม่บอกเรื่องสำคัญกับเขาเช่นกัน!”
เสี่ยวชุยซื่อใช้มือลูบท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา จากนั้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างซาบซึ้ง “ขอบพระคุณพี่หญิงที่บอกเรื่องนี้กับข้าเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นข้าคงวิตกกังวลจนนอนไม่หลับแน่เจ้าค่ะ”
ภายในห้องของชุยซื่อ ต่งชิงเยว่บอกเรื่องที่ต่งฉางหลานแกล้งเสียชีวิตให้ชุยซื่อฟัง
“เราต้องจัดงานศพให้ฉางหลาน เดิมทีข้าต้องการปิดบังเจ้า รอให้งานศพเสร็จสิ้นไปก่อนค่อยบอกเจ้า ทว่า ข้ากลัวว่าเจ้าจะล้มป่วยจนฉางหลานต้องเป็นกังวลจนไม่มีสมาธิทำเรื่องสำคัญ! ดังนั้นนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเจ้าจงบอกกับทุกคนว่าเจ้าล้มป่วย ไม่พบหน้าผู้ใดทั้งสิ้น มิเช่นนั้นเจ้าต้องมีพิรุธแน่นอน” ต่งชิงเยว่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ชุยซื่อเช็ดน้ำตา
ชุยซื่อกระชากผ้าเช็ดหน้ามาจากต่งชิงเยว่ “ท่านเป็นพ่อของเขา ท่านทนเห็นลูกชายแสร้งตายได้อย่างไรกัน! แล้วยังจะจัดงานศพให้เขาอีก…”
“หากไม่ทำเช่นนี้ จุดจบของบุรุษตระกูลไป๋จะกลายเป็นจุดจบของตระกูลต่งเช่นเดียวกัน!” หาได้ยากที่ต่งชิงเยว่จะนั่งอธิบายกับชุยซื่ออย่างใจเย็นเช่นนี้ เขากดบ่าของชุยซื่อเอาไว้ กล่าวเสียงเบา “ตระกูลต่งต้องหาทางรอดให้ตัวเอง ฉางหลานคือลูกชายคนโต เขาเป็นคนไปจัดการเรื่องเหล่านี้ข้าถึงจะวางใจ ฉางหลานคือทางรอดของพวกเรา!”
ต่งชิงเยว่อธิบายกับชุยซื่อได้ ทว่า เขาไม่อาจบอกได้ทั้งหมด
หากเขาบอกชุยซื่อไปตามความจริงว่าพวกเขาเตรียมตัวเพื่อโค่นล้มราชวงศ์หลินในวันข้างหน้า ชุยซื่อคงเป็นลมหมดสติไปแน่
วันที่สิบแปด เดือนเก้า ฝูรั่วซีแห่งค่ายผิงอันได้รับราชโองการจากฮ่องเต้จึงมุ่งหน้าไปเสริมทัพที่เติงโจว เมื่อไปถึง…จึงรับรู้ว่าต่งชิงเยว่และไป๋ชิงเหยียนยึดเมืองเติงโจวคืนมาได้ในวันที่สิบเจ็ดแล้ว แม่ทัพฝูรั่วซีสั่งให้ทหารค่ายผิงอันตั้งค่ายพักแรมอยู่ที่นอกเมือง ส่วนตนเองเข้าไปในเมืองเติงโจว
เมื่อแม่ทัพฝูรั่วซีมาถึงจวนต่งก็เห็นป้ายคำว่าเตี้ยน[1] ผ้าไหมและโคมไฟสีขาวแขวนอยู่ที่หน้าจวนต่งสื่อว่าจวนต่งกำลังจัดพิธีศพ
ได้ยินว่าต่งฉางหลานบุตรชายคนโตของต่งชิงเยว่เสียชีวิตระหว่างทำสงครามกับหนานหรง ทว่า พวกเขายังไม่มีเวลาจัดงานศพ เมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วไป๋ชิงเหยียนช่วยต่งชิงเยว่ยึดเมืองเติงโจวกลับคืนมาได้ ต่งชิงเยว่จึงมีเวลาจัดการเรื่องงานศพให้บุตรชาย
เมื่อเสี่ยวชุยซื่อภรรยาของต่งฉางหลานรับรู้ข่าวการเสียชีวิตของสามีก็เป็นลมหมดสติไปทันที ท่านหมอตรวจพบว่าหญิงสาวกำลังตังครรภ์ เด็กในท้องของเสี่ยวชุยซื่อคือสายเลือดเพียงคนเดียวของต่งฉางหลาน ดังนั้นนางจึงพักผ่อนสงบจิตใจอยู่ที่เรือนหลัง ไม่ได้มาที่หอทำพิธี
จู่ๆ สามีก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ไม่ว่าผู้ใดก็รับไม่ได้ทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสตรีที่กำลังตั้งครรภ์อย่างเสี่ยวชุยซื่อเลย ตระกูลต่งย่อมเห็นความสำคัญของเด็กในท้องของเสี่ยวชุยซื่อเป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่ให้เสี่ยวชุยซื่อไปที่หอทำพิธี
ส่วนต่งฉางเม่าน้องชายของต่งฉางหลานกลับนั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าป้ายวิญญาณของพี่ชายเพื่อทำความเคารพแขกที่มาเคารพศพทั้งๆ ที่ตนเองได้รับบาดเจ็บหนัก
แม่ทัพฝูรั่วซีเห็นภาพน่าเวทนาของตระกูลต่งจึงรู้สึกผิดอยู่ในใจ เมื่อเคารพศพของต่งฉางหลานเสร็จแล้วเดินออกมาจากหอทำพิธี ฝูรั่วซีกำหมัดคารวะต่งชิงเยว่ “ขออภัยใต้เท้าต่งด้วยขอรับ ตอนที่เติงโจวมาขอกำลังเสริม ข้ายังไม่ได้รับคำสั่งจึงไม่กล้าเคลื่อนทัพโดยพลการขอรับ”
ต่งชิงเยว่โบกมือ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น…ไม่ได้บอกว่าเข้าใจ ทว่า ก็ไม่ได้ตำหนิเช่นเดียวกัน ฝูรั่วซีจึงยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่
ฝูรั่วซียืนทำตัวไม่ถูกอยู่ด้านข้าง เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดสีขาวเรียบเดินมาท่ามกลางสาวใช้รายล้อม เขาจึงรีบก้าวเข้าไปทำความเคารพ “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้ฝูรั่วซียิ้มๆ “แม่ทัพฝู!”
“โชคดีที่ครั้งนี้ได้องค์หญิงเจิ้นกั๋วยื่นมือเข้าช่วยใต้เท้าต่งยึดเมืองเติงโจวกลับมาขอรับ” ฝูรั่วซีกำดาบที่เอวแน่น “กระหม่อมไม่มีป้ายคำสั่งจึงไม่กล้าเคลื่อนทัพมาเติงโจวโดยพลการ กระหม่อมรู้สึกผิดยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
ฝูรั่วซีกล่าวประโยคนี้ให้ทั้งไป๋ชิงเหยียนและต่งชิงเยว่ฟัง
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่กล่าวตอบ ฝูรั่วซีจึงกล่าวต่อ “ได้ยินว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้องค์รัชทายาทนำเสบียงมายังเติงโจวแล้วขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงหันไปมองฝูรั่วซีอย่างจริงจัง “ข้าเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับแม่ทัพฝูมาก่อน ข้านึกว่าแม่ทัพฝูจะรู้ว่ายามทำสงคราม บางครั้งไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากเบื้องบน กองทัพเติงโจวไปขอความช่วยเหลือจากค่ายผิงอัน แม่ทัพฝูไม่อาจขัดคำสั่งของเบื้องบนจริงๆ หรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่ ตระกูลต่งไม่คิดจะสืบเรื่องนี้ต่ออีกแล้ว…”
ฝูรั่วซีกกำดาบที่เอวแน่นกว่าเดิม “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้าพระทัยผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ ญาติผู้น้องของข้าก็นอนนิ่งอยู่ที่นั่นแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปทางหอทำพิธี “กองทัพผิงอันของแม่ทัพฝูยังอยู่ที่นอกเมืองเติงโจว ในเมื่อเติงโจวปลอดภัยแล้ว แม่ทัพฝูรีบนำทัพของตัวเองกลับไปยังค่ายผิงอันเถิด หากชักช้าฝ่าบาทอาจทรงกริ้วได้”
แม่ทัพฝูรั่วซีให้กองทัพผิงอันรออยู่ที่นอกเมือง ตัวเขาพารองแม่ทัพเข้ามาในเติงโจวเพียงคนเดียวเพื่อรับความโกรธจากต่งชิงเยว่อยู่แล้ว ตระกูลไป๋และตระกูลต่งเป็นดองกัน ไป๋ชิงเหยียนกล่าวแขวะเขาเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
ฝูรั่วซีโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “ไม่ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วและใต้เท่าต่งจะเชื่อข้าหรือไม่ ฝูรั่วซีกล้าสาบานว่าที่ข้าไม่กล้าเคลื่อนทัพมาช่วยเติงโจวเป็นเพราะไม่ได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทจริงๆ ข้ารู้สึกผิดกับการเสียชีวิตของคุณชายต่งยิ่งนัก หากวันหน้าตระกูลต่งมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือ ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่ ขอแสดงความเสียใจกับใต้เท้าต่งและองค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย ขอตัวก่อนขอรับ!”
กล่าวจบฝูรั่วซีพารองแม่ทัพของตัวเองเดินออกจากจวนต่ง ก้าวขึ้นหลังม้า ขี่ม้าไปยังนอกเมืองทันที
ฝูรั่วซีเพิ่งจากไป จดหมายจากเมืองหลวงส่งมาถึงจวนต่งพอดี
ไป๋ชิงเหยียนและต่งชิงเยว่ไปอ่านจดหมายที่ห้องตำราของต่งชิงเยว่ ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวในจดหมายว่าวันแต่งงานของเหลียงอ๋องและหลิ่วรั่วฟูถูกเลื่อนขึ้นจัดในวันที่สิบห้า เดือนสิบ ไป๋จิ่นซิ่วสืบจนรู้ว่าเป็นเพราะหลิ่วรั่วฟูตั้งครรภ์ จึงต้องรีบร้อนจัดงานแต่งงานในเดือนสิบเช่นนี้
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงตอนที่เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถึงเรื่องที่หลิ่วรั่วฟูถูกคนย่ำยี เซียวหรงเหยี่ยนต้องการให้ราชสำนักต้าจิ้นวุ่นวาย ดังนั้นเขาจึงกระตุ้นให้องครักษ์ขององค์รัชทายาททำลายความบริสุทธิ์ของหลิ่วรั่วฟู
เด็กในท้องของหลิ่วรั่วฟูไม่ใช่สายเลือดของเหลียงอ๋อง เหลียงอ๋องคงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ
ทว่า หลิ่วรั่วฟูเล่า นางเป็นสตรีที่หยิ่งทะนง นางเต็มใจแต่งงานกับเหลียงอ๋องผู้ไร้ความสามารถอย่างนั้นหรือ
ไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายจบจึงเผาจดหมายทิ้ง จากนั้นกล่าวกับต่งชิงเยว่ “หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูตั้งครรภ์ งานแต่งงานของเหลียงอ๋องและหนานตูจวิ้นจู่ถูกเลื่อนมาจัดในวันที่สิบห้า เดือนหน้าเจ้าค่ะ”
“เหลียงอ๋อง…” ต่งชิงเยว่หรี่ตาลง ลูบมือไปบนที่วางแขนของเก้าอี้ “ตั้งแต่ที่เหลียงอ๋องผู้นี้ใส่ร้ายว่าท่านปู่ของเจ้าเป็นกบฏ ข้าก็คิดว่าเขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถดั่งที่แสดงออกให้เห็นภายนอกแน่ หากเป็นเช่นนั้นจริง คนผู้นี้ต้องเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจยิ่งนัก!”
[1] เตี้ยน เป็นคำที่ใช้แปะในงานศพ ถ้าเห็นตัวอักษรนี้แสดงว่ามีคนเสียชีวิต