สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 585 สร้างตัวอย่างยากลำบาก
ตอนที่ 585 สร้างตัวอย่างยากลำบาก
รองแม่ทัพของฝูรั่วซีที่ร่างเปื้อนไปด้วยเลือดกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดช่วยแก้ต่างแทนแม่ทัพของพวกเราต่อหน้าองค์รัชทายาทด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพฝูต้องถูกบังคับแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่! คนส่งจดหมายผู้นั้น…” ลูกน้องที่ตรงไปตรงมาของฝูรั่วซีชี้ไปทางศพของคนส่งจดหมาย “ต้องมีคนส่งเขามาบังคับข่มขู่แม่ทัพฝูแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “แม่ทัพฝูคุ้มกันชายแดนด้วยความจงรักภักดีมาหลายปี หากเขาถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือกจริงๆ ข้าจะขอร้องฝ่าบาทและองค์รัชทายาทแทนเขาเอง ทว่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือคุ้มกันองค์รัชทายาทกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย ขอเพียงองค์รัชทายาทกลับไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย ทุกท่านในที่นี้ล้วนมีความดีความชอบ เมื่อถึงเวลาตบรางวัล ทุกท่านสามารถขอร้องแทนแม่ทัพฝูได้”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ บรรดาแม่ทัพต่างพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย
รองแม่ทัพของฝูรั่วซีเคยไปรบที่เป่ยหนานกับฝูรั่วซี เขาเคยร่วมรบกับไป๋ชิงเหยียนมาก่อน เขาเคารพและนับถือองค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้หยิ่งทะนงคนนี้จากใจจริง
ที่สำคัญองค์หญิงเจิ้นกั๋วคือทายาทของตระกูลไป๋ หญิงสาวสร้างความดีความชอบทั้งในสงครามที่หนานเจียงและเป่ยเจียง บรรดาทหารในค่ายผิงอันต่างเคารพหญิงสาว
ทหารครึ่งหนึ่งของค่ายผิงอันถูกเลือกตัวไปยังเมืองหลวง ก่อนออกเดินทาง ไป๋ชิงเหยียนเรียกหลูผิงที่อยู่จัดการเรื่องทุกอย่างในค่ายผิงอันมาพบ เอ่ยกำชับเสียงเบา “ครั้งนี้ฝูรั่วซีลงมือสังหารองค์รัชทายาทต่อหน้าทุกคน ดังนั้นทหารที่มีตำแหน่งสำคัญในค่ายทหารผิงอันจึงถูกพาตัวไปยังเมืองหลวงเกือบทั้งหมด ลุงผิงบอกท่านน้าชายให้เขาควบคุมทหารที่เหลืออยู่ในค่ายผิงอันไว้ให้ได้”
หลูผิงพยักหน้า “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงขอรับ”
…
ฝนตกปรอยๆ ลงมาในยามค่ำคืน ชำระล้างสิ่งสกปรกบนกระเบื้องจนมันวาว
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง แม้แต่พ่อค้าที่ปกติตื่นเช้าที่สุดก็ยังคงหลับไม่ตื่น โคมไฟที่แขวนอยู่เหนือประตูหลักสีดำเคลือบน้ำมันของจวนหวงของพ่อค้าผู้ร่ำรวยในเมืองยังคงสว่างไสว
เสียงกีบม้าหลายตัววิ่งมาตามถนนสายยาว หยุดนิ่งลงที่หน้าประตูจวนหวง
จางเหยียนที่ยืนรออยู่ด้านในประตูจวนสีเหลืองได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงเปิดประตูออก
เซียวหรงเหยี่ยนในชุดยาวสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมสีดำกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง มืออีกข้างกำแส้ม้าสีดำแน่นพลางกระโดดลงจากหลังม้า เครื่องแต่งกายของชายหนุ่มเปื้อนไปด้วยฝุ่น
จางเหยียนรีบก้าวไปด้านหน้า เมื่อเข้าใกล้ เซียวหรงเหยี่ยนได้กลิ่นฉุนของยาจากร่างของจางเหยียนทันที
เซียวหรงเหยี่ยนยื่นแส้ม้าสีดำให้จางเหยียน ก้าวขึ้นไปบนบันไดเข้าไปยังจวนหวงอย่างรีบร้อน เอ่ยถาม “เซี่ยสวินเป็นอย่างไรบ้าง”
“เมื่อพระศพขององค์หญิงหมิงเฉิงถูกส่งกลับไป เซี่ยสวินก็ทรุดลงทันทีขอรับ เขาไข้ขึ้นสูงไม่ลด นอนสลบทั้งวัน ตื่นมาเป็นบางช่วงเท่านั้นขอรับ” น้ำเสียงของจางเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล “เซี่ยสวินไม่ได้ไม่ยอมกินยา ทว่า เมื่อกินเข้าไปกลับอาเจียนออกหมดขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนขบกรามแน่น ใบหน้าสมบูรณ์แบบตึงเครียด กล่าวขึ้น “อาเจียนก็ต้มยาแล้วป้อนต่อจนกว่าเขาจะกลืนยาลงท้องจนหมดชาม! พาข้าไปพบเขาที”
จางเหยียนรับคำ รีบเดินนำทางเซียวหรงเหยี่ยน พวกเขาเดินผ่านกำแพงของสวนหญ้า ผ่านระเบียงทางเดินที่ล้อมรอบไปด้วยเสา ก้าวเข้าไปในเรือนที่ตกแต่งอย่างงดงาม ในสวนเต็มไปด้วยดอกกุ้ยฮวาสีทองซึ่งอยู่ห่างไกลจากเรือนหลังอื่น
ดอกกุ้ยฮวาสีทองอยู่ในช่วงแบ่งบานเต็มที่ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว ใบของดอกกุ้ยฮวาถูกสายฝนเมื่อคืนพัดโปรยจนตกอยู่ตามพื้นกระเบื้องที่บ่าวรับใช้ยังไม่ทันได้เก็บกวาด
จางเหยียนก้าวไปเปิดประตู จากนั้นถอยออกมาอยู่ด้านข้าง
ประตูแกะสลักลายดอกไม้ถูกเปิดออก ลมหนาวจากด้านนอกพัดเข้าไปในห้อง เปลวไฟที่ดับมอดลงแล้วสว่างขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาคือเซียวหรงเหยี่ยน ลำคอของเซี่ยสวินร้อนผ่าว ชายหนุ่มเลิกผ้าห่มออก เกาะขอบเตียงยันกายลุกขึ้น จากนั้นคุกเข่าข่างหนึ่งลงบนพื้นเพื่อทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน อึกอักในลำคอไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกผิดหรือเพราะเสียใจกันแน่ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา
จางเหยียนปิดประตูให้อย่างรู้งาน จากนั้นยืนเฝ้าอยู่ที่ระเบียงทางเดิน
แววตาล้ำลึกของเซียวหรงเหยี่ยนจ้องไปทางเซี่ยสวินที่สวมเพียงเสื้อซับด้านใน ชายหนุ่มปลดเสื้อคลุมกันลมของตัวเองออก จากนั้นวางไว้ด้านข้าง เขานั่งลงด้านหน้าโต๊ะแปดเหลี่ยมสีดำพลางจ้องไปทางเซี่ยสวินนิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและดุดัน “หมิงเฉิงไม่อยู่แล้ว เจ้าคิดจะตายตามอย่างนั้นหรือ”
เซี่ยสวินก้มหน้าลง กำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น ดวงตาสองข้างแดงก่ำ หายใจหอบกว่าเดิม เขากัดฟันแน่นไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
แสงไฟในห้องส่องกระทบใบหน้าที่งดงามของเซียวหรงเหยี่ยน เขาหยิบถุงหอมที่องค์หญิงหมิงเฉิงทิ้งไว้ให้เซี่ยสวินออกมาจากอก นิ้วมือลูบไปบนลายดอกไม้ของถุงหอม “หมิงเฉิงเติบโตมาพร้อมกับเจ้า พวกเจ้ารักมั่นและทำสัญญาใจระหว่างกัน เจ้าเสียใจได้ ทว่า จะล้มไม่ได้เป็นอันขาด!”
เซียวหรงเหยี่ยนวางถุงหอมลงบนโต๊ะแปดเหลี่ยม “ไม่ว่าหมิงเฉิงหรือเจ้า ข้าเคยคิดว่าพวกเจ้าคือบุรุษและสตรีที่เลือดร้อนของต้าเยี่ยน เซี่ยสวิน เจ้าลองบอกข้ามาสิว่าข้ามองเจ้าผิดไปหรือไม่”
“เจ้าไม่รู้หรือว่าเหตุใดหมิงเฉิงถึงเสียชีวิต ไม่ว่าตอนนางมีชีวิตอยู่หรือจากไป นางไม่เคยทำผิดต่อแคว้นของนาง แล้วเจ้าจะกล้าทำผิดต่อแคว้นของเจ้าอย่างนั้นหรือ!” น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนหนักแน่นและทรงพลัง “ตอนนั้น แคว้นต้าเยี่ยนยากจน ภายในมีแต่ความวุ่นวาย นอกแคว้นมีแต่อันตราย เจ้าคุกเข่าลงตรงหน้าเสด็จพี่ของข้า กล่าวว่าหากเสด็จพี่ของข้ากล้าเชื่อใจเจ้า มอบม้า เสบียงและเงินให้เจ้า เจ้าจะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งที่ไม่มีผู้ใดต้านทานได้ให้เสด็จพี่ภายในเวลาสามปี ตอนนั้นต้าเยี่ยนใกล้จะดับสูญ เสด็จพี่ขายสมบัติของบรรพบุรุษ สั่งให้คนในราชวงศ์รับประทานอาหารเพียงมื้อเดียวต่อวันเพื่อประหยัดและนำเงินไปซื้อเสบียง ม้าศึก อาวุธและเกราะป้องกันตัวให้เจ้านำไปสร้างกองทัพใหม่ ทุกคนในแคว้นต้าเยี่ยนตั้งแต่จักรพรรดิไปจนถึงชาวบ้านธรรมดาล้วนบริจาคสมบัติบางส่วนของตัวเองให้เจ้า! พวกเขาฝากความหวังไว้ที่กองทัพใหม่ หวังให้กองทัพใหม่สร้างความแข็งแกร่งให้แคว้น แม้เผชิญปัญหาอดอยากในช่วงฤดูหนาวก็ไม่เคยตัดเสบียงอาหารของพวกเจ้าสักมื้อ บัดนี้แม่ทัพที่ดุดันของต้าเยี่ยนที่เอาชนะเป่ยหรงได้มีเพียงเจ้า เซี่ยสวินเพียงคนเดียว ทว่า เจ้ากลับละทิ้งทุกสิ่งแล้วมาหลบกล่าวโทษตัวเองอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ”
เซี่ยสวินหมอบร่างที่ผอมซูบของตัวเองลงบนพื้น น้ำตาไหลอาบใบหน้า
เซี่ยสวินรู้ดีว่าต้าเยี่ยนเดินทางมาอย่างยากลำบาก ตอนนั้น เขายังเด็กมีใจอยากทำเพื่อบ้านเมือง ทว่า กลัวฮ่องเต้ไม่เห็นด้วย ท่านอ๋องเก้าจึงพาเขาไปคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้
หลายปีมานี้เขาตั้งใจฝึกฝนกองกำลังอย่างแน่วแน่เพราะฮ่องเต้และท่านอ๋องเก้าพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรวบรวมเสบียงให้เขา ให้เขาฝึกฝนทหารโดยไม่มีเรื่องต้องกังวล
“ตอนที่ต้าเยี่ยนถูกส่งมอบมาให้คนรุ่นเรา ต้าเยี่ยนเป็นเพียงแคว้นที่ย่อยยับ เป็นเพราะทุกคนในแคว้นต้าเยี่ยนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว สร้างเนื้อสร้างตัวมาอย่างยากลำบากจึงเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาก็จะจบสิ้นทันที บัดนี้ต้าเยี่ยนยังคงยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่เต็มไปด้วยอันตราย!” เซียวหรงเหยี่ยนจับขอบโต๊ะแปดเหลี่ยมลุกขึ้นยืน จากนั้นถอนหายใจยาวออกมา “เซี่ยสวิน ที่หมิงเฉิงทิ้งเจ้าไปแต่งงานเชื่อมไมตรีเป็นเพราะแคว้นต้าเยี่ยนของเรายังไม่แข็งแกร่งมากพอ หากเจ้ารักหมิงเฉิงจริงๆ ก็จงลุกขึ้นยืนหยิบดาบของเจ้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วกลับไปยังเป่ยหรงเสีย! เจ้าจงควบคุมเป่ยหรงเอาไว้ให้ได้ ทำให้เป่ยหรงไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานเชื่อมไมตรีขึ้นมาอีก!”
ริมฝีปากของเซี่ยสวินซีดเซียว เขาเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยน มองดูใบหน้าที่เย็นชาและสงบนิ่งของชายหนุ่ม จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “ท่านอ๋อง…”
เซียวหรงเหยี่ยนชี้นิ้วไปยังถุงหอมซึ่งวางอยู่บนโต๊ะแปดเหลี่ยมที่องค์หญิงหมิงเฉิงมอบให้เซี่ยสวิน ดวงตาคมกริบจ้องไปทางเซี่ยสวิน “เมื่อแคว้นต้าเยี่ยนของเรากลายเป็นใหญ่ รวบรวมทุกแคว้นเป็นหนึ่ง วันนั้นสตรีของต้าเยี่ยนจะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปแต่งงานเชื่อมไมตรีเพื่อความสงบสุขของแคว้นอีก!”