สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 631 เข้าวังทันที
ตอนที่ 631 เข้าวังทันที
ทว่า…เสียงตะโกนว่าจะสังหารนางให้ได้ของเหล่าทหารที่ติดตามมาด้วยเต็มไปด้วยสำเนียงของเมืองหนานตู
บัดนี้ทหารหนานตูที่ปลอมตัวเป็นคนของซิ่นอ๋องมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทิศตะวันออก พวกเขาย่อมเผชิญหน้ากับคนขององค์รัชทายาทอย่างแน่นอน บางทีอาจเกิดการปะทะกันขึ้นหรือไม่นางอาจต้องวางแผนให้พวกเขาปะทะกัน ทางที่ดีควรจับเป็นได้สักสองสามคน เมื่อเสียนอ๋องรับรู้เรื่องนี้ เขาจะได้อยู่ไม่เป็นสุข
ไม่ไกลออกไป ทหารคนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาใกล้ไป๋ชิงเหยียน เขากระโดดลงจากหลังม้าโดยไม่รอให้ม้าหยุดสนิท “คุณหนูใหญ่ ประตูเมืองทิศตะวันออกปะทะกันแล้วขอรับ แม่ทัพที่พาคนบุกมาที่จวนของเราสังหารลูกน้องของตัวเอง ดูเหมือนเขาไม่ต้องการให้คนของเขาถูกจับเป็นขอรับ ต่อมาพวกเขาหลบหนีไปได้ ข้าลอบตามไปจนเห็นว่าเขาพาเหล่าทหารกลับไปยังซอยหลิ่วไหวซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น ดูเหมือนนางไม่จำเป็นต้องวางแผนให้พวกเขาปะกันแล้ว บัดนี้ผู้ใดเป็นห่วงความเคลื่อนไหวในเมืองหลวงมากที่สุดกัน ย่อมคือเสียนอ๋องและเหลียงอ๋องที่รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เป็นคนสุดท้ายแน่นอน ประตูทิศตะวันออกเกิดการปะทะกันรุนแรงเช่นนี้ เสียนอ๋องไม่มีทางไม่รู้ เขาต้องส่งคนมาสืบดูว่ามีทหารถูกจับเป็นได้หรือไม่แน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าไปสังเกตการณ์ซอยหลิ่วไหวไว้ หากมีคนออกมาสืบข่าว เจ้าจงหาวิธีปล่อยข่าวว่ามีคนถูกจับเป็นให้พวกเขาได้รับรู้ กล่าวว่าทหารที่ถูกจับเป็นได้สารภาพว่าตนคือทหารของกองทัพหนานตู พวกเขาถูกสั่งให้ปลอมตัวเป็นคนของซิ่นอ๋อง มาเมืองหลวงเพื่อสนับสนุนให้เหลียงอ๋อง บุตรเขยของเสียนอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ เมื่อปล่อยข่าวเสร็จแล้วจงรีบกลับมายังประตูเมืองทิศตะวันออกโดยเร็วที่สุด”
องครักษ์ไป๋ที่มารายงานรับคำแล้วจากไปทันที
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางองครักษ์ไป๋อีกคน “เจ้าไปจับตาดูจวนของเสียนอ๋องไว้ หากมีคนจากจวนออกมาสืบข่าว ให้ปล่อยข่าวว่าทหารที่เราจับเป็นได้สารภาพว่าเขาคือคนของกองทัพหนานตูให้เสียนอ๋องรับรู้เช่นเดียวกัน เมื่อปล่อยข่าวเสร็จแล้วจงลอบจับตาดูจวนเสียนอ๋องเอาไว้ หากพวกเขามีความเคลื่อนไหวใดๆ รีบกลับไปยังประตูเมืองทิศตะวันออกทันที”
“ขอรับ!” องครักษ์ไป๋รับคำแล้วจากไป
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามององครักษ์อีกแปดนายที่เหลืออยู่ กล่าวขึ้น “พวกเจ้าแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มกระจายตัวกันไปสังเกตการณ์ที่ประตูวังหลวงทั้งสี่ทิศ หากเสียนอ๋องนำทัพบุกเข้าไปในวังหลวงเมื่อใด จงรีบมารายงานให้ข้าทราบทันที”
บรรดาองครักษ์ไป๋มองหน้ากันไปมา หนึ่งในนั้นก้าวไปด้านหน้า “หากพวกเราไปกันหมด ผู้ใดจะคุ้มครองคุณหนูใหญ่ขอรับ สังเกตการณ์วังหลวงใช้คนเพียงคนเดียวก็พอขอรับ!”
“มีองครักษ์ลับของเซียวเซียนเซิงอยู่ พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ก่อนที่พวกข้าจะออกมาคุ้มครองคุณหนูใหญ่ ใต้เท้าหลูกำชับแน่นหนาว่าต่อให้ตายก็ต้องคุ้มครองคุณหนูใหญ่ให้ปลอดภัย พวกข้าไม่กล้าฝากชีวิตของคุณหนูใหญ่ไว้ที่มือของผู้อื่น พวกข้าต้องติดตามคุ้มกันคุณหนูใหญ่ไม่ห่างกายขอรับ!”
บรรดาองครักษ์ไป๋ต่างคุกเข่าอ้อนวอนขออยู่คุ้มกันข้างกายไป๋ชิงเหยียน
“คุณหนูใหญ่ได้โปรดเชื่อใจพวกข้าเถิดขอรับ พวกข้าเคยเป็นคนของกองทัพไป๋ดังนั้นใต้เท้าหลูจึงเลือกพวกข้ามาคุ้มครองคุณหนูใหญ่ พวกข้าผ่านสนามรบมามาก ต่อให้ต้องตายก็จะนำข่าวจากวังหลวงไปรายงานที่ประตูเมืองทิศตะวันออกให้ได้ขอรับ ทว่า ข้างกายของคุณหนูใหญ่จะขาดคนคุ้มกันไม่ได้ขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่ากองทัพไป๋จงรักภักดี แม้ตายก็ไม่มีวันเสื่อมคลาย!
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ประคองบรรดาองครักษ์ไป๋ให้ลุกขึ้น “ตกลง พวกเจ้าสี่คนไปสังเกตการณ์วังหลวง อีกสี่คนที่เหลือตามข้าไปยังประตูเมืองทิศตะวันออก”
องครักษ์สี่นายของตระกูลไป๋รับคำแล้วจากไปทันที
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้าประตูจวนองค์รัชทายาทที่ไร้ซึ่งผู้คน หญิงสาวหันกลับไปมองจวนองค์รัชทายาทแวบหนึ่ง จากนั้นก้าวขึ้นหลังม้า มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทิศตะวันออกอย่างไม่รีบร้อน
เสียนอ๋องอยากเป็นนกขมิ้น เขาจะปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้อย่างไรว่านกขมิ้นอย่างเขารออยู่ทางด้านหลัง ขอเพียงปล่อยข่าวให้รู้ไปถึงหูของเสียนอ๋อง เสียนอ๋องต้องเรียกรวมพลทหารก่อนเวลาเพราะกลัวว่ากองทัพหนานตูที่อยู่ในซอยหลิ่วไหวจะถูกล้อมจับแน่นอน
เมื่อรวมพลทหาร เป้าหมายจะใหญ่ขึ้นทันที
เสียนอ๋องรู้ดีว่าหากรอช้าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เขาทำได้เพียงเลือกกลยุทธ์ที่เสี่ยงอันตราย เขาและเหลียงอ๋องจะนำทัพไปล้อมวังหลวงเอาไว้โดยอ้างว่าทำเพื่อช่วยฮ่องเต้และองค์รัชทายาท ร่วมมือกับหน่วยตรวจเมืองจัดการกับกองกำลังรักษาพระองค์ก่อน จากนั้นค่อยหันดาบใส่องค์รัชทายาท
ไม่ว่าอย่างไรหากข่าวรู้ถึงหูของเสียนอ๋องเท่ากับเป็นการบีบให้เสียนอ๋องลงมือ เช่นนี้กองทัพสองหมื่นนายของค่ายผิงอันจะสามารถเข้ามารอคำสั่งในเมืองหลวง รอเป็นงูหลามขาวกำจัดนกขมิ้นภายหลัง
เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ ตอนที่แม่ทัพเสี่ยวหวังซึ่งได้รับบาดเจ็บกลับไปถึงจวนเสียนอ๋อง เสียนอ๋องรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ประตูเมืองทิศตะวันออกแล้ว อีกทั้งได้ข่าวว่าคนของซิ่นอ๋องที่เฝ้าอยู่ที่ประตูเมืองทิศตะวันออกจับเป็นทหารหนานตูและรู้เรื่องที่เขาจะผลักดันให้เหลียงอ๋องซึ่งเป็นบุตรเขยของเขาขึ้นครองบัลลังก์แล้ว
เหลียงอ๋องยืนอยู่ข้างกายเสียนอ๋องด้วยท่าทีหวาดหวั่น “เสด็จพ่อตา เสด็จพี่ซิ่นอ๋องรับรู้เรื่องนี้แล้ว พวกเราล้มเลิกแผนการดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เสียนอ๋องขบกรามแน่น จ้องเขม็งไปยังแม่ทัพเสี่ยวหวังที่กุมบาดแผลของตัวเองด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด หากไม่ใช่เพราะบิดาของคนโง่เง่าผู้นี้คือแม่ทัพที่ดุดันของเขา อีกทั้งกลัวว่าทหารจะเสียกำลังใจในช่วงสงครามเช่นนี้ เขาคงสั่งให้คนลากแม่ทัพเสี่ยวหวังไปตัดศีรษะแล้ว!
“แม้นี่จะคือคำสั่งของจวิ้นจู่ ทว่า เจ้าทำลายแผนการของข้าและเหลียงอ๋อง!” เสียนอ๋องกล่าวด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “หากครั้งนี้ได้รับชัยชนะก็แล้วไป หากไม่ เจ้าเตรียมล้างคอรอได้เลย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพเสี่ยวหวังรับคำ
“เสด็จพ่อตา พวกเขาล้วนรู้เรื่องนี้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาของเหลียงอ๋องไหววูบ ใบหน้าซีดเผือด
เสียนอ๋องมองดูท่าทีอ่อนแอของเหลียงอ๋องแล้วรู้สึกสบายใจมาก หากคนเช่นเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองบัลลังก์…เขาคงควบคุมได้ง่าย
เสียนอ๋องตบบ่าของเหลียงอ๋องเบาๆ “ต่อให้ซิ่นอ๋องรู้ก็มิเป็นอันใด ซิ่นอ๋องต้องคอยระวังทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันที่อยู่นอกเมือง ทั้งยังต้องรับมือกับหน่วยตรวจเมืองที่ติดตามองค์รัชทายาทเข้าไปในวังแล้ว เขาไม่มีเวลาสนใจพวกเราหรอก!”
เสียนอ๋องจับมือเหลียงอ๋อง จากนั้นหันไปทางบรรดาแม่ทัพหนานตูที่อยู่ในห้องโถง ตะโกนเสียงดังลั่น “ในเมื่อซิ่นอ๋องรู้เรื่องนี้แล้ว เช่นนั้นเหลียงอ๋องจะพาพวกเราบุกเข้าไปปราบปรามกบฏซิ่นอ๋องในวังหลวง ร่วมมือกับหน่วยตรวจเมืองกำจัดกองกำลังรักษาพระองค์ที่คิดกบฏจากภายนอกและภายในวัง!”
กล่าวจบ เสียนอ๋องบีบมือของเหลียงอ๋องแน่น หันไปทางเหลียงอ๋อง “เมื่อจัดการกับซิ่นอ๋องสำเร็จ พวกเราค่อยสังหารหน่วยตรวจเมืองโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว จากนั้นสังหารองค์รัชทายาทแล้วโยนความผิดให้ซิ่นอ๋อง เหลียงอ๋องแค่มาช่วยเหลือช้าไปก็เท่านั้น!”
ใจของเหลียงอ๋องเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ บัลลังก์อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น
“ข้า…ข้าเชื่อเสด็จพ่อตาพ่ะย่ะค่ะ” เหลียงอ๋องกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เรียกรวมพลทหารหนานตูที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด!” เสียนอ๋องกำดาบที่เอวแน่นพลางตะโกนลั่น “พวกเราจะบุกเข้าไปช่วยฝ่าบาทในวังเดี๋ยวนี้!”
บรรดาทหารที่ยืนอยู่ในห้องโถงกำหมัดรับคำอย่างฮึกเหิมราวกับกุมชัยชนะไว้ในมือแล้ว
ก่อนออกเดินทาง เสียนอ๋องกำชับให้องครักษ์ลับคุ้มกันจวนเสียนอ๋องไว้ให้ดี
เหลียงอ๋องซึ่งยืนอยู่ข้างกายเสียนอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวเข้าไปกล่าวกับเสียนอ๋องเสียงเบา “เสด็จพ่อตา เราควรส่งคนไปจับตัวฮูหยินสองและคุณหนูเจ็ดไป๋จากจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วเก่งกาจเรื่องการนำทัพ หากนางเกิดหนีออกจากเมืองไปนำทัพค่ายผิงอันสองหมื่นนายเข้ามาได้ราวกับติดปีกบินทั้งๆ ที่คนของซิ่นอ๋องคุ้มกันประตูเมืองทั้งสี่ทิศไว้แล้วจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”