สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 632 เสียงอาวุธ
ตอนที่ 632 เสียงอาวุธ
เหลียงอ๋องกล่าวแล้วพลันร้องไห้ออกมา เขาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาทิ้ง “เสด็จพ่อตา ข้ากลัวมากเลยพ่ะย่ะค่ะ! ช่างมันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ รั่วฟูตั้งท้องบุตรของข้า ข้าไม่อยากให้เด็กไม่มีพ่อตั้งแต่เกิด! เสด็จพ่อตา…”
เสียนอ๋องขบกรามแน่น อยากตะคอกให้เหลียงอ๋องหยุดร้องไห้ ทว่า เมื่อไตร่ตรองคำกล่าวของเหลียงอ๋องอย่างละเอียด เขากลับรู้สึกว่าเหลียงอ๋องกล่าวมีเหตุผล
แม้บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่มีกำลังทหารอยู่ในมือ ทว่า ผู้ใดจะรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนจะวางแผนออกไปนำทัพทหารค่ายผิงอันสองหมื่นนายเข้ามาในเมืองได้หรือไม่ สตรีผู้นี้เก่งกาจเรื่องการรบ เก่งเรื่องวางแผนเช่นเดียวกับไป๋เวยถิงและไป๋ฉีซาน เขาต้องป้องกันไว้ก่อน
เพื่อความไม่ประมาท…เขาควรจับตัวสตรีของตระกูลไป๋มาไว้ในกำมือของตัวเอง
เสียนอ๋องคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นตัดสินใจส่งทหารห้าร้อยนายไปจับตัวสตรีของตระกูลไป๋ที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
เหลียงอ๋องได้ยินเช่นนี้จึงก้มหน้าต่ำลง ถอยไปยืนอยู่ในมุมลับตาคน แววตาของเขาราวกับอสรพิษที่กำลังจ้องเหยื่อของตัวเองอยู่ในมุมมืดที่มองไม่เห็นแสงสว่าง
ถนนและหลังคาของพ่อค้าและชาวบ้านบริเวณประตูเมืองทิศตะวันออกเต็มไปด้วยลูกธนู บนพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยศพที่จมอยู่ในกองเลือดซึ่งยังไม่มีเวลาเก็บกวาด เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันครั้งนี้รุนแรงเพียงใด
เมื่อแม่ทัพคุ้มกันประตูเมืองทิศตะวันออกเห็นคนมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออกจึงรีบเตรียมตั้งรับ สั่งให้พลธนูเล็งธนูไปทางไป๋ชิงเหยียน
เมื่อเห็นชัดว่าผู้ที่มาเยือนคือไป๋ชิงเหยียน แม่ทัพคุ้มกันเมืองรีบวิ่งลงมาจากกำแพง ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คาราวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”
รัชทายาทและฟางเหล่าสั่งให้เขาลอบมาสังหารคนของซิ่นอ๋องอย่างเงียบเชียบและควบคุมประตูเมืองทิศตะวันออกไว้ให้ได้ ไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้าออกเด็ดขาด นอกจากองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เห็นได้ชัดว่ารัชทายาทเชื่อใจองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาก
“เมื่อครู่จับเป็นทหารฝ่ายนั้นได้บ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าสูงเอ่ยถามเสียงขรึม
“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว จับได้ยี่สิบหกคนพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพคุ้มกันเมืองตอบ
ไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้า ยื่นแส้สีดำในมือส่งให้องครักษ์ไป๋ จากนั้นก้าวขึ้นไปบนกำแพงเมือง “สอบสวนแล้วหรือไม่”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ…” แม่ทัพคุ้มกันเมืองเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นรีบเดินตามไปทันที “องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่รีบเสด็จออกจากเมืองไปพาทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันเข้ามาช่วยองค์รัชทายาทหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เสียนอ๋องยังไม่เคลื่อนไหว ไป๋ชิงเหยียนจึงยังไม่รีบร้อน
“พาคนขึ้นมา ข้ามีเรื่องอยากสอบสวน” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองแม่ทัพคุ้มกันเมือง “ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์รัชทายาทมากกว่าเจ้า!”
แม่ทัพคุ้มกันประตูเมืองไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก รีบรับคำสั่งให้คนไปนำตัวทหารทั้งยี่สิบหกคนมา
บนกำแพง ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางค่ายพักแรมทหารผิงอันนอกเมืองครู่หนึ่ง จากนั้นหญิงสาวได้ยินเสียงทหารนำตัวทหารหนานตูขึ้นมาบนกำแพง
เหล่าทหารหนานตูถูกกุมตัวเดินขึ้นมาบนกำแพง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่วันนี้ยิงธนูโดนไหปลาร้าของแม่ทัพเสี่ยวหวังด้วยธนูเพียงนอกเดียว ประกอบกับนึกถึงชื่อเสียงเทพสังหารของหญิงสาว เหล่าทหารหนานตูก็ยิ่งเข่าอ่อน
ไป๋ชิงเหยียนมองดูทหารหนานตูที่ถูกจับคุกเข่าอยู่บนพื้นนิ่ง จากนั้นเอ่ยถาม “พวกเจ้าคือทหารกองทัพหนานตูใช่หรือไม่”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างประหลาดใจ ทว่า เขากลับเห็นใบหน้าสงบเยือกเย็นของไป๋ชิงเหยียน เขาจึงกำดาบที่เอวแน่น
บรรดาทหารเหล่านั้นไม่ยอมเอ่ยตอบ ไป๋ชิงเหยียนหันไปมององครักษ์ไป๋ของตัวเอง องครักษ์ไป๋พยักหน้า ชักดาบออกมา จากนั้นฟันไปที่ศีรษะของทหารคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว เลือดสดกระจายทั่วบริเวณ ศีรษะของทหารหนานตูคนหนึ่งร่วงลงบนพื้น
เมื่อทหารหนานตูคนที่เหลือเห็นศีรษะที่หล่นอยู่เบื้องหน้าต่างก็พากันร้องด้วยความตกใจและสิ้นหวัง ใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดวงตายังคงเบิกโพลงอยู่อย่างนั้น
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนสงบนิ่งตามเดิม กล่าวขึ้นช้าๆ “ข้าจะถามอีกครั้ง พวกเจ้าคือกองทัพหนานตูหรือคนของซิ่นอ๋อง”
“กองทัพหนานตู! พวกเราคือทหารกองทัพหนานตูพ่ะย่ะค่ะ!” ทหารหนานตูคนหนึ่งตะโกนลั่น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
เมื่อมีคนหนึ่งยอมเอ่ยปาก คนที่เหลือต่างสารภาพสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือก
“พวกเราได้รับคำสั่งให้ปลอมตัวเข้ามาในเมืองหลวง จากนั้นหลบซ่อนตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ในเมืองหลวง พวกข้าซ่อนตัวอยู่ในซอยทางตะวันตกของเมืองหลวง ทว่า พวกข้าไม่รู้ว่าซอยนั้นเรียกว่าซอยอันใด!”
“ข้ารู้ ข้ารู้! ซอยนั้นเรียกว่าซอยหลิ่วไหว พวกเราคือลูกน้องในสังกัดของแม่ทัพหวังเจียงไห่…”
ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ “กองทัพหนานตูของพวกเจ้ามากันทั้งหมดกี่คน”
“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว กองทัพหนานตูมาทั้งกองทัพพ่ะย่ะค่ะ”
“เสียนอ๋องต้องการกบฏอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หวังจะได้ยินคำตอบจากทหารเหล่านี้ นางแค่จงใจกล่าวให้แม่ทัพคุ้มกันเมืองได้ยินเท่านั้นเอง
“พวกเราไม่ทราบว่าเสียนอ๋องทรงต้องการทำสิ่งใด พวกเราเข้ามาในเมืองนานแล้ว ทว่า ถูกกักตัวอยู่ในซอย ห้ามออกไปเพ่นพ่านด้านนอก ทุกคนเลยได้แต่คาดเดาไปต่างต่างนานา แม่ทัพของพวกเราเดาว่าเสียนอ๋องอาจถือโอกาสลงมือในวันแต่งงานของเหลียงอ๋อง ผลักดันให้เหลียงอ๋องได้ขึ้นครองบัลลังก์พ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ในทันที เสียนอ๋องต้องการให้รัชทายาทและซิ่นอ๋องพ่ายแพ้ยับเยินทั้งสองฝ่ายก่อน จากนั้นค่อยฉวยโอกาสในภายหลัง!
ไป๋ชิงเหยียนมองดูทหารหนานตูที่มีสีหน้าหวั่นวิตก จากนั้นกล่าวขึ้น “เอาตัวไป!”
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเสียงร้องขอชีวิตของทหารหนานตูเลือนหายไปไกล ไป๋ชิงเหยียนจึงมองไปทางแม่ทัพคุ้มกันเมือง
“เช่นนี้แม่ทัพยังคิดว่าข้าควรรีบออกไปนำกองทัพผิงอันเข้ามาในเมืองอีกหรือ หากนำพวกเขาเข้ามาในเมืองตอนนี้ พวกเราต้องถูกกองทัพหนานตูล้อมไว้แน่นอน”
“ทว่า เราจะไม่สนใจองค์รัชทายาทไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพคุ้มกันเมืองร้อนใจเป็นอย่างมาก
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ตัดสินใจหางานให้แม่ทัพผู้นี้ทำ “องค์รัชทายาทพาหน่วยตรวจเมืองเข้าไปในวังหลวงแล้ว เจ้าจงส่งคนไปสังเกตการณ์ที่ประตูทุกทิศของวังหลวงและจวนเสียนอ๋องไว้ หากมีความเคลื่อนไหวให้รีบกลับมารายงานทันที!”
“ทว่า คำสั่งที่กระหม่อมได้รับคือ…”
สายตาคมกริบของไป๋ชิงเหยียนกวาดมองไปทางแม่ทัพคุ้มกันเมือง กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “หากเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถออกไปนำทัพค่ายผิงอันเข้ามาแทนข้าได้ก็ออกไปนำทัพเข้ามาเองได้เลย!”
“กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพรีบกำหมัดคาราวะด้วยความหวาดหวั่น “เพียงแต่กระหม่อมได้รับคำสั่งให้ทูลให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วออกจากเมืองไปนำทัพค่ายผิงอันเข้ามาในเมืองจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปใกล้แม่ทัพคุ้มกันเมืองทีละก้าว นิ้วโป้งกดดาบที่เอวแน่น แววตาเฉียบขาด “คำของข้าคือคำประกาศิต! ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาแนะนำ กองทัพไป๋มีกฎระเบียบที่เข้มงวด หากเจ้าอยากลองดี ข้าพร้อมสนองเจ้า!”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองเงียบเสียงทันที เขาก้าวถอยหลังสองสามก้าว หันไปสั่งให้คนไปจับตาดูวังหลวงไว้ ทว่า ในใจลอบปาดเหงื่อแทนรัชทายาท
ตามหลักแล้ว เขาเป็นเพียงขุนนางคุ้มกันประตูที่ต้อยต่ำ แม้ผู้อื่นเรียกเขาว่าแม่ทัพ ทว่า เขาไม่มีสิทธิไปเถียงองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า รัชทายาทเคยช่วยชีวิตเขาและครอบครัวเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาต้องจงรักภักดีต่อรัชทายาท!
ไม่นาน องครักษ์ที่ไป๋ชิงเหยียนส่งไปปล่อยข่าวที่จวนเสียนอ๋องกลับมาที่ประตูเมืองทิศใต้เป็นคนแรก เขารายงานว่าเสียนอ๋องออกมาจากจวนแล้ว ดูเหมือนจะนำบรรดาแม่ทัพมุ่งหน้าไปยังประตูอู่เต๋อของวังหลวง
ต่อมาองครักษ์ไป๋ที่ไปปล่อยข่าวที่ซอยหลิ่วไหวก็กลับมารายงานว่ากองทัพหนานตูมีความเคลื่อนไหวแล้ว ดูเหมือนพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังประตูอู่เต๋อของวังหลวง
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ก้มหน้าครุ่นคิด