สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 651 โดนธนูยิง
ตอนที่ 651 โดนธนูยิง
“องค์ชายจะเสด็จตามไปดูหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋ลอบเอ่ยเตือน
องค์รัชทายาทจึงได้สติขึ้นมา เท้าที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกตะปูตอกเริ่มขยับ เขาพยักหน้า “รีบตามไปเร็ว ไปจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว!”
ขณะที่องค์รัชทายาทก้าวเท้าออกจากโรงสุรา เขาสะดุดธรณีประตูจนเกือบล้มลงบนพื้น โชคดีที่เฉวียนอวี๋ช่วยประคองไว้ได้ทัน “ระวังพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!”
“ม้า!” องค์รัชทายาทหยัดกายขึ้น กระชากตัวองครักษ์คนหนึ่งเข้ามาใกล้พลางตะโกนเสียงดัง “ถ่ายทอดคำสั่ง…!”
องค์รัชทายาทชะงักคำกล่าว เดิมทีเขาต้องการส่งคนไปตามหมอหลวงทั้งหมดในวังหลวงมารักษาไป๋ชิงเหยียนที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า เมื่อนึกได้ว่าหมอหลวงทั้งหมดในวังหลวงกำลังเฝ้าดูอาการของฮ่องเต้ที่กำลังประชวรอยู่ องค์รัชทายาทจึงกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงคอ
ต่อให้ตาย…เขาก็ไม่กล้าแย่งหมอหลวงกับเสด็จพ่อ!
หมอหงประจำจวนไป๋มีฝีมือเก่งกาจ อีกทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของหมอหลวงหวง เขาต้องรักษาไป๋ชิงเหยียนได้แน่นอน!
องค์รัชทายาทขบกรามแน่น ปล่อยคอเสื้อองครักษ์ออก ก้าวขึ้นบนหลังม้า ตะโกนเสียงดังลั่น “รีบส่งคนไปจับตัวหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูที่จวนเสียนอ๋องบัดนี้ หากผู้ใดขัดขืนให้สังหารได้ทันที หากหลิ่วรั่วฟูหนีไปได้จงสั่งให้จิงจ้าวอิ่นไปตามจับตัวมาให้เราให้ได้ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องจับตัวนางมาให้ได้ มิเช่นนั้นให้จิงจ้าวอิ่นถือศีรษะมาพบเรา!”
กล่าวจบ องค์รัชทายาทควบม้ามุ่งหน้าไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างรวดเร็ว
บางทีการได้ร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับผู้ใดสักคน แล้วคนผู้นั้นยินดีสละชีพของตนเองเพื่อปกป้องชีวิตของเรา เราจะเกิดความรู้สึกดีและเชื่อใจคนผู้นั้นมากขึ้นอย่างน่าประหลาด
นี่คือเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้เชื่อใจเสียนอ๋องมาก
เมื่อเผชิญเหตุการณ์การลอบสังหารบนถนนสายยาว อีกทั้งเห็นไป๋ชิงเหยียนเลือดท่วมตัว ชีวิตอยู่ในขั้นวิกฤต องค์รัชทายาทสาบานว่าหากไป๋ชิงเหยียนมีชีวิตรอด เขาจะไม่หวาดระแวงไป๋ชิงเหยียนอีกต่อไป!
ฟางเหล่าเคยร่วมเป็นร่วมตายมากับองค์รัชทายาท บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนใช้ชีวิตของตนเองเพื่อปกป้ององค์รัชทายาท
ในสมองขององค์รัชทายาทเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์หลังจากไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปหนานเจียง
ตลอดเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนสวามิภักดิ์ต่อเขา หญิงสาววางแผนทำเพื่อเขามาโดยตลอด หญิงสาวมีสติปัญญาที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น มีความสุขุมรอบคอบและรบไม่เคยแพ้…
คนเช่นนี้เมื่อจงรักภักดีต่อผู้ใดแล้วล้วนพร้อมสละชีวิตเพื่อคนผู้นั้น หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ องค์รัชทายาทไม่อยากสูญเสียบุคคลเช่นนี้ไป
ที่สำคัญมนุษย์ล้วนมีความรู้สึก ไม่ว่าอย่างไรไป๋ชิงเหยียนก็คือญาติผู้น้องขององค์รัชทายาท พวกเขามีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด ดังนั้น…องค์รัชทายาทไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนตาย
สีหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเคร่งเครียด แม้แผนการของไป๋ชิงเหยียนในครั้งนี้จะไม่ได้วู่วาม ทว่า หญิงสาวเอาความปลอดภัยของตัวเองเข้าไปเสี่ยง เซียวหรงเหยี่ยนจะไม่โมโห ไม่เป็นกังวลได้อย่างไรกัน
แม้จะเตรียมใจมาก่อนแล้ว ทว่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนถูกยิงที่หน้าอก เซียวหรงเหยี่ยนก็หวาดกลัวจนแทบทำตัวไม่ถูก
ก่อนหน้านี่เซียวหรงเหยี่ยนเคยคิดว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่อแคว้นต้าเยี่ยนเท่านั้น ไม่เคยคิดถึงเรื่องการมีครอบครัวเลยแม้แต่น้อย
ทว่า เมื่อเขาได้พบกับไป๋ชิงเหยียน ได้พบกับสตรีที่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับเขา ความหวาดระแวงและหยั่งเชิงในตอนแรกค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความชื่นชม สุดท้ายแล้วจึงกลายเป็นความรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีว่าชีวิตนี้เขาคงหาสตรีดังเช่นไป๋ชิงเหยียนไม่ได้อีกแล้ว
เขามอบใจดวงนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนไปทั้งดวงแล้ว หากไป๋ชิงเหยียนเป็นอันใดขึ้นมา…
เซียวหรงเหยี่ยนไม่สามารถปล่อยให้ไป๋ชิงเหยียนเป็นอันใดไปได้
ไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในอ้อมกอดของเซียวหรงเหยี่ยนยังมีสติอยู่เล็กน้อย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เคร่งเครียดของชายหนุ่ม มือกำเสื้อของชายหนุ่มแน่น “ข้ามิเป็นอันใด เราวางแผนกันไว้แล้ว ข้าชี้จุดให้พวกเขายิงเอง…”
เซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยโทสะและความกังวล เขาเม้มปากแน่น ไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
เลือดสดของไป๋ชิงเหยียนยังไหลซึมออกมาเรื่อยๆ ร่างของเซียวหรงเหยี่ยนสั่นเทาด้วยความร้อนรน
มีคนกล่าวไว้ว่าคำกล่าวของคนใกล้ตายคือความจริง ไป๋ชิงเหยียนอยากให้องค์รัชทายาทส่งไป๋จิ่นจื้อไปควบคุมค่ายผิงอันโดยไร้ซึ่งความหวาดระแวง ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงถือโอกาสนี้บอกให้องค์รัชทายาทจัดการเรื่องของไป๋จิ่นจื้อและฝูรั่วซี
เยว่สือกลับไปที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วก่อน เขาตะโกนบอกว่าคุณหนูใหญ่ไป๋ถูกธนูยิง จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ววุ่นวายขึ้นทันที
หลูผิงพาองครักษ์ตระกูลไป๋ไปยืนรออยู่หน้าจวน เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนกอดร่างของไป๋ชิงเหยียนขี่ม้ากลับมา เขารีบเดินลงบันได ตะโกนลั่นด้วยสีหน้าซีดเผือด “คุณหนูใหญ่!”
เซียวหรงเหยี่ยนกุมบังเหียนม้าด้วยมือข้างเดียว จากนั้นอุ้มไป๋ชิงเหยียนลงมาจากหลังม้า มุ่งหน้าเข้าไปในจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างรวดเร็ว “หมอหงอยู่ที่ใด”
“ส่งคนไปตามแล้วขอรับ” หลูผิงอยากรับร่างของไป๋ชิงเหยียนมาจากเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนเบี่ยงกายหลบ จากนั้นเดินตรงเข้าไปในจวนด้านในทันที
“ไม่ต้องเปลี่ยนมือ องครักษ์หลูผิงรีบนำทางไปเถิด เร็วเข้า!”
องครักษ์ไป๋ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บจึงรีบวิ่งเข้าไปในเรือนของหมอหง เมื่อพบหน้าหมอหง คนหนึ่งรีบแบกเขาขึ้นหลัง องครักษ์อีกคนรีบถือกล่องยาของหมอหงวิ่งตามออกไปทันที
หมอหงเตรียมเขกศีรษะขององครักษ์ที่แบกเขาขึ้นหลังก็ได้ยินองครักษ์กล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ถูกธนูยิงขอรับ”
หมอหงตกตะลึง รีบใช้แขนสองข้างโอบคอขององครักษ์ จากนั้นกล่าวขึ้น “วิ่งเร็วอีก!”
องครักษ์หนุ่มแบกร่างของหมอหงวิ่งฝ่าสายฝนออกไปอย่างรวดเร็ว ศีรษะของหมอหงสั่นคลอนไปมาตามแรงเคลื่อนไหว
เมื่อถึงเรือนชิงฮุย เซียวหรงเหยี่ยนวางไป๋ชิงเหยียนลงบนเตียง
ธนูแทงทะลุอกทำให้ไป๋ชิงเหยียนนอนหงายไม่ได้ หญิงสาวได้แต่นอนตะแคง ทว่า บังเอิญกดทับลงบนแขนข้างที่ยกไม่ขึ้นของหญิงสาวพอดี ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น เจ็บปวดจนแทบหยุดหายใจ นางแยกไม่ออกแล้วว่าน้ำบนใบหน้าคือหยาดฝนหรือเม็ดเหงื่อของนางกันแน่
เมื่อชุนเถาเห็นร่างที่โชกไปด้วยเลือดของไป๋ชิงเหยียนก็ตกใจจนเข่าอ่อนคุกเข่าลงข้างเตียง ร้องไห้ออกมาทันที “คุณหนูใหญ่!”
ชุนเถานึกถึงภาพเหตุการณ์ในปีที่ไป๋ชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บหนัก ถูกแบกกลับมาในจวน ท่านหมอหงกล่าวว่าคุณหนูใหญ่อาจจะไม่รอด ชุนเถาปิดปากร้องไห้ออกมาทันที
“เรื่องนี้…ห้ามบอกให้ท่านย่าทราบเด็ดขาด!” ไป๋ชิงเหยียนสั่งเสียงแหบพร่า
หมอหงที่ร่างเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนเดินเข้ามาด้านใน เขาผลักร่างของเยว่สือที่ยืนขวางอยู่หน้าเตียงออก จากนั้นนั่งลงบนเตียงเพื่อตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียน กล่าวอย่างรีบร้อน “ออกไปให้หมด ชุนเถาไปสั่งให้คนต้มน้ำร้อน ให้คนนำกรรไกรไปรนไฟแล้วเอามาให้ข้าด้วย เร็วเข้า!”
“เซียวเซียนเซิงไปรอด้านนอกเถิดขอรับ” หลูผิงเชิญเซียวหรงเหยี่ยนออกไปด้านนอก อย่างไรเสียที่นี่ก็คือห้องนอนของคุณหนูใหญ่ แม้เมื่อครู่เซียวหรงเหยี่ยนจะอุ้มไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในห้อง ทว่า หากเขาอยู่ด้านในต่อคงไม่เหมาะสมสักเท่าใด
“พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงใหญ่!…”
เสียงร้องไห้ของไป๋จิ่นเซ่อดังแว่วมาจากด้านนอก สาวน้อยพุ่งตัวเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว หลูหนิงฮว่าสะพายกล่องยาของตัวเองเดินตามหลังมาติดๆ ด้วยสีหน้าซีดเผือด
เมื่อเข้าไปในห้อง ไป๋จิ่นเซ่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินตามหลังหลูผิงออกมาจากด้านใน ชุดสีขาวของเซียวหรงเหยี่ยนเปื้อนไปด้วยเลือด สาวน้อยขาอ่อนจนแทบล้มลงไปกองกับพื้น ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาเบิกโพลง จากนั้นวิ่งเข้าไปด้านในฉากกั้น คุกเข่าลงข้างเตียงของไป๋ชิงเหยียน กล่าวเสียงสะอื้น “พี่หญิงใหญ่!”
หลูหนิงฮว่าเดินตามเข้าไปเช่นเดียวกัน หญิงสาวสอบถามหมอหงว่ามีสิ่งใดให้นางช่วยเหลือหรือไม่
เซียวหรงเหยี่ยนหันกลับไปมองฉากกั้น เขาได้ยินเสียงอ่อนโยนของไป๋ชิงเหยียนเอ่ยปลอบไป๋จิ่นเซ่อ ชายหนุ่มกัดฟันเดินออกมาจากห้องนอนของหญิงสาว เมื่อปิดม่านลงก็เห็นฮูหยินสองหลิวซื่อเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน