สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 666 ดาบล้ำค่าในฝัก
ตอนที่ 666 ดาบล้ำค่าในฝัก
เขาใช้ข้อนี้หลอกให้ไป๋ชิงเหยียนมาหาเขา เขาจึงจะมีโอกาสของร้องหญิงสาว
เขาพนันว่านตระกูลไป๋ล้วนยึดมั่นในคำสัญญา
ผ่านไปครู่ใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามขึ้น “บุตรชายของเจ้านามว่าอันใด”
หวังเจียงไห่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้ทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนรับปากเขาแล้ว เขารีบก้มศีรษะแนบพื้น
“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว บุตรของกระหม่อมมีนามว่าหวังชิวลู่พ่ะย่ะค่ะ ชิวลู่ยังไม่รีบคาราวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีก นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าคือคนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว เจ้าต้องจงรักภักดีต่อองค์หญิงไปตลอดชีวิต!”
หวังชิวลู่ยืดคอตรง ไม่ยอมก้มศีรษะให้
หวังเจียงไห่เห็นดังนี้จึงกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะเปลี่ยนใจ เขาขบกรามแน่น ตบหน้าหวังชิวลู่ฉาดใหญ่จนตัวเองไอออกมา
“ท่านพ่อ…!” หวังชิวลู่ไม่สนใจความแสบร้อนบนใบหน้า รีบเข้าไปประคองบิดาของตัวเองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“หากเจ้าต้องการให้ดวงวิญญาณของพ่อไม่สงบสุขหลังจากที่ตายไป หากเจ้าต้องการให้ท่านแม่ ท่านย่าของเจ้านอนตายตาไม่หลับ เจ้าก็ดื้อดึงต่อไปเช่นนี้! ตายไปพร้อมพวกข้าเช่นนี้ก็แล้วกัน!” หวังเจียงไห่บีบแขนของหวังชิวลู่แน่น ประโยคสุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นอ้อนวอน “ลูกชาย! การตายคือเรื่องง่ายดาย การมีชีวิตอยู่ต่อต่างหากคือเรื่องยาก หลิ่วรั่วฟูไม่เคยมีเจ้าอยู่ในหัวใจ เจ้าจะทำเพื่อนางโดยไม่สนใจแม้แต่ข้าและแม่ของเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าคือความหวังของพ่อกับแม่ คือความหวังของตระกูลหวังทั้งตระกูล เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสืบทอดทายาทให้ตระกูลหวัง! เช่นนี้เมื่อพ่อจากไปจะได้มีหน้าไปพบท่านปู่ ท่านย่าและท่านแม่ของเจ้าได้!”
ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วสูง หลิ่วรั่วฟูอย่างนั้นหรือ!
หลูผิงจับสังเกตได้เช่นเดียวกัน เขาหันไปมองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น
“วันนี้หลี่หมิงรุ่ยบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีหลี่เม่าวางแผนให้จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วและจวนองค์รัชทายาทพบที่ซ่อนตัวของหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูที่ซอยจิ่วชวนเพราะต้องการสวามิภักดิ์กับองค์รัชทายาท หลิ่วรั่วฟูถูกจับตัวแล้ว ตอนพวกข้าไปถึง เด็กในท้องของหลิ่วรั่วฟูไม่อยู่แล้ว ครั้งนี้หลิ่วรั่วฟูคงหนีไม่รอด”
หวังเจียงไห่และหวังชิงลู่รู้เรื่องที่หนานตูจวิ้นจู่ถูกจับตัวแล้ว อีกทั้งรู้ว่าเมื่อหนานตูจวิ้นจู่แท้ง นางคงไม่อาจมีชีวิตรอดได้อีก ดังนั้นหวังชิวลู่จึงตรอมใจพร้อมตายไปพร้อมกับบิดาของตน
ทว่า บัดนี้บิดากล่าวข่มขู่เขาอย่างรุนแรง
ไป๋ชิงเหยียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่ใหญ่ ทว่า นางไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูสองพ่อลูกแสดงความกตัญญูต่อกัน
หญิงสาวกำป้ายหยกแน่น จากนั้นกล่าวกับหวังเจียงไห่ “เช่นนี้ข้าคงช่วยเหลือไม่ได้”
กล่าวจบ หญิงสาวสวมหมวดตามเดิม จากนั้นหันไปกล่าวกับหลูผิง “พวกเรากลับกันเถิด”
ท่านอาสี่คงติดหนี้บุญคุณหวังเจียงไห่จริง ทว่า หากผู้อื่นไม่รับน้ำใจ ไป๋ชิงเหยียนก็ไม่จำเป็นต้องตอบแทน
หวังเจียงไห่ไออกมาอย่างรุนแรง ก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้ง “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดช่วยชีวิตบุตรชายของกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดช่วยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
หวังชิวลู่หลับตาลง ตามมาด้วยเสียงเข่ากระทบลงบนพื้น ชายหนุ่มคุกเข่าลงบนพื้น ก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา “หวังชิวลู่คาราวะเจ้านาย! ชีวิตนี้ขอสาบานว่าจะรับใช้เจ้านายอย่างจงรักภักดีไปตลอดชีวิต หากผิดคำสาบาน ขอให้ดวงวิญญาณของท่านพ่อและท่านแม่ไม่สงบสุข วิญญาณของตระกูลหวังไม่ได้กลับมาเกิดอีกพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนหยุดฝีเท้าลง มองไปทางหวังชิวลู่ด้วยแววตาเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะให้หลี่หมิงรุ่ย บุตรชายของอัครมหาเสนาบดีหลี่เม่าช่วยเจ้าออกไป เจ้าจงตามไปอยู่กับเขา ทว่า จงจำไว้ให้ดีว่าผู้ใดคือเจ้านายของเจ้า หากเจ้าจำได้ว่าผู้ใดคือเจ้านายของเจ้า เจ้าต้องทำงานรับใช้ผู้ใด เจ้าถึงจะมีชีวิตรอดต่อไป เข้าใจหรือไม่”
หวังชิวลู่ขบกรามแน่น พยักหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่ราวกับโดนเหยียดหยาม “เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหวังชิวลู่นิ่งแวบหนึ่ง หวังว่าเขาจะเข้าใจจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนเกาะแขนของหลูผิงเดินออกไปด้านนอก หญิงสาวได้ยินเสียงฝีเท้าดังวุ่นวายมาจากประตูหลัก จากนั้นได้ยินเสียงเรียก ‘องค์รัชทายาท’ ดังแว่วเข้ามา ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้านิ่ง เอื้อมมือกุมหน้าอกของตัวเอง ค่อยๆ เดินตัวงอออกไปด้านนอก
องค์รัชทายาทรีบบุกเข้ามาด้านใน เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนชุดเสื้อคลุมกันลมสีดำกำลังเดินเกาะแขนของหลูผิงออกมาจากด้านใน
ไป๋จิ่นจื้อรีบวิ่งนำหน้าองค์รัชทายาทเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียนโดยลืมคำนึงถึงมารยาท “พี่หญิงใหญ่! พี่หญิงใหญ่!”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นสบตากับไป๋จิ่นจื้อที่น้ำตาคลอ จากนั้นส่ายหน้าน้อยๆ “หวังเจียงไห่กล่าวว่าท่านอาสี่มอบป้ายหยกให้เขาเพื่อตอบแทนที่เขาเคยช่วยชีวิตท่านอาสี่ไว้ในสงครามเป่ยเจียงเมื่อนานมาแล้ว เขาจงใจส่งป้ายหยกไป๋ที่จวนไป๋เพียงอย่างเดียว เมื่อพี่มาถึงที่นี่เขาจึงยอมบอกว่าเขาต้องการให้พี่ช่วยชีวิตบุตรชายของเขาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยชีวิตท่านอาสี่ไว้เท่านั้น เขาไม่มีข่าวของท่านอาสี่”
ไป๋จิ่นจื้อน้ำตาคลอ
บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดน่าผิดหวังเท่ากับการให้ความหวังผู้อื่นแล้วต้องผิดหวังลงอีกครั้งแล้ว
ตอนที่ไป๋จิ่นจื้อได้ยินชุนเถาบอกว่าไป๋ชิงเหยียนได้รับป้ายหยกของท่านอาสี่ นางยังคิดว่าท่านอาสี่อาจถูกเสียนอ๋องหรือกองทัพหนานตูจับตัวไปเป็นตัวประกันเพื่อแลกเปลี่ยนชีวิตเขากับท่านอาสี่เสียอีก
ไป๋ชิงเหยียนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก มองไปทางองค์รัชทายาทพลางถอดหมวกของตัวเองออก จากนั้นทำความเคารพองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทรีบเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียน กล่าวสั่งสอนราวกับญาติผู้ใหญ่ “เจ้ากับเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันถึงเพียงนี้ จิ่นจื้อไปหาเรา เราจึงรีบมาทันที! เราเข้าใจว่าเมื่อเจ้าได้รับข่าวของท่านชายสี่แห่งตระกูลไป๋ เจ้าจึงทนไม่ไหว ทว่า เจ้าต้องคำนึงถึงร่างกายของตัวเองด้วย!”
ไม่ได้เจอกันหลายวัน องค์รัชทายาทไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะซูบผอมลงถึงเพียงนี้ ใบหน้าของหญิงสาวขาวซีดไร้สีเลือด เหนื่อยหอบตลอดเวลาที่สนทนา หญิงสาวตัวงอเพราะปวดท้องอย่างรุนแร ราวกับคนที่ป่วยมานานและใกล้จะไม่รอดแล้ว
“องค์ชายตรัสถูกแล้วเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ากลั้นน้ำตา
“เราสั่งเจ้ากลับจวน” องค์รัชทายาทสั่งไป๋จิ่นจื้อ “ประคองพี่หญิงใหญ่ของเจ้าให้ดี”
สิ้นเสียงขององค์รัชทายาท เสียงตะโกนร้องไห้ของหวังชิวลู่ดังออกมาจากห้องขังด้านใน
“ท่านพ่อ! ท่านพ่อเป็นอันใดไปขอรับ ผู้ใดก็ได้มาช่วยที!”
หวังเจียงไห่ได้สมใจหวังแล้ว เขาได้รับคำมั่นจากไป๋ชิงเหยียนแล้วจึงไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวลอีก เขาทำเพียงกำชับให้หวังชิวลู่จำคำของไป๋ชิงเหยียนไว้ให้ดี หญิงสาวกล่าวแฝงความนัยเอาไว้ จากนั้นกำชับไม่ให้หวัวชิวลู่ดูถูกไป๋ชิงเหยียน บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเพียงดาบล้ำค่าที่อยู่ในฝัก หญิงสาวซ่อนคมดาบของตัวเองเอาไว้ วันหนึ่งหญิงสาวต้องเผยความสามารถของตัวเองออกมาแน่นอน!
เขากำชับให้บุตรชายมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี จากนั้นสิ้นลมหายใจลงทันที
องค์รัชทายาทกวาดสายตามองไปด้านในแวบหนึ่ง จากนั้นสั่งให้เฉวียนอวี๋และไป๋จิ่นจื้อประคองไป๋ชิงเหยียนออกไปจากคุก กลิ่นไม่พึงประสงค์ของคุกที่นี่แรงมากเกินไป องค์รัชทายาทไม่คุ้นเคยกับมัน
เมื่อออกมาจากคุก องค์รัชทายาทส่งไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังจวนไป๋ด้วยตัวเอง ฮูหยินสองและองค์หญิงใหญ่จึงรับรู้เรื่องนี้
องค์หญิงใหญ่ออกมาต้อนรับองค์รัชทายาทด้วยตัวเอง นางกล่าวขอบคุณองค์รัชทายาท จากนั้นสั่งให้คนใช้เกี้ยวแบกร่างของไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังเรือนชิงฮุย สั่งให้ฮูหยินสองส่งคนไปตามหมอหงมาดูอาการของไป๋ชิงเหยียน
องค์รัชทายาทขมวดคิ้วมองตามร่างที่ถูกแบกจากไปของไป๋ชิงเหยียน เขากล่าวกับองค์หญิงใหญ่ “ก่อนหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วบอกว่าจะออกเดินทางกลับซั่วหยางในวันที่ยี่สิบห้า เดือนนี้ เราจึงคิดว่าอาการของนางดีขึ้นมากแล้ว ทว่า อาการของนางยังเป็นเช่นนี้ ออกเดินทางวันที่ยี่สิบห้าไม่รีบร้อนเกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”