สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 691 รบกวน
ตอนที่ 691 รบกวน
ต่งซื่อกอดแผนที่หนังแกะไว้แนบอก พยักหน้าอย่างแรง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “แม่เข้าใจดี แม่เข้าใจ มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการที่อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ารัว “ข้ายังต้องใช้แผนที่หนังแกะฉบับนี้ คงไม่อาจให้ท่านแม่ได้เจ้าค่ะ”
ไม่ใช่ว่าไม่สามารถคัดลอกเก็บไว้ได้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้เกิดพิรุธขึ้น ท่านแม่ไม่ได้พบหน้าอาอวี๋ นางอาจนำแผนที่หนังแกะแผ่นนี้ขึ้นมาดูต่างหน้า หากผู้อื่นเห็นเข้า…ไม่ใช่ว่าไป๋ชิงเหยียนไม่เชื่อใจบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋ ทว่า คนยิ่งรู้เรื่องนี้น้อยเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น
ต่งซื่อพยักหน้า “ขอเพียงอาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่แม่ก็พอใจแล้ว”
ต่งซื่อดูแผนที่ในมือซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ จากนั้นกอดแผนที่ไว้แนบอกของตัวเอง สะอื้นออกมาเบาๆ นางไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเป็นกังวลดี ไม่รู้ว่าอาอวี๋ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใดบ้าง ไม่รู้ว่าอาอวี๋กินอิ่ม นอนหลับหรือไม่
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ฐานะของอาอวี๋ในหนานหรงเป็นที่เคารพนับถือมาก ตอนข้าเจอน้องที่สนามรบ เขาร่างกายแข็งแรงดี ขี่ม้าและยิงธนูได้แม่นยำ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยปลอบต่งซื่อ
“ดีแล้วๆ” ต่งซื่อหัวเราะออกมา “เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว บุรุษตระกูลไป๋ล้วนทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ขอเพียงอาอวี๋มีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรงปลอดภัยก็พอแล้ว”
ร่างกายแข็งแรง สามารถขี่ม้าและยิงธนูได้ก็แสดงว่าอาอวี๋ยังมีแขนขาครบ เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ดีมากแล้ว!
ต่งซื่อเงยหน้าเช็ดน้ำตา จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง ใบหน้าของบุตรสาวอาบไปด้วยน้ำตา ทว่า เต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน บุตรสาวของนางสุขุมว่ากว่านางผู้เป็นมารดาเสียอีก ต่งซื่อหัวเราะสลับกับร้องไห้พลางกุมมือบุตรสาวเอาไว้ รู้สึกขอบคุณที่บุตรสาวนำข่าวเรื่องที่อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่มาบอกนาง
แสงแดดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ฝุ่นละลองลอยเด่นท่ามกลางแสงอาทิตย์ กระจกแกะสลักงดงามลายดอกไม้ส่องกระทบใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนและต่งซื่อสะท้อนไปบนโต๊ะสีดำตัวเล็กและแผ่นไม้บนพื้น
ต่งซื่อถอนหายใจยาวออกมา ลูบมือที่เย็นเฉียบของบุตรสาว น้ำตาไหลพรากอาบหน้า กล่าวเสียงสะอื้น “ดีจริงๆ ท่านพ่อของเจ้ารับปากแม่ก่อนจะเดินทางไปรบว่าจะปกป้องอาอวี๋ให้ดี จะไม่ให้ปล่อยอาอวี๋เป็นอันใดไปเด็ดขาด ท่านพ่อของเจ้าไม่ได้โกหกแม่ ท่านพ่อของเจ้ารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่เสมอ! ทว่า เขาเคยรับปากแม่ว่าเมื่ออาอวี๋ได้รับสืบทอดตำแหน่งเจิ้นกั๋วกง เขาจะพาแม่ไปท่องเที่ยว…”
ต่งซื่อหัวเราะเย้ยหยันตัวเองออกมาเบาๆ “แม่โลภมากเอง สวรรค์เมตตาให้ลูกชายของแม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว แม่ไม่ควรหวังสิ่งอื่นอีก!”
“ท่านแม่!” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกมารดาเสียงเบา หญิงสาวมองดูมารดาที่กำลังปวดใจ ทว่า ทำสิ่งใดไม่ได้ นางรู้สึกสงสารมารดาจับใจ
ต่งซื่อหัวเราะออกมาเบาๆ “เรื่องของอาอวี๋เป็นข่าวดีที่เกินความคาดหมายของแม่แล้ว แม่พอใจมากแล้ว!”
ต่งซื่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “บรรพบุรุษตระกูลไป๋ทุกคนสละชีพของตัวเองเพื่อปกป้องชาวบ้าน สวรรค์ต้องคุ้มครองพวกเราตระกูลไป๋แน่นอน แม่เชื่อเช่นนี้มาโดยตลอด”
คุ้มครองอย่างนั้นหรือ
ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ นางรู้เพียงว่านางได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ได้ช่วยชีวิตท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้ไม่ให้มีจุดจบอย่างน่าอนาถเหมือนในชาติที่แล้ว ช่วยให้บรรดาน้องสาวของนางไม่ถูกเหลียงอ๋องทรมาน ช่วยให้ตระกูลไป๋คงเกียรติและศักดิ์ศรีเอาไว้ ไม่ถูกทำลายชื่อเสียงจนป่นปี้ย่อยยับเหมือนในชาติที่แล้ว
หญิงสาวคิดว่านี่อาจเป็นเพราะสวรรค์กำลังคุ้มครองคนในตระกูลไป๋อยู่
สองแม่ลูกสบตากันทั้งน้ำตา ไม่นานก็ได้ยินเสียงฉินหมัวมัวเอ่ยทักไป๋จิ่นจื้อดังมาจากด้านนอก “คุณหนูสี่มาแล้วหรือเจ้าคะ…”
“ใช่แล้ว ข้ามารายงานพี่หญิงใหญ่” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างรวดเร็ว
ต่งซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา จากนั้นยื่นแผนที่หนังแกะคืนให้ไป๋ชิงเหยียน “รีบเก็บเร็วเข้า!”
ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนโผงผางและตรงไปตรงมา มักกล่าวสิ่งใดโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน หากไป๋จิ่นจื้อรู้เรื่องนี้เข้า นางอาจเผลอหลุดปากออกไปและสร้างปัญหาให้ไป๋ชิงอวี๋ได้
ไป๋จิ่นจื้อถูกชุนเถารั้งตัวสนทนาอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง เมื่อไป๋ชิงเหยียนเก็บแผนที่หนังแกะไว้ในลิ้นชักเสร็จแล้วเอ่ยบอก ชุนเถาจึงรีบเชิญไป๋จิ่นจื้อเข้าไปด้านใน
ไป๋จิ่นจื้อเดินเข้าไปในห้อง เมื่ออ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านในก็เห็นต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียนดวงตาแดงก่ำ สาวน้อยคิดว่าต่งซื่อตำหนิไป๋ชิงเหยียนจึงรีบทำความเคารพแล้วกล่าวปลอบ “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ครั้งนี้พี่หญิงใหญ่รู้ขอบเขตดี ท่านป้าสะใภ้อย่าได้โกรธพี่หญิงใหญ่เลยนะเจ้าคะ วันหน้าพี่หญิงใหญ่คงไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ ใช่หรือไม่เจ้าคะพี่หญิงใหญ่”
ต่งซื่อหัวเราะกับท่าทีของไป๋จิ่นจื้อ นางแสร้งทำเป็นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยท่าทีจริงจัง “แม่เห็นแก่หน้าเสี่ยวซื่อจึงยอมปล่อยเจ้าไปหรอกนะ”
“เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ารับคำ “ครั้งหน้าข้าจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นจื้อคิดว่าตัวเองช่วยแก้ปัญหาใหญ่ให้พี่หญิงใหญ่ได้จึงรู้สึกภูมิใจมาก สาวน้อยหันไปขยิบตาให้พี่สาวพลางกล่าวขึ้น “พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่ได้รับตัวท่านผู้เฒ่าหมิ่นมาเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้ของท่านผู้เฒ่าหมิ่นกล่าวว่าเขาออกไปชมทิวทัศน์บนภูเขาตั้งแต่เช้า อีกห้าวันเขาจะมารบกวนพี่หญิงใหญ่ที่จวนเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นมองไปทางต่งซื่อ “ในเมื่อท่านผู้เฒ่าหมิ่นกล่าวเช่นนี้แล้ว รบกวนท่านแม่เตรียมเรือนที่ค่อนข้างสงบและห่างไกลจากผู้คนไว้ต้อนรับท่านผู้เฒ่าหมิ่นด้วยนะเจ้าคะ ท่านผู้เฒ่าหมิ่นจะมาพักที่จวนไป๋เป็นการชั่วคราวเจ้าค่ะ”
“ไม่มีปัญหา” ต่งซื่อพยักหน้า จากนั้นประคองมือฉินหมัวมัวลุกขึ้น “พวกเจ้าพี่น้องสนทนากันไปเถิด ข้าจะไปต้มยาให้อาเป่า”
มองส่งต่งซื่อเดินออกไปจากห้อง ไป๋จิ่นจื้อนั่งลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ ครั้งนี้ข้าช่วยพี่หญิงใหญ่ไว้นะเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ “ใช่แล้ว ครั้งนี้เสี่ยวซื่อช่วยพี่เอาไว้”
“พี่หญิงใหญ่ ข้าได้ยินท่านแม่ของข้ากล่าวว่าท่านป้าสะใภ้บอกว่าหากพี่หญิงใหญ่กลับมาถึงซั่วหยางก่อนวันเกิดของพี่หญิงใหญ่ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่จะจัดงานเลี้ยงให้พวกเราพี่น้องได้สังสรรค์กันในวันที่ยี่สิบเก้าเจ้าค่ะ ข้าเตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่หญิงใหญ่แล้ว วันนี้ข้าขอมอบให้พี่หญิงใหญ่ล่วงหน้าเลยนะเจ้าคะ…” ไป๋จิ่นจื้อหันไปตะโกนเรียกคนด้านนอก “หลิงชุ่ย!”
เมื่อหลิงชุ่ยที่กำลังสนทนาอยู่กับชุนเถาด้านนอกโดยที่ในมือกอดกล่องใบหนึ่งไว้ในอ้อมแขนได้ยินเสียงเรียกของไป๋จิ่นจื้อ นางจึงรีบรับคำแล้วแหวกม่านเข้าไปด้านใน นางวางกล่องไม้ถานมู่สีดำเคลือบทองฝังหยกซึ่งแกะสลักเป็นลายเปลือกหอยลงบนโต๊ะเล็กอย่างนอบน้อม จากนั้นเดินออกไปจากห้อง
“พรุ่งนี้คือวันเกิดของพี่หญิงใหญ่แล้วนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อเอื้อมมือไปกดกล่องใบนั้นเอาไว้ “ในกล่องนี้คือของขวัญวันเกิดที่เสี่ยวซื่อมอบให้พี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ เสี่ยวซื่อทราบดีว่าพี่หญิงใหญ่ชอบอ่านตำรา ในนี้มีตำราอยู่จำนวนหนึ่ง หวังว่าพี่หญิงใหญ่จะชอบนะเจ้าคะ”
“ตำราหายากอันใดกัน เจ้าถึงได้ใส่ไว้ในกล่องล้ำค่าเช่นนี้” ไป๋ชิงเหยียนมองสำรวจกล่องตรงหน้าอย่างพิจารณา ในใจเริ่มมีคำตอบว่ากล่องนี้คงเป็นสินเดิมของท่านอาสะใภ้สาม ไม่รู้ว่าเสี่ยวซื่อไปเอามาได้อย่างไร น้องสาวของนางจึงรีบนำมามอบให้นางเช่นนี้
“ตำราดีเจ้าค่ะ ตำราดีจริงๆ เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อใช้มือกดกล่องพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากพี่หญิงใหญ่มีเวลาว่างอย่าลืมเปิดอ่านนะเจ้าคะ”
ตำราในกล่องนี้คือสมุดภาพที่ไป๋จิ่นจื้อคิดว่าน่าสนใจที่สุดในบรรดาสมุดภาพที่นางสรรหามาแล้ว สาวน้อยนำมามอบให้พี่หญิงใหญ่ล่วงหน้าในวันนี้เพราะกลัวว่าพี่หญิงใหญ่จะเปิดกล่องออกต่อหน้าน้องสาวคนอื่นๆ แล้วจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“ได้…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เดี๋ยวพี่จะให้ชุนเถาเก็บไว้ หากมีเวลาพี่จะหยิบมาอ่าน”
ไป๋จิ่นจื้อยิ้มร่า พี่หญิงใหญ่ของพวกนางยังสาวอยู่แท้ๆ ทว่า กลับชอบอ่านตำราพิชัยสงครามและตำราโบราณที่น่าเบื่อเหล่านั้น